ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

หมวดหมู่ของบล็อก: 

หัวหินคืนหนึ่งนั้น ติดตรึงใจฉัน

จำไว้มั่นไม่อาจเลือน อยู่กันสองคนเป็นเพื่อน

เปรียบเสมือนอยู่เมืองสวรรค์  แดนวิมานอันสุขสบาย

น้ำคำเธอบอกฉัน ใต้โคมสวรรค์

คืนนั้นเองบนหาดทราย ฝากคำสัญญาไม่คลาย

หากหัวหินไม่สิ้นหมดทราย เธอมิคลายจากฉัน

 

บัดนี้ รักนั้นมาสลาย  หาดทรายที่เราเคยสุขสันต์

ยามรักเราต้องมาเปลี่ยนแปลงหมดพลัน

ยิ่งมองแล้วยิ่งหวั่น พรั่นใจหนักหนา

หัวหินไม่สิ้นทราย แต่รักมาหาย

คงเหลือทรายดูเกลื่อนตา ผิดคำสัญญาเธอว่า

วาสนาช่างสุดอับจน จึงพบคนหลอกลวง

เพลงหัวหินไม่สิ้นทราย

คำร้อง - ทำนอง :  นคร มังคลายน

ขับร้อง :  สุเทพ วงศ์กำแหง

 

หัวหิน..ไม่สิ้นทราย คำนี้คงจะเป็นความจริง และที่จริงแท้พอๆ กันคือ หัวหิน..ไม่เคยสิ้นเสน่หา สามารถพิสูจน์ได้จากจำนวนโรงแรม ที่พัก ตลาด และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยกขบวนกันมานอนอาบแดด และขนเงินถุงเงินถังมาใช้จ่ายที่หัวหิน เวลาจะผ่านไปกี่สิบปี หัวหินก็ไม่เคยตกเทรนด์ มีแต่จะฮิตติดอันดับต้นๆ

 

สถานที่เที่ยวชมของหัวหินมีมากมายหลายแห่ง แต่ที่อ้อยหวานและคุณผู้ชายแวะไปชมมีอยู่น้อยแห่ง เหตุผลคือเราสองคนชอบปั่นจักรยานเที่ยว แต่หัวหินไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การปั่นจักรยาน ถนนหนทางมีรถเยอะมากๆ วันแรกเราต้องทิ้งจักรยานไว้ที่บ้าน แล้วขึ้นรถสองแถวแทน สถานที่แห่งแรกที่เราแวะไปคือ สะพานปลา ซึ่งดูทรุดโทรมมาก และไม่มีเรือมาขึ้นปลาเลยสักลำ สงสัยไปขึ้นที่ชะอำกันหมด

 

แต่ที่ขึ้นแน่ๆ คือ ดวงตะวัน

 

หลังจากสะพานปลา เราก็เดินไปถามทางไป เพราะไม่มีแผนที่ ไปยังจุดหมายที่สองของเช้าวันนั้น สถานีรถไฟหัวหิน หนึ่งในสถานีรถไฟที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย

อาคารสถานีรถไฟหัวหินที่เห็นในปัจจุบัน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2469 โดยพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการรถไฟแห่งกรุงสยาม เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ อิทธิพลจากรูปแบบสถาปัตยกรรมวิคทอเรีย ทาสีด้วยโทนครีมตัดกับสีแดง ตัวอาคารมีลวดลายสวยงามประดับเสาค้ำยัน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง  จุลจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟฯ ได้นำอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์ ซื่งเป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว   (รัชกาลที่ 6) เดิมตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่หัวหินเพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การก่อสร้างนี้ใช้ช่างฝีมือคนไทยล้วน และได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลาซึ่งได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517 โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธานเปิดพิธีพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ก็ว่าได้

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

“พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ”  

 

บรรยากาศเก่าๆ ที่สถานีรถไฟหัวหิน

 

ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟ

 

แล้วอ้อยหวานก็มาเจอภาพนี้

 ‘ขอพระองค์ทรงพระเจริญ’

 

เย็นวันนั้นเราขึ้นรถสองแถวกลับไปที่ใจกลางหัวหินอีกครั้ง เพื่อไปเดินเที่ยวตลาดและไปกินอาหารทะเล ตลาดโต้รุ่งหัวหิน หรือ ไนท์มาร์เก็ต ที่ฝรั่งเขาเรียกกัน

 

ตลาดโต้รุ่งหัวหินมีข้าวของ ทั้งเสื้อผ้า ของโชว์ และของกิน ผู้คนล้นหลาม ทำให้ถ่ายรูปได้ลำบากมาก

 

