มาทำไวน์แบบพอเพียงกันเถอะ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ผมเคยกล่าวถึงไวน์ดูไอเลิฟยูโซ ซึ่งหมักจากพิลังกาสากับมะเฟืองมาบ้างในบล็อกก่อนๆ ตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะนำมาเขียนลงบล็อก แนะนำเพื่อนสมาชิกบ้านสวนได้นำไปทำกันบ้าง เฝ้าแต่รอๆจนลูกพิลังกาสาสุกมากพอที่จะเอามาทำไวน์ ตอนแรกก็กะว่าจะทำไวน์ลูกราม(เรียกตามภาษาใต้)ล้วนๆ เดินมาเจอมะเฟืองหล่นใต้ต้นส่งกลิ่นโชยมา นึกถึงไวน์ดูไอเลิฟยูโซที่เคยทำ เลยอดไม่ได้ที่จะเก็บมาด้วย

ผลมะเฟืองนำมาตัดส่วนที่มดแมลงกินออกทิ้งไป ท่านที่จะทำตามขอแนะนำเก็บมะเฟืองร่วงหล่นใต้ต้นนะครับ เราต้องการกลิ่นหอมของมะเฟืองหล่น (ยืนยันว่าหอมกว่ามะเฟืองบ่ม) ใช้มะเฟืองและพิลังกาสาอย่างละเท่าๆกัน คือหนึ่งหม้อขนาดเจ็ดนิ้ว สำหรับทำไวน์ห้าลิตร

นำมาลวกด้วยน้ำเดือด แบบราดผ่านๆ แล้วบีบคั้นน้ำ

กรองเอากากออก

พิลังกาสาก็ทำเช่นเดียวกัน ลวกน้ำเดือดบีบคั้นน้ำแยกกากแยกเมล็ดออก

ผสมเข้าด้วยกัน สี(พิลังกาสา)และกลิ่น(มะเฟือง)

จะได้หัวเชื้อผลไม้ปริมาตรประมาณหนึ่งลิตร ใส่ในขวดหัวเชื้อน้ำอัดลมแบบที่เค้ากดขายเป็นแก้วๆ ผมไปหาซื้อมาจากร้านแถวๆดอนเมืองในราคาขวดละไม่ถึงสี่สิบบาท

ทีนี้ก็เป็นส่วนผสมที่เหลืออีกสี่ลิตร น้ำตาลครับละลายกับน้ำแร่ต้มพออุ่นๆ (ใช้น้ำแร่นะครับรึน้ำบาดาลก็ได้ ห้ามใช้น้ำประปาหรือว่าน้ำฝนเด็ดขาด)สูตรของผมส่วนมากจะใช้น้ำตาลทรายหนึ่งกิโลต่อไวน์ห้าลิตร

ยีสต์สำหรับทำไวน์

นำมาละลายกับน้ำผลไม้ผสมน้ำเชื่อมในถ้วยก่อนเพื่อให้ยีสต์ปรับตัว ทิ้งไว้สักครู่จนมีฟองปุดขึ้นมาแสดงว่ายีสต์เริ่มมีการแบ่งตัวแล้ว จึงนำไปเทลงในขวดหมักไวน์ (ตอนเทยีสต์ผง ให้ค่อยๆเทและคนอย่างช้าๆ ถ้าเทเร็วไปยีสต์จะเกาะตัวป็นก้อน)

นำสำลีมาอุดที่ปากขวด ตั้งทิ้งไว้สองสามวัน

ใช้ Hydrometer วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำผลไม้ตอนเริ่มหมัก(วัดได้ 1.16) ในขั้นตอนสุดท้ายของการหมักเมื่อเราทราบค่าความความแตกต่างของถ่วงจำเพาะ ก็จะสามารถคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์ได้

