10ปีที่ผ่านมา กับความพยายาม บนพื้นฐานความพอเพียง ที่นี่สวนแสงดาว

หมวดหมู่ของบล็อก: 

   สวัสดีครับทุกท่าน ผมตรีภพ สวนแสงดาว สมาชิคใหม่ของบ้านสวนพอเพียง ผมทำเกษตรแบบผสมผสานครับหลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานกันการทำพืชเชิงเดียวมานาน เริ่มต้นจากการทำกาแฟอาราบีก้าเมื่อ10ปีก่อนและได้ปลูกต้นแมคคาเดเมียร์ไว้ด้วยแต่ต้องรอนาน7-8ปีถึงจะได้เก็บผลผลิต ซึ่งอย่างที่รู้ทำกาแฟมักจะโดนพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบเรื่องราคา ปัจจุบันได้เก็บผลผลิตแมคคาเดเมียร์แล้ว และได้ทำเสาวรสหวานด้วยโดยการแนะนำจากกรมวิชาการเกษตร ใครที่สนใจอยากได้ข้อมูลเรื่องการทำเกษตรผสมผสานก็บอกได้ครับยินดีให้คำแนะนำครับ ที่สวนมี

1.กาแฟอาราบีก้า 

2.แมคคาเดเมียร์  

3.เสาวรสหวาน    

4.ดอกนางลาว    

5.ยอดและผลซาโยเต้ 

6.หงส์ทอง     

ท่านที่สนใจผมยินดีให้คำปรึกษาครับ

ความเห็น

ปลูกเสารสต้องดูแลอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ
ที่บ้านต้นงามมาก ( ไม่รู้ว่าหวานหรือเปรี้ยว ) ได้มาจากวังน้ำเขียว ตอนนั้นก้ลืมถาม ( จริงๆ นึกว่ามีแต่เปรี้ยวอย่างเดียว )

แต่ยังไม่มีวิี่แววว่าจะให้ลูกเลยครับ

เขาเรียกอย่างนี้เหรอ   งามจัง

ดอกนางลาวสวยจัง กินได้มั๊ยคะ

มาดูวิวทิวทัศน์กันบ้าง

ภูเขา

ต้นไม้ใหญ่

ลำธารกับอาหารของต้นไม้

วิวสวย น้ำใส บรรยากาศดี

มีแผนจะทำโฮมสเตย์บ้างหรือเปล่าครับเนี่ย

สวยมากครับพี่

ทำแต่สิ่งที่ดี   อย่าดีแต่ทำ

  Surprised มีธรรมชาติมาให้ชมด้วย ขอบคุณมากนะคะ ลำธารมีสะพานเดินข้ามไปได้ด้วย 

เป็นที่ดิน ได้แบบมรดก หรือไปซื้ออยู่ที่นั่นคะ วิวก็สวย อายุยืนแน่ๆๆ

คงไม่ร้อนนะไร่นี้  น่าอยู่จัง

"ดอกนางลาวหรือนางแลวดอกม่วง" อร่อยเป็นยา

นาง แลว เป็นไม้ป่าที่พบขึ้นตามป่าดงดิบ ป่าแล้ง ป่าดิบเขา ทุกภาคของประเทศไทย แต่จะมีมากที่สุดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะขึ้นอยู่ตามริมห้วย ริมลำธาร เป็นกอกว้างจำนวนมาก ชาวบ้านที่มีอาชีพหาของป่าไปขายในตลาดตัวเมือง นิยมเด็ดเอาเฉพาะดอกนำลงจากเขาไปจำหน่ายให้คนซื้อไปปรุงเป็นอาหาร บางครั้งจะถอนทั้งต้นกลับไปปลูกริมรั้วบ้านเพื่อเก็บดอกกินและขายเป็นรายได้ เสริม ซึ่งนางแลวที่กล่าวถึงเป็นชนิดที่มีดอกสีขาว นิยมเอาดอกลวกจิ้มน้ำพริกชนิดต่างๆ หรือปรุงเป็นแกงกับปลาแห้ง แกงผักรวม แกงแครวมกับผักอย่างอื่น รสชาติอร่อยมาก ชาวเหนือนิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวาง

ส่วน "นางแลวดอกม่วง" เป็นอีกชนิดหนึ่งที่เพิ่งพบมีต้นวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เมื่อไม่นานมานี้ โดยขายเป็นกอ 6-7 ต้น กำลังมีดอกตูมสีม่วงยังไม่บานติดมากับต้น ซึ่งผู้ขายบอกว่า เวลาดอกบานจะเป็นสีม่วงเข้มสวยงามน่ารักมากและดูคล้ายดอกบัว จึงถูกเรียกว่า "นางแลวดอกม่วง" สามารถปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกเป็นผักริมรั้วเก็บดอกรับประทานได้เช่นเดียว กับนางแลวชนิดที่มีดอกสีขาวทุกอย่าง

นางแลวดอกม่วง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์เหมือนกับชนิดดอกสีขาวทุกอย่างคือ ASPIDISTRA  SUTEPENSIS K.LARSEN อยู่ ในวงศ์ LILIACEAE เป็นไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดิน ต้นและใบสูงประมาณ 80-100 ซม. แตกต้นเป็นกอขนาดใหญ่และกว้าง ต้นและใบแทงขึ้นจากเหง้าใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรูปเรียวแหลม ปลายแหลม โคนใบป้านลึก ก้านใบสั้น โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบยาวประมาณ 40-45 ซม. กว้าง 4-5 นิ้วฟุต แกนกลางใบค่อนข้างแข็งมองเห็นชัดเจน เวลาแตกกอใหญ่และมีใบดกจะเป็นกอน่าชมมาก

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆจากโคนต้น หรือจากเหง้าใต้ดิน ชูก้านขึ้นเหนือดิน โดยก้านช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 8-10 ซม. ก้านช่อเป็นสีขาว ดอกขณะยังตูมผิวดอกจะเป็นสีม่วงชัดเจน เมื่อบานกลีบดอกจะเป็นสีม่วงเข้มสวยงามมาก ดอกจะมีได้เรื่อยๆ แต่จะมีดอกเยอะในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเหง้าหรือหน่อ ปัจจุบัน "นางแลวดอกม่วง" มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 24 แผง "คุณหล้า–คุณแก้ว–คุณนิด" ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป ชอบน้ำ เวลามีดอกจะสวยงามมากและเก็บดอกกินเป็นอาหารได้ ส่วน รากรสขมเฝื่อนต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้หรือแก้ไอได้ครับ.

หน้า