ทำยังงัยให้หายกลัวผี ใครกลัวผีเชิญทางนี้ค่ะ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่อยู่มืดๆไม่ได้ จะเกิดความกลัวผีอย่างรุนแรง วันนี้เรามาคุยกันว่าทำยังไงจะหายกลัว การคุยถึงผีเป็นเรื่องดี ถ้ามันนำไปสู่ความเข้าใจว่า ความกลัวนั่นแหละตัวเชิญผี ความกลัวนั่นแหละกลิ่นเรียกผี ถ้าจัดการความกลัวได้อย่างเดียว ถึงผีปรากฏตัว คุณก็ไม่รู้สึกต่างจากเห็นคนแปลกหน้าปรากฏกายสักเท่าใด


 จริงๆ แล้วการจากไปของคนตาย ยังน่ากลัวน้อยกว่าจินตนาการของคนอยู่เสียอีก คนเราหลอกตัวเองก่อนโดนผีหลอกกันเสมอ บางคนกลัวขนหัวลุกไปเองทั้งชีวิต โดยไม่เคยเจอของจริงแม้แต่ครั้งเดียว!


นึกดีๆ ความคิดในหัวคุณเหมือนผีเปี๊ยบ มันหายตัวได้ตอนกลางวัน และกลับมาปรากฏตัวใหม่ในเวลากลางคืน


หลายคนอ้างว่าได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยในห้องนอน ในห้องน้ำ หรือกระทั่งในหัวตัวเอง ทำเอาฉี่แทบราด คุณว่าแปลกไหมล่ะ ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติมีอยู่มากมาย อย่างเช่นฟ้าร้องฟ้าผ่า กึกก้องคำรามไปทั่วราวกับทั้งโลกต้องได้ยินพร้อมกัน แต่เราก็หวาดกลัวเสียงดังขนาดนั้น น้อยเสียกว่าเสียงกระซิบแผ่วในห้องนอนตอนดึกๆเสียอีก


ไม่เคยเห็นผี แต่ฟังเสียงเล่าลือว่าผีหน้าตาอย่างนั้น ทำเสียงกุกกักตอนกลางคืนอย่างนี้ สรุปคือ เสียงเล่าลือนั่นแหละผีตัวจริง ถ้าคุณปล่อยให้เสียงเล่าลือเข้ามาอยู่ในหัว ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยให้ผีเข้ามาสิงสู่อยู่รอบๆตัวนั่นเอง


เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีมีอยู่ทุกชาติทุกภาษา แต่ความจริงเกี่ยวกับผีนั้น แทบไม่ปรากฏอยู่ในภาษาไหน เพราะส่วนใหญ่เราให้คนเป็นๆเล่า ไม่ใช่เอาผีมาสัมภาษณ์


ลองหัดวาดรูปผีขึ้นมา แล้วจะตระหนักว่าภาพผีที่แท้จริงมาจากความไม่รู้ในหัวของคุณ ไม่ใช่มาจากการที่คุณเคยเห็นมันจริง


นักประพันธ์เรื่องสยองขวัญบางคนยอมรับว่ามีความสุขที่จะฝันร้ายเพื่อจะได้มีเรื่องผีชั้นดีมาเขียนหลอกคนอ่าน


ความจริงมันเป็นอย่างนี้ เรื่องผีๆส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยนักประพันธ์ที่ไม่เคยเจอผีจริง แถมเล่าลือสืบๆกัน แล้วก็เอามาสร้างเป็นหนังโดยคนไม่เชื่อเรื่องผีเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เทคนิคการเล่าหรือการสร้างหนังให้ดูได้อารมณ์ เท่านี้กวาดเงินจากคนดูเป็นกอบเป็นกำแล้ว


