เศรษฐกิจพอเพียงแบบ 'สงวน'
กล้า บ้า ขยัน สร้างรายได้ปีละล้านเศษๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัส แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งแต่ปี 2517 และทรงย้ำชัดเจน อีกครั้งในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 (ภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540) เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้ดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ปรัชญาที่ว่าได้ยึดหลักทางสายกลาง ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้มีความพอเพียง จะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง
ศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง บ้านเขากลม ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นหนึ่งสถานที่ที่จะช่วยถ่ายทอดความรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เปิดโอกาสให้คนทุกระดับชั้นเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้จริง
สงวน มงคลศรีพันเลิศ ผู้บุกเบิกศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง บอกเล่าถึงความเป็นมาของศูนย์แห่งนี้ว่า เริ่มต้นมาจากปี 2540 ตัวเองเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี มีรายได้ถึงเดือนละ 28,000 บาท แต่ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บ คิดถึงในหลวงสอนให้คิดเรื่องกินก่อนคิดเรื่องเงิน จึงตัดสินใจกลับบ้านที่ จ.กระบี่ เริ่มต้น ทำเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีต้นทุนอยู่ที่ดิน 8 ไร่ ศึกษาและเรียนรู้เองจนตกผลึกทางความคิดว่า เมื่อจะทำเกษตรแบบพอเพียง ต้องสร้างโรงปุ๋ยก่อน ประกอบกับพื้นที่เป็นสวนปาล์ม ทางปาล์มมีเยอะเป็นอาหารของวัว ที่มีด้วยกัน 4 ตัว โดยใช้ทางปาล์มซึ่งชาวสวนต้องตัดทิ้งอยู่แล้ว นำมาเข้าเครื่องบดเป็นอาหารให้วัว เมื่อวัวถ่ายออกมา นำมูลของมันหมักในบ่อก๊าซชีวภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อก๊าซหุงต้ม ส่วนขี้วัวที่เหลือยังไปทำเป็นอาหารปลา และปุ๋ยหมักได้ โดยมีการคำนวณว่ามูลวัว 1 ตัว จะมีปริมาณถึง 2 ตันต่อเดือน ได้แก๊สชีวภาพ 15-16 กิโลกรัม
ส่วนการทำปุ๋ยหมัก ก็ใช้ภูมิปัญญาของตัวเอง มี 2 สูตรให้เลือกเรียนรู้คือแบบขยันและขี้เกียจ แบบขยันก็คือวิธีที่ทำทั่วไป แต่แบบขี้เกียจใช้ไก่มาเป็นตัวช่วยคลุกเคล้ามูลวัวกับส่วนผสมของปุ๋ยหมัก เพราะไก่จะทำงานวันละ 4 ชั่วโมง เช้า 2 ชั่วโมง เย็น 2 ชั่วโมง ระหว่างคุ้ยเขี่ยหาอาหาร ปุ๋ยชนิดนำไปใช้ได้เลย
