ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ทริปปั่นจักรยานเลาะเลียบอ่าวไทยทริปนี้ อ้อยหวานเลือกอัมพวาเป็นจุดเริ่มต้น ทริปนี้จะแปลกกว่าทริปก่อนๆ คือคราวนี้มีกล้องถ่ายรูปสองกล้อง กล้องเก่าคู่ใจและคู่มือของอ้อยหวาน ที่ตะลอนไปทุกแห่งที่เจ้าของไป กระเด้งกระดอนบนจักรยานจนบอบช้ำ แต่ก็ยังรับใช้เจ้าของไปทุกที่ และกล้องถ่ายรูปอีกกล้องที่ใหม่เอี๋ยมถอดด้าม สั่งตรงมาใช้งานนี้โดยเฉพาะ เป็นกล้องคู่มือของคุณผู้ชาย ภาพนี้จึงมีขึ้น.. ภาพอ้อยหวานบนจักรยาน

 

ดูรูปอ้อยหวานให้เบื่อกันไปข้างหนึ่ง (อยากถามถึงนัก) ที่จริงอยากให้ดูบรรยากาศรอบๆ ซึ่งคุณผู้ชายก็เก็บภาพมาได้ดี อยากบอกว่าสุขใจมาก ได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับจักรยาน ไปตามถนนคดคี้ยวสายเล็กสายน้อย ห่างไกลผู้คนและความวุ่นวาย นี่แหละ ‘ดีแรก’ ของอัมพวา ในความรู้สึกของอ้อยหวานและคุณผู้ชาย อัมพวาไม่ใช่ตลาดที่โด่งดัง (และแน่นอนเราไม่ได้ไปเยือน)

เสน่ห์อัมพวาจริงๆ ไม่ใช่ตลาด หรือการชม (รบกวน) หิ่งห้อย เสน่ห์อัมพวาอยู่ที่การสัมผัสความสงบเงียบ และดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว

 

ดีที่สองของอัมพวา ต้องเล่ายาว ..

หลังจากที่เราลาจากน้องๆ ชาวบ้านสวน๚ ที่วัดบางกุ้ง เราปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ผ่านที่พักที่ไหนที่เราก็แค่เยี่ยมๆ มองๆ แล้วปั่นต่อไปโดยไม่หยุด เพราะว่าเรามีรีสอท์ที่อ่านเจอในเนทและเราอยากจะไปพักที่นั่น อีกอย่างหนึ่งบนถนนแถบนั้นมีน้องหมาเยอะมาก ทั้งเห่า ทั้งวิ่งไล่ แต่ละตัวก็ฉลาดนัก รู้จักดูว่าคนบนสองล้อคันหน้าตัวใหญ่ เท้าก็คงใหญ่ตามตัว โดนแตะคงไม่คุ้มกัน จัดการกับคันที่ตามหลังมาคงจะสนุกกว่า บางช่วงมีน้องหมาตั้ง 3-4 ตัวไล่ตามหลังอ้อยหวาน เราจึงตั้งหน้าตั้งตาปั่น กว่าจะรู้ว่าหลงทางก็เมื่อฟ้าเริ่มมืด ถนนหนทางในสวนมืดมิดไม่มีไฟสักดวง นึกโทษตัวเองว่า ทำไมเราถึงชะล่าใจนัก ทำไมไม่หยุดตรงรีสอท์ 3-4 แห่งที่ผ่านมา ตอนนั้นก็หาทางกลับไปไม่ได้ เพราะถนนมืดมิด

แล้วเรามาถึงทางแยกระหว่างที่คุณผู้ชายพยายามเช็ค GPS กับมือถือ อ้อยหวานมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์แล่นสวนทางมา จึงโบกให้รถหยุด เห็นลางๆ ว่าเป็นชายร่างผอมสูงอายุ ถามออกไปว่าลุงรู้จักที่พักที่ไหนบ้างแถวนี้ ลุงก็พยักหน้าแล้วบอกให้ตามลุงไป ไม่ไกลนักก็มาถึงประตูรั้วมืดมิด ลุงเปิดประตูเข้าไปแล้วกวักมือให้เราตามไป ทางเล็กๆ ผ่านสวนไปถึงบ้านหลังใหญ่ ลุงชี้มือไปที่ห้องว่างเล็กๆ ใต้ถุนบ้าน