สมัย ก่อนคนสมัยโบราณจะกลัวผีกันเฉพาะตอนกลางคืน แต่เพราะเทคนิคการเล่าของนักประพันธ์ยุคใหม่ ทำให้คนยุคเรากลัวผีแม้กระทั่งตอนกลางวัน เพราะเห็นในหนัง อ่านจากนิยาย ว่าผีก็ทำตัวน่ากลัวตอนกลางวันได้


ฉะนั้น ขอให้รู้ไว้เถอะว่าการรับความกลัวมาจากหนังหรือนิยาย ก็คือการช่วยทำรายได้ให้นักประพันธ์และนักสร้างหนังนั่นเอง พอนักประพันธ์และนักสร้างหนังคิดเรื่องผีๆใหม่ได้ เขาก็ทำเงิน ส่วนคุณก็ต้องทำใจ คิดเสียอย่างนี้ขณะกลัว คุณจะกลัวน้อยลงทันที เพราะไหนๆก็เสียเงินไปแล้ว อย่าเสียจิตเพิ่มอีกเลยดีกว่า


และต่อไปเวลาฟังคนเล่าเรื่องผี ลองเงี่ยหูฟังเสียงเล่าของเขาดีๆ แล้วคุณจะพบว่าเป็นเสียงที่เกิดจากความคิดเอาเอง ไม่ต่างจากเสียงในหัวของคุณเท่าไหร่


ใจคุณให้ผีอยู่ในอะไร สิ่งนั้นก็น่ากลัวได้ ทางที่ดีให้พิจารณาว่าส่วนใหญ่เราได้ยินเสียงผีกันทางลำโพงเครื่องเสียง ถ้าจะกลัว ก็ควรกลัวที่ที่มีลำโพง ไม่ใช่กลัวอากาศว่างเปล่า


และจะว่าไป ผีร้ายในอากาศ ยังน่ากลัวน้อยกว่าผีร้ายในร่างคน เพราะผีในอากาศจะมีจริงหรือไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ผีร้ายในร่างคนมีอยู่จริงแน่ๆ และมันก็ทำร้ายคนด้วยกันได้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผีด่า ผีกูไม่ผิด ผีปล้นฆ่า ผีข่มขืน ผีขายยา สารพัดที่เห็นกันตามทีวีและหนังสือพิมพ์


เมืองปีศาจมีจริง และคุณอาจกำลังอาศัยในเมืองนั้นอยู่ก็ได้ คุณไม่มีทางออกจากเมืองปีศาจ มีทางเดียวคือเปลี่ยนเมืองปีศาจให้เป็นเมืองมนุษย์!


มาว่ากันเรื่องผีตัวจริงบ้าง ถ้าจะมีจริง ผีมาจากอะไร? ผี ที่เกิดจากปัญหาสังคม อย่างพวกโดดตึกตายเพราะปัญหารุมเร้า ต่างก็มีปัญหาของเขาเองที่ยังแก้ไม่ตก ถ้าเจอพวกเขา แทนที่จะกลัว คุณควรเตรียมตัว เตรียมคำถามไว้ดีกว่าว่ามีอะไรจะให้ช่วยไหม


ส่วนผีตายโหง หรือพวกที่ตายก่อนวัยด้วยอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม พวกนี้มักตระหนกตกใจอย่างรุนแรงก่อนตาย ถามตัวเองว่าคุณสมควรกลัวคนกำลังตกใจหรือเปล่า? มันน่าให้คิดเห็นใจ อยากปลอบกันมากกว่านะ


เรื่องมันแย่ตรงที่ผีกลับมาเล่าแบบจับเข่าคุยไม่ได้ ว่าที่คุณเห็นไป หรือที่คุณกลัวไปนั้น มันถูกต้องตามที่เขาเป็นหรือเปล่า คุณเข้าใจเหตุผลในการปรากฏตัวของเขาถูกต้องแล้วหรือ จึงขวัญหนีดีฝ่อไปได้