เมื่อมีปุ๋ยแล้วก็ลงมือปลูกต้นไม้ ใช้วิธีปลูกผักแบบไฮโซ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไม่มีที่ดินก็ปลูกได้ โดยการปลูกผักบนที่สูง ใช้ยางรถยนต์เก่า ๆ มาเป็นกระถาง ไม่ว่าจะเป็นผักสลัด พริก มะเขือ ปลูกถั่วฝักยาวบนต้นกระถิน ป้องกันปลวกกิน ปลูกผักหลายชนิดสลับกัน เพื่อป้องกันแมลง วิธีนี้ไม่ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก เมื่อมีผักแล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็สร้างกินเองได้ สงวนเลือกที่จะขุดบ่อเลี้ยงปลา นอกจากอาหารปลาจากมูลสัตว์แล้ว ใช้เปลือกผลไม้ที่หาได้ง่ายในสวนผลไม้ในย่านนั้นทั้งเงาะ มังคุด ชมพู่ แม้กระทั่งเปลือกทุเรียนนำมาใส่กากน้ำตาลหมักให้เปื่อยทิ้งไว้ 1 เดือน โยนให้ปลากินได้
“ถ้าไม่มีกากน้ำตาลก็ใช้น้ำมะพร้าวใส่ลงไป ใส่ ปด.6 ของกรมพัฒนาที่ดิน แล้วหมักไว้หนึ่งเดือน โยนให้ปลากิน ได้ จุลินทรีย์ที่อยู่ในกากน้ำตาลจะช่วยให้น้ำสะอาด 4 เดือนไม่ต้องถ่ายน้ำ ปลาจะโตเร็ว” กูรูด้านเศรษฐกิจพอเพียงบอกถึงเคล็ดลับ
แหล่งอาหารการกินที่หาได้อีกแหล่งการเพาะเห็ด ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สอนให้เพาะเห็นในโอ่ง ประหยัดพื้นที่ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปลูกโรงเรือน
สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของศูนย์แห่งนี้ที่ใครมาเรียนรู้แล้วต้อง ทึ่งในความกล้าและบ้าของเขา สงวนแสวงหาวิธีปลูกกล้วยแนวใหม่ด้วยการนำยอดกล้วยลงดินแทนวิธีเดิม ๆ ที่ใช้รากหย่อนลงดิน วิธีนี้ทำให้ได้ต้นกล้วยเตี้ยลงเก็บง่าย และที่สำคัญได้ผลผลิตมากกว่า จากวิธีปลูกแบบเดิมได้ผลผลิต 3 เครือต่อปี แต่วิธีของเขาได้ปีละ 10-12 เครือ อีกทั้งจำนวนหวีในเครือก็เพิ่มขึ้น
สาเหตุที่กล้วยให้ผลผลิตเพิ่มเท่าทวี สงวนบอกว่าเพราะว่าพืชกลัวจะสูญเสียเผ่าพันธุ์ตกใจกลัวจึงรีบออกลูกออกผล กล้วยจะผลิตอาหารให้ตัวเองไม่ต้องใส่ปุ๋ย พืชจะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
เรื่องกล้วย ๆ ยิ่งกล้วยมากขึ้น กล้วยในศูนย์แห่งนี้ยังสามารถผลิตให้ออกมาเป็นรสทุเรียน สตรอเบอรี่โดยการเติมหัวเชื้อ ดังกล่าวซึ่งหาซื้อได้ตามท้องตลาด ใส่ลงไปในลำต้นเมื่อผลกล้วยออกมานอกจากหน้าตาของความเป็นกล้วยยังได้กลิ่นสตรอเบอรี่ผสมรวมอยู่ด้วย นั้นหมายถึงทำให้กล้วยหอมทองที่เขาปลูกอยู่ทุกวันนี้หวีละ 45 บาทขยับขึ้นไป 70 บาท ขายดิบขายดีจนไม่พอขาย
นับตั้งแต่การเริ่มต้นเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อหลวง ของมนุษย์เงินเดือนตั้งแต่ปี 2540 จนมาถึงวันนี้ เมื่อถามถึงตัวเลขของรายได้ในแต่ละเดือน สงวนแจงให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อแรกเริ่มเหลือเพียง 900 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเงินเดือน 20,000 กว่าบาท สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อมานั่งย้อนดูบัญชียังมีเงินเหลือเก็บ 300 บาท นั้นเป็นแรงผลักว่ารายได้ 900 ยังเหลือออม จึงตันสินใจมุ่งมั่นจะเดินตามรอยเท้าของพ่อต่อไป ภายใต้การสนใจใฝ่รู้ มีตรงไหนติด ขัดไม่เข้าใจจะวิ่งไปขอความรู้จากเกษตรอำเภอในพื้นที่
“เศรษฐกิจพอเพียงที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ต้องมีวิชาการและภูมิปัญญาควบกัน” สงวนระบุ