 “บ้านลุงหรือค่ะ?” อ้อยหวานถาม

ลุงตอบว่า “เปล่า ลุงเฝ้าบ้านให้เขา แต่นอนได้ ” แล้วชี้มือบอกว่าห้องน้ำอยู่ทางโน้น แต่คุณผู้ชายส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

อ้อยหวานเลยถามลุงไปว่า ลุงรู้จักรีสอท์ที่ชื่อบ้านดาหลาไหม ?

ลุงพยักหน้าบอกว่า รู้จัก

อ้อยหวาน.. ลุงช่วยพาเราสองคนไปที่นั้นได้ไหม

ลุงบอกว่า.. ได้ แต่ไกลนะ 2-3 กิโล

อ้อยหวาน.. 2-3 กิโลก็ไปค่ะ

ลุง..งั้นตามมา

และแล้วขบวนรถมอเตอร์ไซด์ที่มีไฟหน้าเล็กๆ หนึ่งดวง กับจักรยานสองคันก็วิ่งฝ่าความมืด โดยมีเสียงหมาเห่ากรรโชกไปตลอดทาง ในความมืดอ้อยหวานเห็นแต่เงาของลุงหลังมอเตอร์ไซด์ ทางวกวนไปมา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผ่านวัดเล็กคงจะจัดงานอะไรสักอย่าง แต่แสงไฟและเสียงดนตรีทำให้อ้อยหวานขนหลุกซู่ แต่คนตัวใหญ่บนจักรยานที่ตามหลังมาทำให้รู้สึกอบอุ่นและไม่รู้สึกกลัว ผ่านวัดไปสองสามโค้ง ลุงก็พามาจอดหน้าประตูรั้วที่มีหมาเห่ากันเกรียวอยู่ด้านใน

ลุงหันมาพูดว่า..นี่แหละ บ้านดาหลา ลุงกลับก่อนนะ

อ้อยหวาน.. ให้หนูช่วยจ่ายค่าน้ำมันนะคะลุง

ลุงโบกไม้โบกมือ.. ไม่ต้องไปเหอะไปพัก แล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซด์จากไป

ในความมืดอ้อยหวานเห็นหน้าลุงไม่ชัด ถ้าเจออีกครั้งก็คงจะจำไม่ได้ แต่แน่ใจว่าจะจดจำลุงไปนานแสนนาน ขอบคุณลุงคนอัมพวา ขอบคุณค่ะ

หลังจากนั้นอ้อยหวานก็ไปเกาะประตูรั้วบ้านดาหลาทั้งๆ ที่กลัวหมา ร้องถามว่ามีห้องพักไหม น้องข้างหลังรั้วลงมาเปิดประตูให้ แล้วจัดแจงพาเราไปที่บ้านพัก ก่อนจากไปก็ถามว่า พวกพี่ทานข้าวเย็นกันแล้วยัง อ้อยหวานตอบว่ายัง แต่ไม่หิว เพราะเหนื่อยมากอยากพัก น้องคนนั้นเดินจากไปแล้วกลับมาพร้อมกับกล้วยน้ำหว้าหนึ่งหวี

ขอบคุณบ้านดาหลา ที่เปิดประตูรับแขกนิรนามในยามวิกาล (2 ทุ่ม)

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นแต่เช้า เปิดประตูมาพบกับภาพนี้

 

คงเป็นบุญของเราที่ทำให้เราพบกับคนดีๆในยามวิกฤต ประสบการณ์เมื่อคืนก่อนเป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า การเดินทางโดยจักรยานเราต้องหาที่พักให้ได้ก่อน 5 โมงเย็น ก่อนที่ฟ้าจะมืด