ร้านอาหารทะเล คนแน่นเช่นนี้ทุกร้าน เราสั่งอาหารทะเลเผามาหนึ่งถาด ซึ่งอร่อยมาก สดจริงๆ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเล

 

ไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่งจะมีตลาดอีกแห่งที่มีบรรยากาศแตกต่างกับตลาดโต้รุ่งอย่างสิ้นเชิงคือ ตลาดฉัตรศิลา เป็นตลาดที่มีกลิ่นอายเก่าๆ น่าเดินมาก

ตลาดฉัตรศิลาได้มีการเนรมิตบังกะโลไม้หลังเก่าอายุหลายสิบปี โดยปรับแต่งชั้น 2 ให้เป็นแกลเลอรีจัดแสดงภาพถ่ายขาวดำหาชมยาก ซึ่งแต่ละภาพได้บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาของหัวหินในอดีต รวมถึงข้าวของเครื่องใช้เก่าๆมากมาย ตลาดนัดฉัตรศิลานี้ได้แบ่งออกเป็น 2 บริเวณหลักๆด้วยกัน ได้แก่ บริเวณแรก มีลักษณะเป็นบ้านโบราณเก่าแก่ 2 ชั้น ไต้ถุนสูงมีด้วยกันจำนวน 5 หลังคาที่สร้างอยู่ใกล้ๆกัร โดยมีระเบียงไม้เป็นทางเดินเชื่อมเข้าหากัน โดยในสมัยก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2502 บริเวณตลาดฉัตรศิลาแห่งนี้ เดิมเป็นพื้นที่บ้นพักตากอากาศแบบบังกะโลไว้สำหรับให้ข้าราชการได้เช่าพักผ่อนอยู่อาศัยกัน หลังจากนั้นต่อมาเมื่อเริ่มมีความทันสมัยเข้าสู่ท้องที่หัวหินแห่งนี้ซึ่งเป็นช่วงที่มีรีสอร์ทและที่พักริมทะเลเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากราวกับดอกเห็ดจึงทำให้บังกะโลแห่งนี้ได้รับความสนใจลดน้อยลงไปจนถูกทิ้งร้าง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้จึงได้มีการปรับปรุงให้มีความสวยงามขึ้นและปรับเปลี่ยนให้เกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของเมืองหัวหิน สำหรับในอีกบริเวณหนึ่งของตลาดฉัตรศิลานั้นเป็ยบริเวณพื้นที่ของเหล่าสาวกนักช็อบทั้งหลายที่จะได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าที่วางจำหน่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก ของแฮนด์เมด เสื้อผ้า ของใช้ อุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์เล็กๆน้อยๆ อุปกรณ์ตกแต่งบ้านจุกจิก เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

อีกมุมหนึ่งของตลาดฉัตรศิลา

 

วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาไปสำรวจมุมอื่นของหัวหิน มุมที่มีคนน้อยๆ อีกฝั่งหนึ่งของถนนเพชรเกษมที่ไม่ใช่ฝั่งเลียบชายหาด แต่เป็นฝั่งเลียบชายชายเขา ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ  แบบไม่กลัวหลง

 

แล้วไปเจอกับนี่

 

ดูกันชัดๆ นี่คือส่วนน้อยที่ล้นออกมานอกรั้ว ในรั้วก็กว้างใหญ่มีเต้นท์ปลูกผักแบบนี้มากมายหลายเต้นท์ แต่เขาห้ามคนนอกเข้า หาชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่มี รู้อย่างเดียวว่าคงปลูกส่งโรงแรมต่างๆ ในหัวหิน

 

บางครั้งเราก็หยุดแวะทักทายเจ้าถิ่น

 

เราใช้เวลาที่เหลือกันที่นี่

ขอขอบคุณน้ำมิตรน้ำใจของเพื่อนเก่า T&N อีกครั้ง บ้านเพื่อนสบายจริงๆ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ความเห็น

หัวหินเมืองหลากหลายจริงครับ มีคนต่างถิ่นไปทำมาหากินมากมาย มุมมมองของผมมีแต่ชายหาดและในตัวเมือง วันหลังจะลองดูอีกด้านนึงบ้างSmile

“นานุวัฒน์ ทำเกษตรให้สนุกและมีความสุข”

ไม่แน่ใจว่าเคยมาที่นี่หรือเปล่า

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

อยากไปหัวกิน อีกสักครา ค่ะ พี่อ้อย ..ไปไปธุระ แล้วละ ขอเที่ยวอย่างเดียว ติดใจอาหารทะเล อยู่เหมือนกัน นะนี่

 

สวยค่ะหัวหิน ไปครั้งสุดทัายเมื่อปี13ค่ะ2อาทิตย้Smile