เที่ยวหมู่บ้านซาไก ตอนที่ 2- เผชิญความเปลี่ยนแปลง(จบ)

หมวดหมู่ของบล็อก: 
       ขออภัยที่ทำให้ผู้ติดตาม หายหลังกันเป็นแถบ ว่าแล้วก็ไปกันต่อ... เดินไปเรื่อย ๆ อากาศไม่ร้อน แต่เหงื่อโชก มียุงกวนใจตลอดทาง เดินชมนก ชมไม้ ถ่ายรูป เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ..

 

ก้อนหินก้อนนั้น.. แต่คงเป็นคนละก้อนกันกับในเพลง ..

 


ขอนไม้ (นี่ก็คนละขอนกับในเพลง) ปกคลุมไปด้วยมอสเขียว ๆ..

 เดินมาสักพักเจอป่ายาง(พารา) มีชาวบ้านขึ้นมาทำสวนยาง เท่าที่เห็นหลายครัว บางคนก็ขนอิฐ ขนปูน ขึ้นมาสร้างบ้านอยู่ซะมั่นคง (บางบ้านมีจานรับสัญญาณดาวเทียม ขอบอก..)


ป่ายางใครไม่รู้.. ไม่ได้มาลักขี้ยางนะ..

 เดินไปตามป่ายาง ทะลุไปยังหมู่บ้านซาไก พอมาถึง "ไหนละหมู่บ้านซาไก?" "ทับซาไก?".. เหมือนที่เคยเห็นในรูป ในรายการทีวี สารคดี นี่มันบ้านใครก็ไม่รู้..


เพื่อนบอก "นี่แหละหมู่บ้านซาไก" เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว.. เจริญไปเยอะแล้ว เพราะมีชาวต่างชาติ(นักโบราณคดี) ที่เข้ามาขุดหาวัตถุโบราณ รวมทั้งชาวบ้าน ได้หยิบยื่นสิ่งของ ให้ความช่วยเหลือ แก่ชาวซาไก วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปบ้าง จากเคยหาของป่าอย่างเดียว ก็มีอาชีพกรีดยาง

 


บ้านหลังงาม.. (ในรูป มุมซ้ายมือ จะเห็นแผ่นยาง ตากอยู่)

 

       ในบริเวณ.. มีบ้านอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 หลัง ปลูกติด ๆ กัน ภายในสวนยาง ถึงแม้จะเป็นบ้าน แต่ชาวซาไก ยังคงเรียกว่า "ทับ"

 


ทันทีที่เห็นคนแปลกหน้า.. เจ้าบ้านก็รีบลงจากเรือน เพื่อหลบหลีกจากสายตาคนแปลกหน้า (หรือเราเป็นคนหน้าแปลกหว่า.. ไม่ได้มาทวงหนี้นะ...)

 


หลังนี้เพื่อนรู้จัก..(เจ้าของบ้านโผล่ออกมาดู คนแปลกหน้า) เจ้าของบ้านกำลังหุงข้าวด้วยเตาฟืน มื้อนี้ได้ปลามาจากห้วย.. ว่าแล้วก็ให้ของฝาก เป็น กาแฟแพ็คใหญ่..กับบุหรี่ พูดคุยอยู่พักหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องยาสมุนไพร (คนที่บ้านฝากให้มาถาม) แล้วก็คุยเรื่องทั่วๆ ไป (คุยกันภาษาใต้) ได้ความว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ออกไปหาของป่าแต่เช้า จะกลับก็ค่ำ ในหมู่บ้านมีแต่เด็ก กับผู้หญิง.. สักพักหนึ่ง เราก็ขอไปเดินดูรอบ ๆ

 


บางมุม : สัตว์เลี้ยง (เท่าที่เห็น เลี้ยงแมว และ หมา) และข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป.. ตอนนี้เจ้าของบ้านหลบ(หน้า)ไปหมดแล้ว..

 


เห็นหลังไกล ๆ ... หนีกันหมด งานนี้ฝันสลาย อดเก็บรูปเด็กน้อยซาไก..

 

มาครั้งนี้เลยไม่ค่อยได้เรื่องราวอะไรเลย.. เดินดูบ้านเปล่า ๆ ก็แล้วกัน.. ก็เดินมาเหนื่อย..

 


พบอาวุธคู่กาย.."กระบอกตุด" แขวนอยู่ตรงฝาบ้าน

 


ร่องรอย.. เตาฟืน.. การหุงหา อาหาร

 


เล่นกับหมาน้อย.. (ไม่ยักกะกลัวเราแฮะ..)

 


นั่งเล่นอยู่พักหนึ่ง กำลังจะกลับ... ก็มีซาไกหนุ่มผู้นี้ มานั่งคุยด้วย (ซาไกผู้ชาย โดยเฉพาะวัยรุ่น จะชอบมาคุย แต่เด็กและผู้หญิงจะหลบ) เพื่อนยื่นบุหรี่ให้.. แล้วก็พ่นควันกันเพลิน.. ส่วนข้าพเจ้าไม่สูบบุหรี่ เตรียมหาจังหวะถ่ายรูปอย่างเดียว (เป็นปาปารัชชี่นิ)

 


สูบบุหรี่ไปพลาง แม้บทสนทนาจะไม่ยืดยาวนัก แต่ก็พอทราบวิถีชีวิต คร่าว ๆ ว่าซาไกกลุ่มนี้ ดำรงชีพ ด้วยการ กรีดยาง หาของป่า เช่น สะตอป่า ล่าสัตว์ ตกปลา เก็บสมุนไพร..

