ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนขุมเขา สวนแอปเปิล และไร่องุ่น

หมวดหมู่ของบล็อก: 

จากบันทึกของอ้อยหวานเขียนไว้ว่า….

โบลซาโน (Bolzano) สู่ เทร็นโธ (Trento)  - 66 กิโลเมตร

เราออกจากโบลซาโนท่ามกลางท้องฟ้าที่มีเมฆกระจัดกระจายอยู่ทั่ว แต่ไม่มีฝน เส้นทางจักรยานในวันนี้เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงมาก เชื่อมต่อระหว่างเมืองโบซาโน เมืองเวโรนา และเมืองเวนิช และเป็นเส้นทางที่เราเจอะเจอผู้คนบนจักรยานมากที่สุดในทริปนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม ก็เส้นทางสายนี้มันซุปเปอร์สวยจริงๆ เราพบตัวเองปั่นจักรยานอยู่ระหว่างแม่น้ำ สวนแอปเปิล ไร่องุ่น และภูเขาสูงใหญ่ขนาบทั้งสองข้าง เป็นภาพที่สวยงดงามมาก

 

เช้าวันนั้นเราปั่นจักรยานออกจากโบลซาโนกันแต่เช้า เพราะต้องทำเวลาให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก่อนพายุฝนที่พยากรณ์อากาศแจ้งเตือนไว้ว่าจะมาถึงในตอนบ่ายหรือเย็น เพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายคนเริ่มทะยานกันออกไปแล้ว แต่คนชอบถ่ายรูปขอรีรอเก็บภาพก่อนจากลา

โบลซาโนนอกจากจะเป็นเมืองที่สวยงามแล้ว สำหรับคนที่ชอบดูของเก่า ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่มีมัมมี่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกให้ไปชื่นชม

มัมมี่ผู้นั้นมีนามที่มนุษย์ในปัจจุบันตั้งให้ว่า เอิตซี มนุษย์น้ำแข็ง (Ötzi the Iceman)  เอิตซี มนุษย์น้ำแข็งนี้ (เคย) มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 5,300 ปีมาแล้ว และค้นพบโดยนักปีนเขาชาวเยอรมันสองคน ในขณะที่พวกเขาปีนอยู่ในธารน้ำแข็งชนัลสตัล บนเทือกเขาเอิตซทัลแอลป์ ที่ตั้งอยู่ตรงพรมแดนระหว่างออสเตรียและอิตาลี เอิตซีเป็นมัมมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์) ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย

 

เส้นทางจักรยานที่ออกจากเมืองโบลซาโนนั้นเต็มไปด้วยนักปั่น มีทั้งปั่นไปทำงาน ปั่นออกกำลังกาย และปั่นเที่ยว วิ่งกันขวักไขว่ เห็นแล้วน่าชื่นใจยิ่งนัก เทือกเขาแอลป์คงส่งเสียงเชียร์และขอบคุณ ให้กับเธอ เหล่าผู้คนที่เลือกไปไหนมาไหนกับจักรยาน พาหนะเพื่อโลกสีเขียวอันยั่งยืน

 

ทางสวยๆ ที่เรียงรายไปด้วยดอกไฮเดรนเยียและดอกกุหลาบอย่างนี้ ใครเล่าจะอดใจไม่หยุดชม

 

กว่าจะหลุดออกจากเมืองโบลซาโนได้ ก็หยุดดมดอกไม้เสียหลายรอบ แล้วจะไปถึงปลายทางก่อนน้องฝนไหมเนี่ย? ผู้ร่วมทางของอ้อยหวานก็ใจเย็นมากๆ หยุดรอคนหยุดถ่ายรูปไปตลอดทาง

 

เห็นไหม อ้อยหวานไม่ได้โม้เลย ดอกไม้เยอะมากๆ จริงๆ

 

ออกจากเมืองโบลซาโนมาได้ ดอกไม้ก็หลีกทางให้สวนแอปเปิลและไร่องุ่น ส่วนบนยอดเขาก็ยังมีรังพญาอินทรีย์ ปราสาทเก่าแก่แบบนี้มีให้ชมเป็นระยะๆ และบางแห่งก็เปิดให้ชม แต่เราขอแหนคอชมเชยอยู่ข้างล่าง

 

สวนแอปเปิลสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่งดงามมาก เรามาช้าไปเกือบเดือน ไม่อย่างนั้นแถบนี้จะพร่างพราวไปด้วยดอกไม้สีขาวและสีชมพู ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลิ่นหอม เพราะคงจะเปรียบได้ดุจสรวงสวรรค์ และเราก็มาเร็วไปสักประมาณสองเดือน ช่วงปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วง พื้นที่แถบนี้จะแต่งแต้มด้วยสีแดงสดของลูกแอ็ปเปิล ซึ่งจะส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจเช่นกัน

 

เส้นทางจักรยานสายนี้เป็นเส้นทางยอดนิยมจริงๆ เราสวนทางกับทัวร์จักรยานแบบนี้หลายกลุ่ม แถบนี้เขามีบริการทัวร์ซึ่งเตรียมให้คุณพร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่จักรยาน ที่พักรายทาง แล้วยังขนกระเป๋าเสื้อผ้าไปส่งที่โรงแรมปลายทางให้เรียบร้อย สะดวกสบายมาก แต่ไม่เป็นอิสระ ต้องไปกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ซึ่งไม่ใช่วิสัยของอ้อยหวานและผู้ร่วมทาง

 

สวนแอปเปิลสวนนี้คลุมตาข่ายไว้ คงจะมีไว้ป้องกันนกนักชิม เพราะแถบนี้มีนกมากจริงๆ

 