สรุปคือ ความกลัวผีมีสองแบบ หนึ่งคือกลัวเพราะเคยเห็น สองคือกลัวเพราะไม่อยากเห็น และความกลัวผีในโลกมนุษย์นี้ ๙๙%เป็นประเภทหลัง


พระพุทธเจ้าให้ระลึกว่าเรามีความตายเป็นเบื้องหน้า ความตายจะมาถึงเราเป็นธรรมดา อาศัยความรู้สึกถึงอิริยาบถปัจจุบันเป็นตัวตั้ง เห็นว่าท่าทางที่กำลังมีอยู่เป็นอยู่ในขณะนี้ วันหนึ่งจะต้องนอนลงอย่างไม่อาจลุกขึ้นมาอีก ลมหายใจที่เข้าบ้างออกบ้างในขณะนี้ วันหนึ่งจะหยุดสงัด แล้วไม่เข้าไม่ออกอีก


ด้วยการเห็นว่าเราจะต้องไปเป็นเพื่อนผี จะทำให้หายกลัวผี และเร่งให้สร้างความสว่างแก่ตน เพื่อจะได้เป็นผีสว่าง ไม่ใช่ผีมืดในร่างมนุษย์อย่างที่เห็นเกลื่อนเมืองกันทุกวันนี้


ดังตฤณ


จากบทความ "ทำยังไงดี?"
นิตยสาร Miracle of Life ฉบับ เดือนตุลาคม ๕๓
 


 


 


อ่านธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ได้ที่


http://www.dlitemag.com/


Copy มาจากของคุณดังตฤณ ไม่รู้ใครเป็นสมาชิกนิตยสารบ้าง ถือว่าแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนะค่ะ ขอให้ทำสวนอย่างมีความสุขค่ะ

ความเห็น

ทำเสียงให้ดัง


ให้แสงสว่าง


หาคนเคียงข้าง


แค่นี้ก็ โอเคแล้ว  เหอๆๆๆๆ

กลัวที่มืด ยิ่งตอนอยู่คนเดียวจิตนาการจะบรรเจิดมากๆ พัดลมสายไปโดนผ้าม่านก็คิดไปอีกอย่าง 

เรืองนี้เพิ่งเกิดกับหลานอายุสามขวบ ทุ่มนึงแม่เค้าบอกให้นอนเพราะพรุ่งนี้ไปรร.  ร้องบอกมาม่าผ้ามันบินได้ไม่กล้านอน พอดีแอร์มันลงไปโดนผ้าคลุม  เด็กสามขวบคิดได้งัยว่าผ้าบินได้แล้วทำไมไม่กล้านอน