สงวนมีรายได้เหลือปีละ 1,300,000 บาท อันเป็นรายได้ของปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งมาจากรายได้ของผลผลิตบนผืนดิน 8 ไร่ เขาโชคดีที่ ว่าวันนี้ศูนย์แห่งนี้โด่งดังแต่ละวันมีผู้คนจากทุกสารทิศมา ดูงานและฝึกอบรมไม่ขาด สาย ผลผลิตที่มีนำมาทำอาหารเลี้ยงผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งศูนย์แห่งนี้เปิดให้คนเข้ามาดูงานเมื่อปี 2549
ตัวเลขรายได้ที่สูงส่งที่หลายคนได้ฟังแล้วตาโต เบื้องหลังนั้นเคล็ดลับที่ไม่ใช่เรื่องลับแต่ทุกคนทำได้
“ที่โตมาได้เห็นตัวเลขเยอะขนาดนี้ เพราะบัญชี หนังที่ดีต้องมีผู้กำกับ ผู้กำกับที่ดีก็คือบัญชีครัวเรือน เพราะบัญชีจะฟ้องได้ทำอะไรกี่เรื่อง คนที่มีบัญชีจะรู้ทางไหนไปสวรรค์ทางไหนไปนรก คนอื่นสู้เราไม่ได้หรอกถ้าเรามีบัญชีมาเป็นความสำเร็จ”
หลายคนตั้งคำถามกับตัวเองว่าเศรษฐกิจพอเพียงทำไม่ได้ เพราะไม่มีที่ดินไม่เคยทำเกษตรมาก่อน แต่สงวนบอกว่าเหล่านี้เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ที่ดินที่มีขอแค่ สัก 1 งานพอจะมีไหม อันดับต่อมาสมาชิกในครอบครัวที่จะมาร่วมแรงร่วมใจกัน สุดท้ายน้ำแสงแดดไม่ต้องหาประเทศไทยมีหมด เหลืออย่างเดียวกระบวนการคิด ซึ่งต้องเรียนรู้ออกแบบเศรษฐพอเพียงให้เหมาะกับตัวเอง ความคิดความรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งนี้และทั้งนั้นหากผลลัพธ์ที่ออกมาคือความสุขมากกว่าตัวเลข นั่นเท่ากับคุณได้ทำตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถูกต้องถ่องแท้แล้ว
***สนใจดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านเขาพนม มีฐานการเรียนรู้ทิ้งสิ้น 22 จุด อาทิการทำน้ำมันไบโอดีเซล การเลี้ยงเป็ดไก่คอล่อน การเพาะจุลินทรีย์ภูมิปัญญาไทย ปลาเค็ม อบดิน จุลินทรีย์หน่อกล้วย การปลูกพืชตีกลับ เป็นต้น สอบถามได้ที่ 08-9590-6738
ขอบคุณ คุณณิชมน เด่นดวง ที่ส่งเรื่องมา
- บล็อกของ sothorn
- อ่าน 17285 ครั้ง
ความเห็น
hnum
19 สิงหาคม, 2009 - 21:19
Permalink
สุดยอด !!!
มันจอร์จจริงๆ ความสุขและความสำเร็จจากความรู้ที่ตกผลึก มาเป็นสูตรสำเร็จให้กับตนเอง ขอปรบมือให้พี่สงวนครับ
r_choosak
1 กันยายน, 2009 - 19:23
Permalink
อยากทำได้งี้มั่งครับ
อยากทำได้งี้มั่งครับ
บ้านเกษตร.คอม
"พอมี พอกิน พอใช้ พอใจในสิ่งที่มี"
Thanawit
13 กรกฎาคม, 2011 - 18:31
Permalink
ปลูกกล้วยกลับหัว ...
ปลูกกล้วยกลับหัว ... สุดยอดเลย ....
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
guys ka
17 กรกฎาคม, 2011 - 22:26
Permalink
เก่งจัง
:admire2:
.................
thongphasap
17 กรกฎาคม, 2011 - 23:30
Permalink
น่าสน
เป็นความตั้งใจในการลงมือปฎิบัติอย่างจริงจังน่าชมเชยค่ะ
jo korakod
17 กรกฎาคม, 2011 - 23:39
Permalink
ทึ่ง
พูดได้คำเดียวว่า สุดยอด ค่ะ
facebook https://www.facebook.com/ninkmax
tikki
18 กรกฎาคม, 2011 - 03:09
Permalink
เศรษฐกิจพอเพียง
บอกได่ว่ายอดเยี่ยม เอาไปเลย หนึ่งโหวตค่ะ