บางแห่งจะเป็นสวนแอปเปิลและไร่องุ่น ปลูกกันเป็นหย่อมๆ ดูเหมือนกับผ้าห่มควิลว์สีเขียวสวย บ้านกลางสวนดูน่าอยู่ไปเสียทุกหลัง

 

มองขึ้นไปบนเขาก็แน่นเอี๊ยดเช่นกัน เขามีโรงบ่มไวน์ให้แวะชมและชิมหลายแห่ง แต่เราไม่ได้แวะเพราะคงจะชิมไม่ได้

 

ดูกันใกล้ๆ องุ่นเขาปลูกกันแบบนี้ ส่วนแอปเปิลก็ปลูกแบบ ‘เอสพาลิเออร์’   (espalier) ดูรายละเอียดได้ในบล็อกเก่าของอ้อยหวาน ที่นี่

 

ขุมเขา สวนแอปเปิล และไร่องุ่น ไปตลอดสาย มันสวยมากๆ จนทำให้อ้อยหวานรู้สึกว่าปั่นจักรยานยังเร็วไปหน่อย ที่จะซึมซับภาพงามๆ เหล่านี้

 

แต่..เหมือนกับที่ใครคนหนึ่งได้ปรารภเอาไว้ว่า “ชีวิตไม่ใช่มีแต่ดอกกุหลาบ เพราะในบางครั้งเราก็ต้องเจอกับขวากหนาม”

ปั่นมาครึ่งทาง ยางล้อจักรยานของอ้อยหวานก็แบนราบเรียบ  ครั้งนี้เป็นยางแบนครั้งที่สองของเรา ครั้งแรกโดนเอาจักรยานของคุณผู้ชาย ซึ่งต้องทำการผ่าตัดกันกลางป่าที่เยอรมัน แต่คราวนี้ที่เปลี่ยนยางมันสวยมากจริงๆ

เรื่องนี้สอนไว้ว่า อย่าลืมพกพาอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนยาง ยางในจักรยาน และคนเปลี่ยนยางไปด้วย คนเปลี่ยนยางทำงานไป ส่วนอีกคนก็ได้โอกาสซึมซับความงามรอบตัว

 

และหลังเที่ยงวันไปหนึ่งนาที เราก็ได้ทำความรู้จักกับ ‘ลมปะทะหน้า’ ที่นักปั่นแถบนี้เขาลือกันให้แซ่ด เป็นลมที่พัดมาจากตอนใต้ของอิตาลี และจะพัดพากันมาในตอนบ่าย คือหลังเที่ยงไปหนึ่งนาทีพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน แม้ทางจักรยานในวันนี้ค่อนข้างจะราบเรียบกว่าวันอื่นๆ แต่ปั่นจักรยานสวนทางกับคุณลมปะทะหน้าที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้รู้สึกเหมือนปั่นขึ้นเขาเลยทีเดียว

 

ยางรั่ว ยางแบน หรือ ลมปะทะหน้า อาจจะเป็นหนามแหลมคม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราหยุดปั่น และหยุดชมวิว หรือหยุดดมดอกไม้

 

..และหยุดแวะกินเชอรี่ป่า

เจ้าต้นเชอรี่ป่านี้อยู่ติดกับทางจักรยานเลยทีเดียว แล้วสดสวยน่ากินเสียด้วย ใครจะอดใจไหว

 

กว่าจะถึงเมืองเทร็นโธ (Trento) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ก็หลายหยุดอยู่ แต่เรามาถึงก่อนน้องฝน

 

เมืองเทร็นโธ (Trento) ท่ามกลางเมฆฝน และมีบางช่วงที่แสงอาทิตย์พยายามส่องผ่านเมฆฝน เลยได้ภาพนี้ เรานั่งกินพิซซ่าหน้าร้านใจกลางจัสตุรัสของเมือง กินไปชมวิวไป ช่างเป็นภาพที่งดงาม จนลืมไม่ลง

ขวามือคือโบสถ์เก่าแก่ของเมือง ตรงกลางเป็นน้ำพุเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) เทพแห่งท้องทะเล ที่สร้างขึ้นในปี 1767 เลยมาเป็นวังเก่าแก่ของนักบวชบิสชอปสมัยโบราณ ปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์

 

ใจกลางจัสตุรัสมีอาคารเก่าแก่สวยๆ ที่มีภาพวาดบนกำแพง

 

แจ่มชัดและงดงาม

 

เทร็นโธ (Trento) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยมากๆ มีสถาปัตยกรรมสวยๆ อยู่ทุกหนแห่งที่มองไป และเป็นเมืองจักรยานที่มีจักรยานอยู่ทุกหนแห่งเช่นกัน

 

รักเธอจัง! เทร็นโธ (Trento)

โปรดติดตาม ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ในตอนต่อไป

อ่าน ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนที่แล้วได้ที่นี่

ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์

มุ่งหน้าสู่ภูเขา

วันฟ้าฉ่ำฝน

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 

ความเห็น

  ขอบคุณที่พาเที่ยว สวยงามมากค่ะ

จะได้มีโอกาศไปบ้างมั้ยหนอ สวยจัง

เกินบรรยาย สวยงามไปทุกที่ เชอรี่ป่า น่าาากินน มากๆค่ะ ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ^^

ความสุข..อยู่ที่ใจ

สวยงาม ได้หลากหลาย บรรยากาศ ค่ะ พี่อ้อย....เชอรี่ป่าสีสวยงาม .ชอบ ไฮเดรนเยีย ด้วยค่ะ

ชีวิต กับ ความฝัน ที่ลงตัว เดินหน้าต่อไปครับ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..