แม้ไม่มีดี ... ก็อวดได้

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    โดยปรกติ ... สิ่งที่จะนำมาอวดแก่ผู้อื่น แม้ราคาค่างวด ไม่สูง ... แต่ต้องเป็นของดี ...

    แต่ ... สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คงจะยึดความปรกติ ที่ว่านั้น ไม่ได้ ... และก็ไม่ใช่เป็นความผิดปรกติ แต่ประการใด ... หากเป็นด้วย ในชีวิตของข้าพเจ้าแล้ว หาเรื่องดี ๆ ที่เป็นตัวอย่าง ยาก ...

        กระนั้นก็ดี ... ด้วยตัณหา อยากเล่า ... เลยคิดเข้าข้างตัวเองเอาว่า ...

    ถึงจะไม่มีมุมดีเลิศประเสริฐศรี มาเล่าเป็นตัวอย่าง ... มุมชีวิตหมิ่นเหม่ ... ก็น่าจะนำมาเล่า เป็นอุทาหร ให้ช่วยกันค้นหา บางสิ่ง บางอย่าง ของบริบทสังคม ... ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม เยาวชน ได้บ้างกระมัง

    ก่อนนี้ชีวิตข้าพเจ้า ... มิได้สดใส ราบรื่น ... ตรงข้าม มีแต่ความลุ่ม ๆ ดอน ๆ ... หมิ่นเหม่ต่อการที่จะตกลงไปอยู่ก้นเหว ของสังคม

    เปล่า ... ไม่มีใครทำให้ หรือใครเป็นต้นเหตุ .... ตัวข้าพเจ้าเองนี่แหละ เป็นทั้งต้นเหตุ และผู้กระทำ ...

    สมัยเรียนชั้นมัธยม สอบไล่แต่ละชั้นปี ... เกือบตก เสมอ ... ผลการสอบปีสุดท้าย (ม. 6) เฉียดฉิว แค่ 50.01 %

และที่ผ่านมาได้นั้น ไม่ใช่ความสามารถด้านวิชาการนะครับ .... หากเป็นด้วยคะแนนช่วยจาก วิชาลูกเสือ และพละศึกษา ... สำหรับด้านวิชาการ

    เลขคณิต มีบ่อยครั้ง ที่คะแนน = 0 เพราะตีโจทย์ไม่แตก ... วิธีทำไม่ถูก ... คำตอบไม่ต้องพูดถึง ... มั่วขนาดนี้ ยังจะเอาคะแนนอีกเรอะ ...

      ก็ไม่รู้เรื่อง นี่นา ... การบ้านส่งน้อยครั้งสุด ๆ ... ส่งไป เวลาครูให้ออกไปทำบนกระดาน หน้าชั้น ... มั่วเลย ... แล้วครูก็ชอบเรียกข้าพเจ้า เสียด้วยซี เพราะท่านกลัวลอกคนอื่น มาประการหนึ่ง ... อีกประการ มีตัวอย่างด้านผิด ให้เพื่อน ๆ ร่วมห้องได้ดูเป็นตัวอย่าง มากมาย .... แสดงว่า เรามีบุญคุณกับเพื่อน ๆ มิใช่น้อย ... ในแง่ชี้ให้เห็นทางผิด จะได้ไม่ต้องเดินไปให้เสียเวลา

    เหตุที่ก่อให้เกิดผลการเรียนที่ทุลักทุเล รึครับ ... ก็ข้าพเจ้าอีกนั่นแหละ เป็นผู้ก่อ ...

    เช้า ... ข้าพเจ้า แต่งชุดนักเรียน ออกจากบ้าน พร้อมเพื่อน ๆ .... เย็น ๆ กลับเข้าบ้านก็ไล่ ๆ กับเพื่อน ... แล้วช่วงระหว่าง เช้า – เย็น ท่านคงคิดว่าข้าพเจ้า ... อยู่ที่โรงเรียนซีนะ ...

    ผิดถนัด เลยครับ ... มีบ่อยครั้ง ที่ข้าพเจ้า นั่งทนยุงอยู่ในป่ายางพารา (ป่าครับไม่ใช่สวน) ... หรือไม่ก็ปั่นจักรยานไปไหน ต่อไหน ... แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ใช่โรงเรียน ...

