เครื่องประทินผิว ตอน มาทำแป้งทาผิว ตำรับแป้งเย็นสูตรโบราณกันเถอะ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ในเมื่อมีโอกาสได้อ่านและเป็นเจ้าของหนังสือ บันทึกของแผ่นดิน เล่ม ๓ ตอน พืชหอมเป็นยา ของ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อภัยภูเบศร

มีหลายอย่างที่น่าสนใจลองทำใช้เอง แต่ตำรับแป้งเย็นสูตรโบราณ ตำรับของ นางนิเมาะ หะยีมานุ ดูจะง่ายและเหมาะสมที่สุดกับโจที่จะลองเริ่มต้นทำในช่วงนี้

เพราะง่ายและไม่ยากเลยค่ะ

 

 

วิธีทำ แป้งเย็น บือเด๊าะซือโย๊ะ


สูตรต้นฉบับ  นำข้าวสารไปแช่น้ำเป็นเวลา 40 วัน ที่สำคัญต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน จนครบกำหนด แล้วน้ำข้าวสารที่แช่ มาขยี้ให้แหลกจนเป็นเนื้อแป้ง ตั้งทิ้งไว้ให้แป้งนอนก้น แล้วรินน้ำออก เอาแป้งที่ได้ยีมายีผ่านกระชอนเพื่อให้ได้เนื้อแป้งที่ละเอียด ใส่น้ำลงในแป้ง ตั้งทิ้งไว้อีกหนึ่งคืน รุ่งขึ้นรินน้ำออกเพื่อเป็นการล้างแป้ง แล้วเติมน้ำใหม่ลงไปพอให้แป้งเหลวข้น จึงนำมาหยอดด้วยกรวยใบตอง เป็นหยดแป้งก้อนเล็กๆ หรือนำมาเทใส่ถาด พอแข็งตัวก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำแป้งที่แห้งพอหมาดมาห่อด้วยผ้า แล้วนำใบเตยหั่นละเอียด และดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ได้แก่ จำปี จำปูน กระดังงา มะลิ ฯ มาใส่รวมกันในขวดโหล เพื่อให้ความหอมต่างๆ ซึมเข้าไปในแป้ง พอรุ่งเช้าก็นำไปตากแดดให้แห้งสนืท ก่อนนำมาใส่ตลับหรือกระปุกไว้

วิธีใช้ นำแป้งมาละลายทาผิว

หมายเหตุ บางตำรับจะนำข้าวสารที่แช่น้ำไว้ 40 วัน มาบดกับเหง้าเปราะ ว่านน้ำ ผสมน้ำกรองเอากากออกจะได้แป้งของเหลวสีขาวข้นมีกลิ่นหอมมากขึ้น ก่อนจะนำไปอบด้วยดอกไม้ แล้วนำไปตากให้แห้งสนิท

 

ข้าวสารที่แช่ไว้เกือบเดือนแล้ว แต่ยังไม่ครบ 40 วันหรอกค่ะ พอดีสัปดาห์นี้ ไม่ได้เข้าสวนเพราะติดภารกิจฉุกเฉิน นึกเบื่อๆขึ้นมาเลยไปเอาข้าวสารที่แช่ไว้มาทำซะเลยดีกว่า


 

บรรดาดอกไม้หอม แช่น้ำ ปิดฝาใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ หลังจากล้างข้าวสารอีกรอบ ก็เท น้ำหอมจากดอกไม้ใส่ลงไปในข้าวสาร


 

 

ไม่ได้ยีกับช้อนค่ะ แต่เอาเข้าเครื่องปั่นเลย แล้วกรองด้วยกระชอนอีกรอบค่ะ ใส่ตู้เย็นไว้อีกคืนนึงให้ตกตะกอน แล้วเทน้ำใสๆ ทิ้งให้หมด


 

 

ไม่ได้หยอดด้วยใบตองค่ะ แต่ใช้อุปกรณ์แต่งหน้าเค๊กเลยค่ะ แหะๆๆ


 

