น้ำมันราคาแพง.

หมวดหมู่ของบล็อก: 

นำเสนอต่อจากบล๊อกนี้ครับhttp://www.bansuanporpeang.com/node/25145

 

บทที่ 2

ปตท.ผูกขาดและฉ้อฉล

 

ปตท. ผูกขาดและฉ้อฉลไม่โปร่งใส   สกปรกกินอย่างมูมมาม  ขาดคุณธรรม  ขาดจริยธรรม  คอรัปชั่น  จงใจทุจริต มีดังต่อไปนี้

 

1.โกงการขายหุ้น

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2544 มีการขายหุ้น ปตท. 800 ล้านหุ้น  ขายหมดเพียง 1 นาที 30 วินาที จึงถูกฟ้องและคณะกรรมการตรวจสอบได้ลงความเห็นว่า

 

ประการที่หนึ่ง   การประเมินความต้องการจองซื้อหุ้นต่ำกว่าความเป็นจริง  และเลิกรูปแบบจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อย  ตามหลักการ  ผู้จองซื้อก่อนจ่ายเงินก่อน  มีสิทธิได้รับจัดสรรก่อน  (First  Come  First  Serve)  และแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหุ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่  5  ธนาคาร ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่เหมาะสม  เพราะเกิดปัญหาความไม่สมดุลยของจำนวนที่เสนอขาย  กับความต้องการจองซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมากจึงมีความเป็นไปได้สูง  ผู้ลงทุนเป็นรายแรก  หรือคิวที่ 1 ของบางธนาคารอาจไม่สามารถจองซื้อหุ้นได้เพราะไม่ได้ถือเงินสดไป

 

ประการที่สอง  การจองซื้อสิ้นสุดภายในระยะเวลาอันสั้นเพียง  1  นาที  30  วินาที อาจทำให้ผู้จองซื้อไปจองไม่ทัน  วิธีการจัดสรรแบบดังกล่าวผู้จองซื้อทุกรายได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

 

ประการที่สาม  การมีตัวแทนจำหน่ายหุ้นหลายรายที่มีประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์แตกต่างกันทำให้กรณีที่ความต้องการจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากทำให้การจองซื้อสิ้นสุดลงภายในไม่ถึง 2 นาที  ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์และความได้เปรียบในเรื่องการเชื่อมต่อของระบบเครือข่ายของตัวแทนจำหน่ายหุ้นแต่ละราย  กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการจองและการจัดสรรหุ้นซึ่งอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม

ฟ้องทักษิณ  และ  ปตท.

 

            31 สิงหาคม 2549 ประชาชนได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองฟ้อง  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  และรมว.กระทรวงพลังงาน  ขอศาลเพิกถอน พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิประโยชน์ของ  ปตท. พ.ศ. 2544  แต่ไม่เป็นผลทำให้เกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

 

            ก. ราคาหุ้น  ปตท. เริ่มที่หุ้นละ 10 บาท  กลายเป็น 368 บาท รวมมูลค่า 1.04 ล้านล้านบาท

 

            ข. วันที่ 22 กันยายน 2554 มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินกับพวกรวม 6 คน ฟ้องบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงการคลัง  ต่อศาลปกครอง เพื่อ

 

                        1. ให้การซื้อขายหุ้นเป็นโมฆะ  (รัฐอาจซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 10 บาท)

 

                        2. ให้คืนสาธารณสมบัติ เช่น โรงกลั่น ท่อส่งก๊าซ  และอุปกรณ์ทั้งทางบกทางทะเล

 

                        3. ให้หุ้นของโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 4 โรงตกเป็นของแผ่นดิน

 

                        4. ให้  ปตท.  ถือหุ้นในโรงกลั่นอีก 3 โรง  ไม่เกินโรงละ  5% เพราะถือว่ามีอำนาจเหนือตลาดเป็นการกระทำที่ผิดขัดต่อ พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า

 

                        5. วันที่ 11 ตุลาคม 2554 ศาลปกครองกลางได้ออกหมายแจ้งคำสั่งต่อผู้ฟ้องว่า  ศาลรับคำฟ้องของผู้ฟ้องไว้พิจารณาแล้ว  ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 ศาลอาจใช้อำนาจเรียกข้อมูลที่ซ่อนนำมาตีแผ่ ว่ามีการกระทำเลวร้ายตามที่ถูกล่าวหาหรือไม่? ปตท. โงประชาชนหรือไม่?  คดีนี้แหละจะเป็นคดีที่เปิดหน้ากาก “ทรราชย์น้ำมัน” หลายประเทศ  ทรราชย์น้ำมันถูกกระชากหน้ากากให้ประชาชนเห็นอย่างจะจะว่า  การกระทำของทรราชย์น้ำมันเป็นการกระทำเพื่อพัฒนาประเทศ  หรือ เป็นการกระทำในลักษณะฉ้อโกงประชาชน

 

            หมายเหตุ  ในบทนี้ความสำคัญอยู่ที่วิธีการขายหุ้นมีการทุจริต  การขายหุ้นไม่โปร่งใส  มีตัวแทนเชิดของนายทุนใหญ่ นายทุนสามานย์  นักการเมืองสามานย์  ถือหุ้นแทนกัน  การขายหุ้นดังกล่าวถือว่ามีความผิดมีโทษ

 

            1.ปตท. โกงตั้งแต่ขั้นจองหุ้นและขายหุ้นแล้ว

            2.ขั้นซื้อน้ำมันจากบ่อ

            3.การขายเข้าโรงกลั่น

            4.โรงกลั่นขายให้  ปตท.