     ก็หนีเรียนไงครับ ! ... คงเสพติดมาจากตอนเรียนชั้นประถม ... วิทยายุทธ์ หนีเรียน ข้าพเจ้าหลากหลาย

      ขั้นดื้อ ๆ ซึ่ง ๆ หน้า เช่น เตรียมตะปู ไปเจาะล้อจักรยานให้รั่วกลางทาง ... แล้วจูงรถกลับ ... บางครั้งยอมเจ็บตัว และ เพื่อให้สมบทบาท ก็แกล้งล้มสมจริง สร้างบาดแผลบริเวณ เข่า หรือ ศอก แล้วกลับบ้าน

    คุณพ่อท่านก็ทราบ ... จึงบางครั้ง ... ท่านจับข้าพเจ้า ซ้อนท้ายรถ ไปส่งที่โรงเรียน ทั้ง ๆ ที่โชกเลือด งั้นแหละ ... และขอให้ครู ลงโทษหน้าชั้นเรียน อวดเพื่อน ๆ ...

    ท่านว่า ข้าพเจ้า จะหลาบจำไหม ? ... เปล่าเลย ... ด้าน ครับ ด้านซะแล้ว การหนีเรียน ยังคงมีอยู่ ... แถมพัฒนาขึ้นอีกขั้น ... จะเรียกพัฒนาคงไม่ได้นะเพราะไม่ใช่หนทางที่เจริญก้าวหน้า ... แต่ช่างเหอะ เรียกไปแล้วนี่ ...

    ยุทธวิธีหนีเรียน ที่ข้าพเจ้าคิดมาใช้ใหม่ คือ ... หนีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ... ฮึ ๆ ๆ ... ว่าไปงั้นแหละ !

    ในสมัยนั้น นักเรียนคนใด หยุดเรียน .. ต้องยื่นใบลาแจ้งเหตุที่ต้องหยุด ... ส่วนท้ายของใยลา ผู้ปกครองต้องเขียนรับรอง ว่า ... “ขอรับรองว่า ข้อความที่อ้างในใบลา เป็นความจริง” ... และลงชื่อกำกับ

    ดังนั้น  ... ยามเมื่อข้าพเจ้าเจ็บไข้ได้ป่วยจริง ... ใบลาของข้าพเจ้า ก็เป็นไปตามเงื่อนไขทุกประการ

    หลังจากคุณพ่อท่าน รับรองความถูกต้อง และลงชื่อให้แล้ว ... ข้าพเจ้า ก็จะแปลงสาร โดยการใช้นำยาลบหมึก คือคลอรีนเหลว ลบตัวเลขขอความ ระบุวันที่ เดือน และจำนวนวันที่ลา ตอน ที่ว่า ...

        “จนถึงวันที่ .... เดือน .... รวม ... วัน”

    ในใบลาที่เขียนด้วยปากกาหมึกซึม ออก ... พับใบลาเก็บไว้ .... เถลไถล ไปตามรัดดวง (ไปตามชอบ) ... พึงพอใจ ... จึงเติมตัวเลขในช่องว่าง ... ยื่นครูประจำชั้นวันไปโรงเรียน

    เหตุเบื่อเรียนของข้าพเจ้า ก็เพราะบางวิชา เป็นวิชาที่ต้องท่อง และจำ เช่น เรขาคณิต พีชคณิต เป็นต้น ... บางวิชาก็กลัวครูผู้สอน อย่างภาษาอังกฤษ ... ท่านไม่ดุอย่างเดียว แต่ลงมือด้วย ...

    เช่นเราไม่เติมตัว S หลังคำกริยา ที่ตามหลังประธานบุรุษที่ 3 ... หูเราก็จะไม่เป็นปรกติสุขทันที ... ท่านจะเอานิ้ว มาหนีบใบหู ... ออกแรงบิด ดึงขึ้น ... พร้อมเสียงที่ลอดออกมาจากการกัดฟันพูด

      “จำได้ไหม ... เอกพจน์บุรุษที่สาม ... กริยาต้อง เติม เอสสสสส....