ถ้าผีคือร่างที่ไร้วิญญาณไม่กลัวค่ะ  แต่ถ้าวิญญาณไร้ร่างล่ะก็  อืมมมมม... ไม่ลบหลู่ดีกว่าค่ะ   แม่กุ้งเค้ามักจะลิงค์กับพวกวิญญาณได้  อย่างเวลาปู่ย่ากำลังจะเสียแม่มักจะเห็นคนที่นุ่งผ้าสีแดงถือดาบมาวนเวียนอยู่หน้าบ้าน  (ที่เขาเรียกว่ายมฑูต)  ครั้งหนึ่งแม่ผ่าตัดนอนโรงพยาบาลรัฐบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  นอนห้องพิเศษเดี่ยวนะคะ  แม่เห็นผู้ชายสูงใหญ่เหมือนแขกตัวดำเข้ามาบีบคอแม่ 2 คืนเลยค่ะ  แม่กลัวมาก  ส่วนลุงที่เฝ้าแม่อยู่ก็เครียด (คงเครียดเพราะความกลัวด้วย) ตอนเช้าพนักงานทำความสะอาดบอกว่ามีคนก็เคยเจอ  ส่วนพยาบาลบอกว่าไม่มีอะไรหรอกค่ะ  กุ้งไปเยี่ยมแม่ทุกวันพอรู้ว่ามีอะไรที่ไม่ได้เชิญมากวนแม่  กุ้งโมโหเลยตะโกนบอกในห้องว่า  "ถ้าอยากให้ทำบุญไปให้อย่ามากวนสิ   ให้มาปกปักรักษาให้หายไว ๆ พอออกจากโรงบาลแล้วจะทำบุญไปให้  มาอย่างนี้ไม่ชอบนะ"  ต่อมาลุงไม่ยอมเฝ้าแม่จะกลับบ้าน  กุ้งต้องไปเฝ้าเอง  เอาล่ะสิ  ว่าเขาไว้เยอะ  ทีนี้ล่ะเครียดเลย  แต่ต้องทำเป็นไม่กลัว  ไม่งั้นเดี๋ยวแม่จะกลัว   กุ้งเอาพระองค์เท่าฝ่ามือไปวางบนเตียงแม่  (นี่ขนาดไม่กลัวพระองค์ยังเท่าฝ่ามือเลย  ถ้ากลัวคงยกพระประธานไปแล้ว) ก่อนแม่นอนก็สวดมนต์ดัง ๆ ในห้องทุกบท(ท่องตามหนังสือสวดมนต์)    ให้แม่อุ่นใจ (รวมถึงเราด้วย)  แล้วก็เปิดหนังดูดึก ๆ จนง่วงจัด ๆ ค่อยนอน  (จะได้ไม่ตื่นกลางดึก) พอแม่ขยับตัวกุ้งจะถามว่า"มีอะไรมั๊ย"  ทุกครั้ง  ให้แม่อุ่นใจว่าเรารู้สึกตัวเป็นเพื่อนท่านนะ  กุ้งเฝ้าแม่ทุกวันจนแม่ออกจากโรงพยาบาลแม่ไม่เจออะไรอีกเลย  แล้วก็ทำบุญให้คนที่มากวนแม่ตามที่ได้บอกเขาเอาไว้   

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

พูดยาก  เพราะเจอค่ะ  แต่เป็นวิญญาณ  ไม่ใช่ผี   ไม่ใช่กลัว  แต่  อาการที่เป็นคือ  หัวใจเต้นเร็ว และต้องการให้ผ่านพ้นให้เร็วที่สุด  เรียกว่ากลัวมั้ย  ไม่รู้

กลัวผีมากกกก ไปเที่ยวต่างจังหวัดไม่สนุกเพราะกลัวผีนี่แหละยิ่งเพื่อนที่ไปด้วยเป็นประเภทหัวถึงหมอนหลับเป็นตายนี่ไม่อยากชวนไปค้างไหนเลยเรามันประเภทแปลกที่นอนไม่หลับด้วยแถมเคยเห็นมากับตาตอนเด็กๆไม่ได้ฝันด้วยแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าผี มีอยู่ว่าตอนเด็กอายุประมาน 8 ขวบสมัยเรียนอยู่บ้านนอกจะต้องเดินไปอาบน้ำที่คลองไม่รู้ว่าทำไมทั้งๆที่บ้านก็มีบ่อน้อให้อาบ ก็ไปกับน้องชายท่าน้ำที่อาบนี่อยู่ใกล้บ้านย่าประมาน6โมงเช้าได้ก็อาบน้ำเสร็จกลับมาแต่งตัวที่บ้านระหว่างบ้านย่ากับบ้านตัวเองก็จะมีสวนยางใหญ่มากก็เดินอยู่ทุกวันพอวันนั้นระหว่างเดินทางกลับบ้านก็เห็นดวงไฟใหญ่มากๆเรากับน้องก็คิดว่าดวงอาทิตย์ตก ใหญ่กว่ากระด้งอีกตามประสาเด็กก็คิดว่าดวงอาทิตย์ตกงัย ก็ชวนน้องเข้าไปดูแต่น้องบอกว่าเด๋วไปรร.สายเราว่าพรุ่งนี้เราค่อยมาดูกัน  พอกลับไปบ้านก็ไปบอกแม่ว่าเจอดวงอาทิตย์ตกที่สวนยางข้างบ้านย่า แม่ก็ไม่เล่าไรให้ฟังแล้วห้ามไปอาบน้ำที่คลองอีกเลย  มาบอกทีหลังว่าผีกระ หรือไรนี่แหละ แล้วมีหลายครั้งที่โดนผีอำที่ดูไบเด๋วค่อยเล่าล่ะกัน