            5.ปตท. ขายส่ง

            6.ปตท.  ขายปลีกในประเทศ

            7.การขายไปต่างประเทศ

           

ทั้ง 7 รายการนี้ก็ไม่โปร่งใส  ปิดบังการตรวจของหน่วยตรวจสอบอีกด้วย ดังปรากฏตามคำฟ้องของยามเฝ้าแผ่นดิน 6 คนศาลรับคำฟ้องไว้แล้ว  ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

 

        2.โกงประเมินราคาโรงกลั่นน้ำมันเท่ากับ 1 บาท

            โรงกลั่นน้ำมัน  สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2540 เงินลงทุน 50,000 ล้านบาท  ปตท.ให้บริษัทประเมินหลักทรัพย์ประเมินได้ราคา 1 บาท แล้วขายให้  ปตท. (มหาชน)  ในราคา 1 บาท เอาโรงกลั่นน้ำมันราคา  50,000 ขายเพียง 1 บาท  หมายความว่า ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่มีเอกชนถือหุ้น  แปรรูปไปเป็น  ปตท. (มหาชน)  เป็นผู้ซื้อโรงกลั่น  ปตท.  รัฐวิสาหกิจไม่มีเอกชนถือหุ้น  ไปขายให้  ปตท.  เอกชนถือหุ้นราคา 1 บาท  (คือยกให้ฟรีๆ)  ทรัพย์สินของหลวงราคา  50,000 ล้านบาท  ยกให้เอกชนฟรีๆ เอาทรัพย์ของรัฐบาลไปขายให้เอกชนเพียง 1 บาท  รัฐเสียหายมาก

 

        3.ซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์  แต่ความจริงน้ำมันอยู่ในประเทศไทย

                        1) ราคาน้ำมันเบนซินประเทศไทย

                                    1.1ต้นทุน 5 บาท (ค่าดูดน้ำมันดิบ ลิตรละ 60 สตางค์) ค่าภาคหลวง ลิตรละ 1.40 บาท ค่าขนส่งจากปากหลุมถึงโรงกลั่น ลิตรละ 1 บาท และค่าการกลั่น ลิตรละ 1 บาท

 

                                    1.2อ้างอิงราคาสิงคโปร์ ลิตรละ24 บาท (ค่าซื้อน้ำมันลม  ไม่ซื้อจริง ลิตรละ 24 บาท ได้เงินมาฟรีๆ  แบบกินเปล่า ลิตรละ 24 บาท วันละ 20 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน 480 ล้านบาทต่อวัน หรือปีละ 175,200 ล้านบาท)

 

                                    1.3ค่าภาษีน้ำมันเบนซิน ลิตรละ 15 บาท  ภาษีสรรพสามิต, ภาษีสรรพากร VAT  7%  ที่หน้าโรงกลั่นและหัวจ่ายน้ำมัน, ภาษีท้องถิ่น, ภาษีกองทุนน้ำมัน, ภาษีอนุรักษ์พลังงาน

 

                                    1.4ค่าการตลาด ลิตรละ 4 บาท

 

                        รวม  43  บาทต่อลิตร  (น้ำมันเบนซิน91)

 

                        2)ซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ  อิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ น้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 24 บาท แยกเป็นต้นทุนได้ดังนี้

 

-          ค่าน้ำมันดิบ  17 บาทต่อลิตร

-          ค่าการกลั่น, การขนส่ง, ค่าประกันภัย, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมอีก 7 บาท

ขายในประเทศไทย  ราคาจำหน่าย ลิตรละ 43 บาท ได้ค่า

การตลาด ลิตรละ 4 บาท และค่าภาษี ลิตรละ 15 บาท

 

                        3)น้ำมันไทย เบนซิน 91 ขายไปต่างประเทศไม่ต้องเสียภาษี

                                    3.1 ส่งน้ำมันเบนซินไปขายต่างประเทศ ราคาลิตรละ 17 บาท ปริมาณวันละ 25 ล้านลิตร  ค่าภาษีลิตรละ 15 บาท เป็นเงิน 425 ล้านบาทต่อวัน คิดเป็นปีละ 155,125 ล้านบาท

 

                                    3.2 ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ ทั้งสิ้น

 

                        3.3ทำเป็นขายไปต่างประเทศ  แต่ขายในไทยกำไรดีได้ลิตรละ 26 บาท และยังได้อีกคือ   17  -  5   =  12   บาท  กำไรรวม  26 +  12   38  บาทต่อลิตร

 

                        หมายเหตุ  ขายไปต่างประเทศลิตรละ 17 บาท  แต่ขายในไทยลิตรละ  43 บาท  คิดดูซิว่า  ปตท.  รักคนไทย  หรือรักประเทศอื่น  นี่แหละที่เรียกว่า  โกงชาติ