 


คุยเสร็จ.. ไปดูตรงที่เค้ากำลังทำยางแผ่น เช้านี้ได้คนละสามผืน (แผ่น) กรีดเสร็จแล้ว เอามาแบ่งเท่า ๆ กันแต่ละบ้าน

 


หนึ่งในขั้นตอนทำยางแผ่น.. นั่งรอ.. รอ.. ให้น้ำยางแข็งตัว แล้วเอามารีดเป็นแผ่นบาง ๆ

 


ระหว่างรอ ก็คุยกัน... แต่ตอนที่เราไปเงียบสนิท...

 


โดนเหล่แล้ว.. กลับดีกว่า เดี๋ยวมีเรื่อง.. เอิ๊ก ๆ

 


ต้นอะไร ดอกอะไร ลูกอะไร ใครรู้บ้าง..(เจอในป่ายาง)

ขอขอบคุณ: ไกด์จำเป็น.., ชาวหมู่บ้านซาไก, และชาวคณะพี่น้องบ้านสวนฯ ทุกท่าน ที่เดินตามมาติด ๆ (ขากลับตัวใครตัวมันเด้อ.. วิ่งลงควนไม่ต้องเหลียวหลังนะครับ.. )

 -จบ-

 << ตอนที่แล้ว

ความเห็น

ภาพสุดท้าย...เหมฺรฺ , มังเคร,มังเร,เหร,เอนอ้า,โคลงเคลง..

แล้วแต่สำเนียงท้องถิ่นไหนครับ..

ออกปากรุนท็อกที !!!

ขอบคุณพี่สายลมฯ แสดงว่าเหมฺรฺ มีหลายชนิด เคยเห็นแต่แบบที่ดอกออกสีม่วง ๆ ใบและเมล็ดไม่มีขนแบบในรูป

 

 

"ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ถ้าเราไม่หยุดเดิน"

 เหมฺรฺ มีหลายชนิด สีม่วงอ่อนแก่ สีขาวก้ามี แบบเลื้อยก้ามี แบบต้นเท่าน่องก้ามี(เข้าเหมร บ้านลูงพูน บนเขาลูกนั้น มีต้นเท่่าน่อง เลื่อยทำหนำได้เลย..

ครับ

ออกปากรุนท็อกที !!!

ทับซาไกที่สตูลก็มีคะเคยไปเที่ยวเมื่อสิบกว่าปีก่อน(ตอนนี้ไม่รู้ยังเหรยหม้าย)  เป็นทับซาไกจริงๆที่นอนเค้าจะใช้ไม้ปูหลังพิงเกือบจะตั้งฉากกับพื้นนั่ง(ซาไกจะนั่งหลับ)หลังคามุงด้วยใบกล้วยหรือใบไม้ใหญ่ๆ ไปเที่ยวครั้งนั้นเจอกระบอกไม้ไผ่แขวนอยู่ตรงเสาไม้ กำลังจะเอื้อมมือไปจับเจอตวาด   "อย่าถูกนะตาย" ไม่ได้ตกใจคะแต่ ใจตก กลิ้งขลุกๆลงไปอยู่ล่างควนเลยคะ  Cry มารู้ทีหลังว่าเป็นกระบอกลูกดอกอาบยาพิษ (บอกตุด)  ไอ้เราก็คิดว่ากระบอกใส่น้ำTongue out

อยากเห็นทับซาไกจริง ๆ เหมือนกันครับ อิจฉาคนตูล ได้ไปเที่ยวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันก่อนไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชร เห็นป้ายบอกมีทับซาไกด้วย จะหาโอกาสแวะไปชม

 

 

"ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ถ้าเราไม่หยุดเดิน"

ตอนพามาเที่ยวยังเดินตามกันมา ขากลับบอกตัวใครตัวมัน แล้วจะกลับถูกเหรอครับ แซวเล่นนะครับ

ขอบคุณสำหรับไกด์พาเที่ยว หมู่บ้านซาไกนะครับ

วิหคน้อยบินไกล เฝ้ารอวันกลับคืนถิ่น

สองกับเจ็ด หนึ่งภาพล้านคำบรรยายจริงๆ

โดยเฉพาะเจ็ด ดุดัน กังวล สงสัย หลังคาสักกะสี ความเปลื่ยนแปลงกำลังคืบคลานเข้าไป 

มัวแต่กินลมชมหมอกทุกๆปลายปี น่าจะมีโอกาสแบบพี่บ้างจังง

ย้ำไปตามทางเดินวิถี

บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาดูเราหรือเราดูเขากันแน่

ตกลงเราเดินไปให้เขาดูวิถีแบบคิดของเราหรือเปล่าน้อออ

ภาพสุดท้าย ต้นมังเร หรือเปล่าน้า ถ้าสุกลูกจะแดงแต่เนื้อข้างในดำปี้เลย ถ้าใช่ กินได้ ปากจะดำทั้งวัน

เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด  ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่

คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู

แล้วบล็อกนี้พลาดได้ไงนี่เรา


ก็วิถีชีวิตก็เหมือนเราสมัยก่อนค่ะ ยายอิ๊ดเคยไปไร่กับพ่อ พ่อก็ชอบทำทัพ..ให้เรานอนเล่นแต่ทัพ แบบเมื่อก่อนจริงๆค่ะ กองฟืนก็เหมือนที่พ่อทำเปี๊ยบเลยค่ะ..เอีหรือเราลูกหลานซาไก..


เสียดายวิถีชีวิตแบบเก่าๆค่ะ


ขอบคุณค่ะกิ้งก่าดง


 

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

ตามมาเที่ยวกัน แต่ขากลับขอเดินนำหน้าเดียวอิโถเพื่อนทุ่ม 

หน้า