ผีไม่กลัวกลัวคนมากกว่าครับ   แต่ อย่างว่าครับ ไม่เจอไม่รู้ อิอิ  ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ครับ  ในซอยบ้านผมนี้ เฮี้ยนมากครับ  เป็นบ้านเช่า  สองคูหา สองชั้น  ร้างมาเกือบสองปีแล้ว  ไม่ใช่ไม่เคยมีคนอยู่นะครับ แต่อยู่ได้ เจ้าละไม่เกิน 2-3 คืน ครับ  ทั้ง ญ ช  ไม่รู้กี่ครอบครัว  โดยที่มาจากต่างที่ต่างถิ่นไม่เคยรู้เรื่องราวมาก่อน  เพราะฉนั้นตัดเรื่อง อุปทานหมู่ไปได้ครับ  แต่ละครอบครัวที่เข้ามาอยู่ ในวันที่ 2-3 ก็เก็บข้าวของย้ายออก ประจำ เนื่องจาก พบว่า ตอนกลางคืน มีคนอาบน้ำ ในห้องน้ำ ดังมากๆๆ แล้วก็มีอีกหลายเหตุการณ์ ซึ่งหลายครอบครัว เล่าตรงกันหมด โดยที่ไม่เคย เจอหน้า หรือ พบปะพูดคุยกันมาก่อนครับ  ผมเลย ขอท้า หนุกๆ ว่าถ้าใครไม่กลัว และอยากเจอ  มาที่บ้านผม ที่กระบี่ครับ  รับรอง  ไม่เกิน 2 คืน  รู้เรื่อง อิอิอิอิ 


ปล. เล่าสนุกสนานนะครับ อย่าเครียดครับ  แต่เป็นเรื่องจริงนะครับ เนี่ย

ไม่กลัวแต่เกรงใจLaughing คนสมัยนี้น่ากลัวกว่าผีเยอะเลย

สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี

ผีคือจินตนาการของเราเอง  แต่ศพนี่มันเห็นจริงๆ  แล้วติดตาเอามาประกอบเป็นจินตนาการว่าผีมีรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้  ถ้าเราใจกล้าก็จะเห็นว่าสิ่งที่เราคิดว่าเห็นนั้นส่วนนึงคือจินตนาการของเรา


แต่ว่าตอนคุณแม่เสียเมื่อไม่นานมานี้ก็กลัวมากอยู่เพราะนอนใกล้กัน  และดิฉันก็ไม่ค่อยนอนตอนกลางคืนเดินเข้า-ออกห้องนอนไม่ได้หยุด ขณะกำลังอาบน้ำก็มีคนมาทุบประตูดังมาก จึงบอกให้คอยก่อนเสร็จแล้ว  เปิดประตูออกมาก็มืดสนิท  ไม่มีคนอยู่เลย (น้องๆนอนชั้นบน ห้องเดียวกันหมดเพราะกลัว)ไม่มีใครลงมาหลังยามวิกาล  ประตูบ้านล็อคหมด  แล้วใครล่ะที่ทุบประตูห้องน้ำ ถ้าไม่ใช่วิญญาณคุณแม่!

ก็ยังสงสัยเหมือนกันครับ

ผมเองก็กลัวผีนะ แต่ถ้าเราตายไปก็เป็นผี แล้วจะกลัวตัวเองไหม นี่

หน้า