 

                        4.อ้างว่าสั่งน้ำมันจากต่างประเทศราคาแพง  แต่ไม่ยอมเปิดเผยเอกสารสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ  ซึ่งส่อไปในทางทุจริต  สั่งซื้อวันละ  121  ล้านลิตร  แต่น้ำมันดิบในอ่าวไทยหายไปวันละ  121  ล้านลิตรเช่นกัน  ทำไมตัวเลขจึงตรงกันตลอดมา   มันไม่ใช่บังเอิญ

 

                        ข้อเท็จจริง  ขนน้ำมันดิบจากอ่าวไทยสามารถพิสูจน์ได้  คือ  น้ำมันหายไปจากอ่าวไทย วันละ  121  ล้านลิตรเช่นกัน  ดูดและขนส่งน้ำมันดิบไปเข้าโรงกลั่นน้ำมันในเครือ  ปตท. ทำให้ประชาชนต้องซื้อน้ำมันแพง

 

                        5.ว่าจ้าง  หรือสั่งจ้างการสำรวจและเจาะหลุมดูดน้ำมัน  ในอัตราที่สูงเกินกว่าราคาสมาคมปิโตรเลียม  ที่ปรากฏในสื่อ  คือ  ราคาหลุมละ 30 ล้านบาท  แต่  ปตท.สผ.  บอกผ่านสื่อว่ามีค่าขุดเจาะราคาหลุมละ 900 ล้านบาท

 

  1. 1.   แต่ละหลุมของทหารเจาะและสำรวจหลุมละ 10 ล้านบาท
  2. 2.   หลายประเทศส่วนใหญ่ค่าเจาะสำรวจจนดูดน้ำมันได้หลุมละ

50 ล้านบาท แต่  ปตท.สผ.  มีค่าใช้จ่ายเจาะจนดูดน้ำมันได้หลุมละ  900 ล้านบาท 

ข้อน่าสังเกต   แพงเกินไปไม่โปร่งใส  มีเอกสารตรวจสอบได้  ถ้า

จะตรวจสอบ  (เงินใต้โต๊ะไม่มีใบเสร็จ)  แต่ในบัญชีจ่ายเงินระบุว่า  หลุมละ  900 ล้านบาท

 

                                    ผลก็คือ    

  1. ค่าไฟฟ้ามีราคาขึ้นเพราะต้องซื้อก๊าซจาก  ปตท.  ราคาแพงกว่าทั่วโลกไปเป็นเชื้อเพลิงในการปั่นไฟฟ้าขายให้คนไทย
  2. บอกราคาก๊าซแพง  - สินค้าทุกชนิด  2,000  กว่ารายการแพงตามหมด  ประชาชนเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน  โดย  ปตท.  ฉ้อโกงไปแล้ว  กก.ละ  7 บาท  วันละ  7   ล้านกิโลกรัม  เป็นเงินวันละ  49  ล้านบาท  หรือปีละ  17,885  ล้านบาท

 

6.โกงค่าภาคหลวง  (โดยเชิงนโยบาย)

ในห้วงปี พ.ศ. 2544-2550  บมจ.ปตท.สผ.  ได้กระทำผิดกฎหมาย 

พ.ร.บ. ปิโตรเลียม  2514  ในการจัดส่งค่าภาคหลวงเพียง  8จากที่กฎหมายกำหนดไว้   12.5 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

                        เดิมค่าภาคหลวงตามกฎหมาย  12.5%  แต่เรียกเก็บโดยเฉลี่ยเพียง  8%  (ความผิดเกิดขึ้นแล้วมาออกกฎหมาย  เมื่อ 2550 โดยกฎหมายว่าให้เก็บค่าภาคหลวงจาก  12.5%  เป็น  5-15%  แต่กฎหมายไม่มีผลช่วยล้างความผิดย้อนหลังได้  เรื่องนี้เป็นเรื่องทางราชการ)   ตามพ.ร.บ. ปิโตรเลียม   2514  กรณีความผิดเช่นนี้ให้ยกเลิกสัมปทานได้  ซึ่งมีเป็นจำนวนมาหลายแปลงทั้งบนบกและในทะเล

 

                        หมายเหตุ  นายกรัฐมนตรีทุกคนและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบตั้งแต่ พ.ศ.  2544  มาจนถึงปัจจุบัน  มีความผิดตามประมวลอาญา  ม. 157  ทุกคน  เกือบทุกพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน

ความเห็น

ต้องทำใจครับ ตราบใดที่คนยังไม่รู้คำว่าพอ เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์เห็นขึ้นปกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่โปรงใสอันดับที่ 88 ตกจาก 80 แสดงว่าการโกงกินเพิ่มขึ้น กฏหมายอรุ่มอร่วยให้คนมีเงิน

ขอสนับสนุนครับทำอย่างไรคนไทยจะดีได้กินดีมีสุขปราศจากทุกข์โรคภัยเบียดเบียน

มาช่วยกันทวงสมบัติของชาติ คืนให้กับประเทศไทยและประชาชนไทย