"ปลาหัวโหม่ง" หรือ"ปลาหัวโม่ง"

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เพื่อนๆสังเกตไหมคะว่าช่วงนี้ถ้าเปิดเข้ามาอ่านกระทู้ที่เวปบ้านสวนฯ   เราจะเจอกระทู้ที่กล่าวถึงอาหารปักษ์ใต้เกี่ยวกับเรื่องปลาหัวโหม่ง หรือปลาหัวโม่งอยู่สอง สามกระทู้

สืบเนื่องมาจากงานกินดี มีสุข ที่มีพี่หยอย (ประไพ) เป็นโต้โผใหญ่จัดขึ้น ณ อ.บางแก้ว จังหวัดพัทลุง เมื่อวันพฤหัสดีที่ 2  มิ.ย  ที่ผ่านมานี้เองค่ะ   งานนี้พวกเราชาวบ้านสวนฯ ซึ่งนำทีมโดยพี่แจ้วประทานคนสวยของพวกเราก็ได้ควงน้องๆหนุ่มๆ สาวๆ หน้าตา หล่อสวยกันไปร่วมงานด้วยหลายคน   ดังที่ท่านได้อ่านจากบล็อกก่อนหน้านี้ไปบ้างแล้วนะคะ

เอาเป็นว่าเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงาน  หรือที่มาที่ไป ยังไง  ทำไมจึงได้เกิดงานนี้ขึ้น  ขออนุญาตผ่านนะคะ    ยังไงก็ลองหาอ่านจากกระทู้ของพี่หยอยที่พี่เขาจะมาเล่าถึงเจตนาอันแรงกล้าที่พี่เขาเข้าไปฝังตัวอยู่กับชาวบ้านเพื่อเก็บรายละเอียดมาเล่าให้เราฟังกันค่ะ     หรือถ้าจะดูรูปสวยยยยย   เน้นว่าสวยจริงๆ   !!!  ก็ดูจากของน้องต๊อกได้ค่ะ  สังเกตดูน้องต๊อกจะมองแต่ของสวยๆ  หรือมุมสวยๆ  แบบนี้ถ้ามีแฟน  ก็คงต้องสวย  ???

แต่ถ้าจะเอาทั้งสองอย่างรวมกันคือ   ภาพก็สวย เรื่องเด่น ประเด็นมันส์ๆ   ก็ให้อ่านจากบล็อกของพี่ผู้ใหญ่ได้นะคะ

มาเข้าเรื่องของเราดีกว่าค่ะ   อย่างที่เปิดประเด็นไปด้วยชื่อของปลาค่ะ   ต้องยอมรับว่าชื่อปลาชนิดนี้เล่นเอาเราซึ่งเป็นคนใต้โดยกำเนิดถึงกับมึบตึ๊บเหมือนกัน  !!!    ก็จะไม่ให้มึนอย่างไรได้ละคะ  เนื่องจากไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรนี่คะ    ทำไมจึงต้องเรียกว่า ปลาหัวโม่ง  หรือปลาหัวโหม่ง   จนได้มาเห็นตัวจริงของจริง ตอนที่ป้าๆเขาชำแหละเสร็จแล้วนั่นแหละ จึงถึงบางอ้อว่าทำไมต้องเป็นปลาหัวโหม่ง

และเนื่องจาก   สมช บ้านเราหาได้มีแต่คนใต้ภาคเดียวไม่   อันคนพื้นถิ่นอื่นก็มีมิใช่น้อย   คาดว่าท่านอื่นๆคงมีเครื่องหมาย  ?  ขึ้นอยู่เต็มหน้าเหมือนกันเมื่ออ่านมาเจอปลาชื่อประหลาดนี้

ก่อนอื่น  เรามาหาคำแปลของคำสองคำนี้กันก่อนดีไหมคะ 

คำว่า “โม่ง” คำนี้เป็นคำนามค่ะ    ถ้าเราเห็นคำนี้ปุ๊บ   เราจะนึกถึงไอ้โม่งปั๊บ  (หรือใครนึกถึงเป็นอื่นอีก )      ไอ้โม่งที่ว่านี้  เป็นลักษณะของบรุษเพศที่เอาผ้าดำคลุมหัว คลุมศรีษะจนมิดชิดลงมาถึงคอเพื่อไปประกอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ  เหตุที่ต้องเอาผ้าดำคลุมหัวไว้  ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นหน้าซึ่งอาจจะจำหน้าได้   หรือบางที  เราก็จะนึกถึงคนที่เดินเอาปี๊บคลุมหัว   เพราะอับอายอะไรบางอย่าง   นี่แหละค่ะพฤติกรรมเช่นนี้ เราเรียกว่า “ไอ้โม่ง”

