ความเปลี่ยนแปลงของท้องทุ่ง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ชีวิตวัยเด็กผมเติบโตอยู่ในท้องไร่ท้องนามาโดยตลอด เมื่อได้ไปเรียนต่างจังหวัดก็เริ่มห่างหาย ไม่ค่อยได้กลับไปท้องทุ่งซักเท่าไหร่ ยิ่งได้ทำการทำงานไม่ต้องพูดถึง

ตอนนี้มีลูกมีเต้า คนโตวิ่งเล่นได้แล้ว ก็อยากจะพาเค๊าไปสัมผัสบรรยากาศแบบที่บ่มเพาะผมมาดูบ้าง หาโอกาสมาหลายคราก็ไม่ลงตัวซะที

เมื่อเร็วๆนี้ ไม่รู้อะไรดลใจลูกชายผม เช้าวันเสาร์ลูกชายบอกว่า "พ่อพาไปบ้านย่าหน่อย"

เอ้า เข้าทาง  ว่าแล้วก็จัดแจงข้าวของ กระเตงกันขึ้นรถ

ที่จริงบ้านแม่ผมอยู่ในตัวอำเภอ แต่ที่พาลูกๆไปนี้เป็นบ้านเกิดของแม่ผม เป็นที่ที่ผมใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก

เมื่อไปถึง แม่ผมกับญาติๆกำลังช่วยกันไถนา หว่านข้าวอยู่ เลยพาลูกชายคนโตเดินเล่น สำรวจไปเรื่อย

น้ำท่ายังไม่ขังเลย แต่ก็พอมีความชุ่มชื่น พอได้หว่านไถอยู่

เดินได้ซักพัก เจ้าตัวเล็กชักไม่ไหว บ่นว่าปวดขา อุ้มหน่อย ๆ (มารยาเด็ก Laughing)

ความรู้สึกที่สัมผัสได้ขณะนี้ มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อย่างป่าที่อยู่ปลายนาฝั่งกระโน้นแม่ผมมีไร่อยู่ในนั้นด้วย สมัยเด็กๆถ้าใครไม่ชำนาญพื้นที่ เข้าไปแล้วหลงทางเอาง่ายๆ  แต่ทุกวันนี้ถ้าเดินลัดป่านี้ ใช้เวลา 30 นาทีก็ทะลุถึงอีกฝั่งนึงแล้ว

กระเตงลูกเดินซักพัก ชักเหนื่อย มาพักได้ร่มกันเกรา ทางอีสานเรียก "ต้นมันปลา"

ตั้งแต่เด็กผมก็เห็นต้นนี้สูงใหญ่เท่านี้ ตอนนี้อายุผมจะเข้าหลักสี่แล้ว รู้สึกดีใจที่ยังอยู่ เหมือนได้เจอเพื่อนเก่ายังงัยยังงั้นเลย 

ดอกยังไม่มี มีแต่ดอกกาฝาก 

นั่งพักซักครู่ ลมเย็นๆพัดมาเอื่อยๆ รู้สึกถึงกลิ่นหอมเย็นของ "ดอกมันปลา" โชยอยู่ในความทรงจำ ภาพเก่าๆในวัยเด็กหวนขึ้นมาเป็นฉากๆ

ซักพักนึง ผมรู้สึกว่าในวันนี้มีอะไรที่ต่างไปจากเมื่อก่อนเก่า

แต่ก่อน ท้องทุ่งมันเงียบสงบกว่าวันนี้ ได้ยินแต่เสียงนกกา เสียงชาวนาไล่ควาย

แต่วันนี้เสียงเครื่องจักรเครื่องยนต์ดังอยู่รอบตัว

หาความสงบแบบเก่าก่อนไม่ได้แล้ว

ความเปลี่ยนแปลงย่อมมีอยู่ในทุกสิ่ง นั่นคือสัจธรรม

อย่างน้อยวันนี้ผมก็รู้สึกดีที่ได้กลับมายังที่ๆเป็นรากเหง้าของผม

และรู้สึกดียิ่งกว่าที่ได้พาลูกๆมาด้วย  อย่างน้อยเค๊าก็คงรู้ว่า บรรพบุรุษของเค๊าเป็นชาวนา

ความเห็น

พิมพ์เดียวกันเลย

:cute2:

พ่อกับลูก น่ารักจัง :embarrassed:

""

 

เชื้อพ่อมันแรงอ่ะคับ  :uhuhuh:

ลูกใครหว่า?..อิอิ

รู้สึกคิดถึงกลิ่นไอ กับความทรงจำ ในวัยเยาว์ 

ควายตัวจริงหายไป มีแต่ควายเหล็กแทนที่   :nonono:

ที่เห็นควายถูกบรรทุกเต็มรถ 10 ล้อ ขนเข้าไปทางกรุงเทพครับ  :crying2:

ผมเองก็เกิดที่ต่างจังหวัด(อ.เสนา อยุธยา) เริ่มมาเรียนกรุงเทพก็ตอนขึ้น ม.ปลาย อารมณ์เดียวกัน มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด อยากอยู่นานๆแต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเกือบหมด ท่าน้ำที่เคยโดดเล่นริมคลองก็ถูกรื้อทิ้งทำเป็นตึก สนามหน้าอำเภอที่เคยเตะฟุตบอลก็กลายเป็นที่จอดรถ ออกจากตลาดไม่ไกลก็เจอทุ่งนาเขียวขจีเดี๋ยวนี้ก็มีแต่โรงงาน เชื่อมั๊ยว่าผมหามุมนั่งทบทวนเรื่องราวเก่าๆไม่ได้เลย มันไม่มีที่ให้นั่ง มีแต่ร้านค้า แผงลอย รถราขวักไขว่ ผมและครอบครัวไปเที่ยวตลาดอัมพวา ต้องปล่อยให้ลูกเมียไปเดินเล่นซื้อของ ส่วนผมเดินเลาะชายคลองไปในที่ไม่ค่อยมีคนไปนั่งปลดปล่อยอารมณ์คิดถึงสายน้ำเมื่อครั้งยังเด็ก หาบรรยากาสอย่างนั้นยากเต็มทน

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ผมเคยไป 2 ครั้งครับ

ครั้งแรก นานหลายปีแล้ว ตอนนั้นยังมีมนต์เสน่ห์ของชาวคลอง ชาวสวนอย่างเต็มเปี่ยม

ครั้งหลัง เมื่อต้นปีนี้เอง ไปกับลูกชายคนโตนี่ล่ะครับ ต้องบอกว่าบรรยากาศไม่ต่างจากตลาดนัดเลย  สงสารลูกด้วยที่ต้องเดินเบียดเสียดกันกับนักท่องเที่ยวกัน

 

เอาอัมพวาของพวกเราคืนมา...... :nonono:

ซีเนียร์ อ้วนลงพุงแล้ว

หน้า