ทิ้งไว้อีกสองสามวัน ค่อยมาอัพบล็อกต่อนะครับ งานนี้ติดตามดูความคืบหน้ากันไปแบบสดๆพร้อมกันเลยนะครับ สำหรับใครที่จะรอชิมก็ขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้าแบบใส่ขวดก็ต้องรออีกสองปี ถ้าแบบไวน์สดก็เดือนกุมภา วาเลนไทน์พอดี

ความเห็น

ขอบคุณลุงพีสำหรับกรรมวิธีการทำไวท์แบบพอเพียงครับ

ขอบคุณครับสำหรับสูตรดีๆ ไวน์พอเพียง และกินอย่างพอเพียง

ว่าออออ นุ่งกางเกงขายาวสาวไม่ชอบพี่น้องเหอ คนถือจอบมาดแมนนั้นแหละแฟนฉาน นะสาวเหอ

อยากอยู่ใกล้บ้านลุงพีจัง


จะได้ขอความรู้ในการทำไวน์คับ


เพราะลุงพีเป็นกูรูด้านนี้อยู่แล้ว


ผมช๊อบ ชอบ เพื่อสุขภาพนะคับSealed

NONT..

ดื่มเพื่อสุขภาพนี่ ไม่เกินวันละสองแก้วนะครับ รึนนท์จะบอกว่าเวลาดื่มไม่เคยเปลี่ยนแก้ว ฮ่าๆๆ

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

  พี่คิดเหมือนนนท์เลย Laughing

เป็นวิชาที่น่าเรียนมาก..อยากไปฝึกทำบ้างจัง...แต่กลัวเมาตลอด...ลุงพี...มีโอกาสจะไปเรียนวิธีทำไวน์นะ

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ที่ว่าหนักเพราะต้องการความพยายามและอดกลั้นอดทนสูง ตอนทำอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนชิมนี่ซิ เค้าเปรียบเปรยเอาไว้ว่าใครที่ทำไวน์ แล้วดื่มไวน์นั้นก่อนเวลาอันควร(สองปีถึงสิบปี) เหมือนเป็นการข่มขืนลูกสาวตัวเองยังไงยังงั้น ส่วนผม......เฮียตั้มคงเข้าใจนะครับ ลูกสาวที่เหลือรอดพอที่จะแต่งงานออกเหย้าออกเรือนได้ ตอนนี้มีเพียงไวน์ท้อแท้ตัวเดียวเท่านั้น


ส่วนตัวอื่นๆ....... จะเหลือเรอะ ฮ่าๆๆ

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

ดูจากกระบวนการแล้วไม่ซับซ้อน เหมาะกับสมาชิกบ้านสวน ว่าแต่ผลไม้บ้านเราทำไวน์ได้แทบทั้งหมดเลยรึป่าวครับลุงพี เพราะเห็นผลไม้หลักๆเวลามันราคาตก น่าจะเอาไปทำไวน์

ฮ่าๆ.....งานนี้ต้องดม ถ้าจะไม่ใช้ยีสต์สำหรับทำไวน์ ต้องดมกลิ่นผลไม้ที่แก่จัด ชนิดที่ทำไวน์ได้ดีจะมีกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆออกมา เช่นสับปะรด มะเฟือง องุ่น ลองกอง ลิ้นจี่เป็นต้น แต่ถ้าใช้ยีสต์แล้วผลไม้อะไรก็ได้ครับ


เหตุที่ไม่ซับซ้อนเพราะเราทำไม่เกินห้าลิตรครับ ถ้าทำถังใหญ่กว่านี้จะต้องมีรายละเอียดในการเตรียมวัตถุดิบซับซ้อนมากขึ้นกว่านี้ เพราะถ้ายีสต์ไม่ทำงานหรือมีแบคทีเรียเข้าไปร่วมด้วย จากไวน์ก็จะกลายสภาพน้ำหมักชีวภาพแทนทันทีครับ

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

แต่ก.พ. ปีหน้า  จะแอบย่อง ไปจิ๊ก นะคะลุงพีCool

ฉันจะปลูก ผัก ให้ลูกทาน

หน้า