    เราได้ยินไม่ค่อยชัดหรอกครับ ... เพราะเสียงลั่นของขี้หู มันกลบเกือบหมด ... เลยพาลเกลียดภาษาอังกฤษ .. และทุกวิชาที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ทุก ๆ วิชา ตั้งแต่ง่าย ๆ เช่นอ่านอังกฤษ ... จนยันที่ยาก เช่น Essay ... ที่ต้องเอาความรู้ภาษาอังกฤษมาบูรณาการ ให้เป็นเรื่อง เป็นราว

    พฤติกรรมดังที่เล่ามา ... สร้างความระอาแก่คุณพ่อยิ่งนัก ... จนถึงขั้นท่านบอกให้ตัดสินใจเลือกเอา ว่า ... จะเรียน ... หรือ ... ออกมาทำสวน

        ความคิดของข้าพเจ้า ตอนนั้น เป็นสองแพร่ง ...

    แพร่งแรก ... ทู้ซี้ เรียนให้จบ ม. 6 เพราะเรียนมาเยอะแล้ว ... กอปรกับ ยังเพลิดเพลินกับการได้พบเพื่อนที่โรงเรียน

    แพร่งที่ 2 ... ตัดสินใจว่า จบ ม. 6 ออกมาทำสวนแน่ ... จึงถอนกล้ายางพารา มาปลูกเตรียมไว้ ... กะว่า จบ ม. 6 แล้ว ไม่กี่ปี ก็ได้กรีด

    จบ ม. 6 แล้ว ... คุณพ่อ ตัดหางปล่อยป่า ... ให้ทำป่ายาง ... และข้าพเจ้า ก็ตั้งอกตั้งใจทำ .... ได้ ไม่ถึงเดือน ..

    หนทางชีวิต ข้าพเจ้า ... ก็ต้องเปลี่ยน ... และหนทางใหม่ ตามเข็มทิศชีวิตเครื่องเดิม ... แต่ชี้โดยไม่มีกระแสคลื่นภายนอกรบกวน ... ก็เริ่มต้นขึ้น

    และเปลี่ยนนาวาชีวิต ของข้าพเจ้า ... มาวิ่งโต้คลื่นลม อยู่บนผืนสมุทรสังคมปัจจุบัน ...

    หันกลับไปมองนาวาวิถี ที่ผ่านมา ... มีบทเรียนไม่น้อย ... อย่างน้อย ๆ ก็บอกกับตัวเองได้ว่า ...

        การคิด จะพัฒนาตนเอง ... ไม่มีคำว่าสาย ... หากมีความตั้งใจ

ความเห็น

เป็นข้อเขียน บทความที่น่าอ่านชวนให้คิด ถึงว่าคุณลุงถึงแข็งแรง จริงแล้วคุณลุงมีพร...ทางด้านการกีฬานี่เอง

ชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ จะทำให้ยากทำไม


 

อย่างน้อยภาษาไทย เล่าเรื่องได้เกรดสี่ค่ะ :cheer3:

รอติดตามภาคชีวิตพลิกผัน อะไรทำให้เด็กชายพาโลบรรลุได้ :uhuhuh:

_________________________  

Our way is not soft grass, it’s a mountain path with lots of rocks. But it goes upward, forward, toward the sun. – Ruth Westheimer

:good-job: กำลังสนุกเลยค่ะลุง จะติดตามตอนไปค่ะ :bye:

ชอบอ่าน เขียนต่อเรื่อยๆนะคะ

อยากอ่านต่อคะลุงLaughing

    

 

เมื่ออวดได้...แสดงว่ามีดี...ลุงมีประสบการณ์ดี ๆมาฝากเสมอเลย

ชีวืตที่เพียงพอ..

เหมือนได้อ่านนวนิยายเรื่องสั้นก่อนนอนเลยค่ะลุงพาโล อิอิ :embarrassed: :embarrassed: :love: :love:

จะรอตอนต่อไปค่ะคุณลุง

กีฬาอะไรครับลุง ที่ว่ามีดี

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ได้อ่านเรื่องสั้นอีกแล้ววันนี้ วันหน้ามีให้อ่านอีกใหมคะ ชอบจังเลยค่ะคุณลุง

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

หน้า