ส่วนคำว่า “โหม่ง”   น่าจะเป็นคำกริยานะคะ   ในความรู้สึกของเรา   คำว่า “โหม่ง”   หมายถึงการเอาศรีษะไปโขกกำแพง  หรือลักษณะของที่คน หรือสัตว์ก้ตามตกลงมาจากที่สูงแล้วพิเรนเอาศรีษะลงมาก่อน   เราเรียกอาการแบบนี้ว่า “ โหม่งพสุธา”

แต่ไม่ว่า จะ “โม่ง” หรือ  “โหม่ง”  ต่างก็มีบริบทที่เกี่ยวข้องกับศรีษะทั้งสิ้น   ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น   ? และก้ให้เกิดบังเอิญที่ไปคล้องจองกับเจ้าปลาหัวโม่งเจ้าปัญหาที่เรากำลังสับสนกับชื่ออยู่ ณ ขณะนี้

 

จากที่เข้าใจ  คำที่ถูกต้องน่าจะออกเสียงว่า “ปลาหัวโหม่ง”   (คนใต้ช่วยออกเสียงให้หน่อยค่ะ )  แต่คำว่า “โหม่ง”  ในที่นี้เป็นภาษาไต้ค่ะ   ที่แปลว่า “บวม”  หรือ “โต”   หรือลักษณะเป็นอะไรที่ใหญ่ๆ    เราจะเรียกว่า “โหม่ง” ค่ะ    ถ้ายังนึกภาพไม่ออก  ให้ลองนึกถึง เม็ดมะม่วงหิมพานต์สดนะคะ   ที่มีลูกเป็นสีเหลืองๆ   ส่วนที่เป็นแข็งๆที่ที่โผล่ออกมาข้างล่างนั้นเราเรียกว่า “โหม่ง หัว ครก “ 

อธิบายแบบนี้   คนใต้เกตทันทีค่ะ    แต่คนภาคอื่น (อย่างเช่น  คุณ  ศิษย์  หรือคุณ  ลำไย)  อาจจะนึกภาพไม่ออก  ด้วยเพราะไม่ทราบว่าได้เคยเห็นต้นหัวครกหรือยัง  (เราเองเป็นคนใต้แท้ๆ  ยังไม่แยกไม่ออกเลยค่ะ) 

ยังไงก็รอคนใต้แท้ๆ  ที่ไม่ใช่ใต้ถุนอย่างเราช่วยอธิบายคำว่า “โหม่ง”  ที่แปลว่า “โต”   ให้ทีเถิดค่ะ   เพราะเราเองก็สงสัยอยู่นานว่ามันแปลว่าอะไร   จนนึกถึงศัพท์ใต้คำนี้   จึงนึกขึ้นได้ว่า  มันน่าจะแปลว่า  “ปลาหัวโต”

 

ความเห็น

สวัสดีครับผมคนบางแก้วครับ ได้มีโอกาสเปิดมาเจอกระทู้ด้านบนเลยเปิดอ่านดู เห็นเป็นเวบและข้อมูลที่น่าสนใจครับเลยขอสมัครเป็นสมาชิก จริงๆแล้วคำว่า โหม่ง กับ โม่ง นี้แตกต่างกันนะครับ แต่ไม่ถึงกับมาก คำว่าโหม่ง คือการใช้หัวไปชนหรือไปกระแทกกับอะไรบางอย่าง เช่นโหม่งลูกบอลเป็นต้นครับ แต่ถ้าคำว่าโม่ง ก็คือคำที่คนภาคอื่นใช้ว่าหัวโนนั้นแหละครับ แต่ปลาชนิดนี้คนใต้แต่ละพื้นที่ก็เรียกแตกต่างกันออกไป เหมือนบ้านผม บางแก้ว เรียกหัวโม้ง แต่พอผมมาเรียนที่สงขลา ทางนี้ก็จะเรียกหัวโหม่งครับ ส่วนการนำปลาชนิดนี้ไปทำอาหาร จริงๆแล้วปลาหัวโหม่ง หรือ หัวโม่ง เป็นปลาที่มีความคาวมาก ถ้าไม่ใช้คนพื้นที่จริงๆจะทำกินไม่ค่อยได้ หรือกินได้แต่ความคาวก็ไม่น่าจะหมดไปครับ อาหารที่นำมาทำมากที่สุด ก็มี แกงส้ม ผัดเผ็ดครับ หรือถ้าทอดก็ไม่นิยมนำปลาสดมาทอดนะครับ เพราะมันจะคาวมาก วิธีการคือ ทำผ่าพุง ครุกเกลือแล้วนำไปตากแดด ไว้สัก แดด2แดด แล้วนำมาทอดกินกับข้าวร้อนๆจะอร่อยมาก ส่วนการนำมาต้ม ที่บ้านเขาไม่นิยมนำมาต้มนะครับ แน่แน่ใจว่าจะต้มได้นะครับ แต่ผมว่ามันน่าจะคาวมากถ้านำมาต้ม ครับ

หน้า