การทำนาโยน ( ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณวิศิษฐ์ )

หมวดหมู่ของบล็อก: 

พอดีเห็นคุณคุณวิศิษฐ์ ถามๆ ข้อมูลเรื่อง การทำนาโยน เลย เอาข้อมูลแล้วก็ วิธีการที่ที่บ้านทำมาเล่าให้ฟังนิดหน่ิอยคับ
( ผมไม่ได้ทำหรอก หน้าที่ทำนา คือของน้อง , พ่อทำสวน แม่เก็บผลผลิด แล้วก็ ขายกับข้าว ... ผมถ่ายรูป -__-" )

การทำนาโยนข้อดี คร่าวๆ ที่ผมพอจะทราบแล้วก็ได้ยินมานะคับ คือ ประหยัดเมล็ดพันธุ์ แล้วก็ แรงงงาน ( เมื่อเทียบกับ นาหว่าน แล้วก็ ปักดำ )
คนคนเดียวสามารถโยนได้ หลายไร่ต่อวัน

จำนวนถาด (ถ้าจำไม่ผิด) ใช้ประมาณ 60 ถาด ต่อไร่

ถาดเพาะสามารถใช้ได้หลายปี ในภาพสีเขียวเป็นถาดของปีที่แล้ว

 

 

การโรยเมล็ดข้าว ข้อมูลแนะนำบอกว่า ใช้ประมาณ 3 เมล็ดข้าวต่อหลุม ในภาพน้องบอกว่่าขี้เกียจเลยใสๆๆ

 

นาโยนที่ทำจะทำไว้สำหรับขายเมล็ดพันธุ์ข้าว คับไมไ่้ด้ขายเป็นข้าวเปลือกทั่วๆ ไป จะใช้ปุ๋ยอืินทรีย์ ทั้งหมด
แล้วก็ปลอดเคมี ทั้งหมดด้วยคับ รวมทั้งเกี่ยวมือ แล้วก็ นวดด้วยมือด้วยคับ

 

หลังจาก โรยเมล็ดข้าวแล้วก็ ปิดด้วยดินเหนียวๆ นะคับ หน้าถาดเวลาแงะไปโยนจะทำให้ดินไม่แตกนะคับ

 

จากนั้น หาซาแรนมาปิดไว้จนกว่าเมล็ดข้าวจะเริ่มงอก จึงเอาออกคับ รดน้ำ 2-3 ครั้งต่อวัน

 

แถมภาพ บริเวณนาที่จะทำนาโยนคับ

 

สภาพกล้าที่เพาะไว้หลังจากผ่านไปได้ 8 วันคับ

 

อ้อ กล้าที่เพาะไว้ในถาด 15 วันก็ เอาไปโยนได้แล้วคับ ( ควรจะ )

 

ข้อมูลนอกจากจะ ประหยัดแรงงานแล้วก็ เมล็ดพันธุ์ แล้ว เขาว่า ข้าวทีทำแบบนาโยน เพาะจากถาดเมื่อเทียบกับ การเพาะกล้าในแปลงแล้วก็นำไปปักดำ
เขาว่า การตั้งตัวของกล้าที่เพาะแบบนี้จะไปเร็วกว่า ปักดำ เนื่องจากกล้าข้าวไม่ค่อยช้ำจากการถอน แล้วกล้าจะกอใหญ่กว่า การปักดำ หรือ หว่านโดยตรง
แล้วการทำแบบนี้ยังช่วยลดเรื่อง วัชพืชได้ระดับนึงคับ

เป็นข้อมูลคร่า่วๆ  คับ

ความเห็น

เคยมีคนบอกมาครับ นาโยนช่วยลดวัชพืช และการเกิดศัตรูพืชได้ อย่างไรครับ รบกวนอธิบายหน่อย ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ (แต่ปัญหาเรื่องข้าวดีดพอช่วยลดได้นี่เข้าใจครับ) :sweating:

ถ้าเดินเรื่อยไป ย่อมถึงปลายทาง

นาดำและนาโยน ข้าวและวัชพืชแข่งกันแบบไม่ยุติธรรมครับ ข้าวนั้นลำต้นพ้นน้ำ ขณะที่วัชพืชยังจมน้ำจมโคลนอยู่ เมื่อข้าวโตขึ้น ก็บังแดดได้มากขึ้น น้ำก็สูงขึ้น สุดท้ายวัชพืชก็หมดไป

ส่วนนาหว่าน ข้าวและวัชพืชแข่งกันด้วยความยุติธรรม งอกพร้อมๆ กัน จะใช้วิธีขังน้ำก็ทำไม่ได้ เพราะข้าวกับวัชพืชสูงพอๆ กัน วัชพืชหลายอย่างถ้าน้ำไม่ท่วมก็ไม่ตาย สุดท้ายข้าวกับวัชพืชก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่เจ้าของนานั้นทุกข์เหลือแสน (แต่สบายมาก่อนแล้ว หว่านมั่วๆ วันเดียวก็เสร็จ ก็ผมเองนั่นแหละ ยังไม่มีเวลาที่จะทำดีๆ เนียนๆ สักที)

เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แล อิอิ

สวนเกษตรบุรีรมย์การเกษตรแบบเสาร์เว้นเสาร์ เน้นที่เราปลูกเองกินเอง
บริการจัดทำและดูแลเว็บไซต์ ถูก ดี มีประสิทธิภาพ

ให้ผมอธิบายคงไม่ได้ครึ่ง ของที่บองน้อยอธิบายแน่ๆ

ฟังดูก็น่าสนุกนะค่ะโยนกล้าลงนา แล้วต้องมาหัดโยนก่อนทำจริงรึเปล่าค่ะ เพราะถ้าคนโยนไม่เป็นทำไงล่ะ เผื่อโยนไปแล้วกล้าหัวทิ่มลงหรือว่ากล้านอนราบกับพื้นไปละแย่เลย แต่ข้อมูลน่าสนใจมากค่ะ ถึ้งแม้ว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้กลับไปทำนาอีก แต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการทำนาอยู่ดี เพราะสายเลือดเรามาจากตระกูลชาวนา

เขาก็ฝึกๆ นิดๆ หน่อยๆ คับ

แต่มันไม่ยากหรอกคับ จับก้อนดินให้ได้แล้วก็ โยนไปในอากาศ ด้วยแรง g = mt 5555+ ( ทำเป็น ) ทำให้ตุ้มข้าว ตกลงไปก่ิอนจะหัวทิ่ม เสมอๆ คับ

อ้อ โยนนะ ห้ามปา 5555

สงสัยงานนี้ คนถ่ายรูป งานหนักที่สุดเลยเย้

ไม่ลองไม่รู้นะ อิอิ

ทำนาโยนด้วยเหรอคะ  วันก่อนก็คุยกับป้าที่แกทำอยู่ เราเห็นแล้วก็คิดว่าจะยุ่งยากตรงขั้นตอนการเพาะกล้า แต่แกเล่าว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่เคยฟังอาบอกมาว่าสะดวก ได้ผลผลิตดี ดีกว่านาหว่านหลายอย่าง  เพื่อนศิษฐ์ คงจะได้ใช้ประโยชน์ล่ะคราวนี้ (อ้อ จะบอกว่าทั้งคุณป้อม คุณศิษฐ์ และอารีย์ เราสามคนปีเดียวกันเลยเรียกเหมาว่าเพื่อนไปหมดเลย อิอิ)

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

อารีย์ แล้วก็พึ่งรู้ว่า คุณศิษฐ์ก็ ยังวัยรุ่นเหมือนกันเลย 555+

เขาทำกันอย่างนี้เหรอ :confused: :confused: :confused:

หน้า