 

เราพักที่นี่สองคืน

 

หลังอาหารเช้าเราเอาจักรยานออกไปปั่นเที่ยวรอบๆ บรรยากาศแตกต่างกับเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง น้องหมาที่วิ่งไล่และเห่ากรรโชกคงนอนตื่นสายกัน จึงเป็นเช้าที่สงบ เราได้ยินแต่เสียงไก่ขันและเสียงนกร้อง

 

สองข้างทางร่มรื่น

 

ไร่สวนของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสวนผสม ปลูกผลไม้สามสี่อย่างรวมๆ กัน แต่ผลไม้หลักคือส้มโอ

 

ทั้งลูกทั้งดอกเต็มต้น

 

กลิ่นหอมของดอกส้มโอ ขจรขจาย สิ่งเหล่านี้จะสัมผัสไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับจักรยานหรือเดินเท้า

 

แถวนี้มีคลองเล็กคลองน้อยมากมาย

 

เราต้องข้ามสะพานหลายรูปแบบ

 

คลองหนึ่งในหลายคลองของอัมพวา

 

ในช่วงบ่ายเรากลับมาพักผ่อนในสวนริมคลอง ที่ร่มรื่น ของบ้านดาหลา

 

นอนเล่น อ่านหนังสือ วางแผนเส้นการเดินทางสำหรับวันพรุ่งนี้

 

 โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ความเห็น

วันนี้ได้เที่ยวอัมพวาไปกับคุณอ้อยหวาน บรรยากาศร่มรื่น สงบมากเลย ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ

คุณอ้อยได้ชิมส้มโอมัยค่ะ 

ได้ชิมค่ะคุณดี แต่ไปได้ชิมที่หาดบ้านกรูด ประจวบ มีครอบครัวขนส้มโออัมพวาใส่รถกระบะไปขายริมหาด ปอกขายกันสดๆร้อนๆ ได้อุดหนุนไป 3 เพ็ค หวานกรอบอร่อยค่ะ

วันนี้ได้เที่ยวอัมพวากับพี่อ้อยหวานแล้ว น่าเที่ยวครับ

ถ้าปั่นจักรยานเที่ยวนะค่ะ ชอบใจแน่นอน

อัมพวาไปบ่อยอยู่ครับ(มีญาติอยู่) แต่ยังไม่เคยได้มีโอกาสผ่านมุมมองปั่นจักรยานเที่ยว ขอบคุณสำหรับการพาเที่ยวชมครับ เพิ่งได้กิ่งส้มโอมา ไม่รู้จะรอดจนฝนลงหรือเปล่าSmile

“นานุวัฒน์ ทำเกษตรให้สนุกและมีความสุข”

ส้มโออัมพวานี่รสชาติดีมากค่ะ ชอบใจตรงที่เขาขุดร่องปลูกค่ะ มีน้ำตลอดไม่ต้องกลัวแล้ง

นั่นไง...ว่าแล้ว ..พี่อ้อยหวานกับคุณผู้ชาย ปั่นกันเพลิน จนค่ำเลย...มิตรภาพดีๆแบบนี้ยังพอหาได้ค่ะพี่อ้อย...จากสังคมชนบท....บรรยากาศ ดีมาเลยค่ะ ยินดีด้วยค่ะ....สงบ และประทับใจ... ดับเบิ้ล นะคะ

ถ้าไม่ปั่นกันเพลินก็คงไม่เจอของดีนะสิน้องบัวริม คงเป็นฟ้าลิขิต เหตุการณ์อย่างนี้ทำให้เราจดจำทริปนี้เป็นพิเศษ

เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา ในน้ำมีปลา อัมพวา มีคนดี

อัมพวา ดังนะ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

เมืองไทยไม่ไร้คนดีจริงๆ ค่ะ ประทับใจไม่รู้ลืม

หน้า