 

หยอดแว้วๆๆๆๆ มือนิ่งมาก เท่ากันเป๊ะ ๆๆ ทุกเม็ดเลย อิอิ


 

 

เราคนรุ่นใหม่ต้องประยุกต์สักหน่อยค่ะ มองซ้าย มองขวา บนโต๊ะทำงานมี ขมิ้นชันแคปซูล ก็เอามาเม็ดนึงเทขมิ้นใส่แป้ง ก็ได้แป้งขมิ้นบำรุงผิวสีเหลืองนวล มีน้ำยาอุทัย ก็เอามาเหยาะๆ ก็ได้แป้งสีชมพูน่ารัก ไว้ทาแก้ม อิอิ สวย เริ่ด แน่ๆๆ งานนี้ ฮ่าๆๆๆ


 

 

ไม่ได้เข้าสวน ก็ไม่มีใบเตย ไม่เป็นไร เรามีเทียนอบขนมเอามาอบซะเลย หอมน่ากินมาก เกือบหยิบเคี้ยวแล้วค่ะ

 

 

 

เสร็จแล้ว...เย้ๆๆๆๆ


 

 

จัดองค์ประกอบถ่ายรูปซะหน่อย  งามคั่กๆๆๆ

 

 

ติดภารกิจต้องเฝ้าร้าน 7 ถึง 10 วัน ไม่ได้เข้าสวน เศร้าจัง คิดถึงสวนค่ะ

 

 

พรุ่งนี้ก็ต้องเฝ้าร้านอีก แต่คิดไว้แล้วว่าจะทำอะไร ที่ร้าน ค่ะ ...

ความเห็น

น่าใช้จัง...:shy:


...

....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....

ดูเหมือนจะง่ายน่ะ แต่มันไม่ง่ายเลย เจ้ทำแล้ว นู๋หวึ่งขอแบ่งล่ะกันน่ะ คริ คริLaughing

ชีวิตไม่ได้เกิดมา เพื่อยอมแพ้

ป้าแมวสนใจอย่างแรง เคยเอาแต่น้ำซาวข้าวมาล้างหน้า เพราะว่าดีมีประโยชน์ต่อหน้าเราอย่างมาก แล้วนี้ใช้เมล็ดข้าวเลย ต้องดีแน่นอน ทำไม่น่ายากจิงจิง ขอบุ๊คมากค์ไว้ก่อนนะคุณโจ ว่าแต่ถ้าใช้ย้าวกล้องหอมนิลจะเป็นไรไหมอ่ะ ไม่เป็นไรเด๋วไปซื้อข้าวข้าวมาสักโล แนะนำไหมค่ะว่า ต้องใช้ข้าวอะไร? อยากทำการบ้านส่งจ้ะคุณโจ

พี่คงต้องหาเวลามาทำบ้างแล้วแหละ เผื่อจะได้สวยเหมือนคุณครู(ขอเป็นศิษย์) แต่มันน่ากินจัง ถ้าเป็นข้าวเหนียวดำเอามาทาหมาทั้งเห่า และวิ่งหนีเป็นแน่แท้


                   พี่เก้จ๊ะ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ทำเผื่อนะ จะได้หายเหี่ยว สงสัยสูตรนี้จะเอาไม่อยู่แล้วละ น้องเก้

นึกว่าทำขนม  เก็บไว้ก่อนต้องได้ทำสักครั้งดีมากๆ

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

ช่างทำมากเลยครับ เหมือน แป้ง ข้าวเจ้า ไหมครับ เวลาใช้

:beg: :beg: :beg: นับถือในความพยายามครับ กว่าจะได้ต้องใช้เวลานานจังเลยครับ ความอดทนสูงมากๆ

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

ขยันจัง....เคยเห็นแป้งตำรับชาววัง วังไหนก็ไม่ทราบหรอกค่ะ เขาใช้ใบตองตัดเป็นแผ่นค่ะ แล้วก็บรรจงหยอดแป้งกระแจะแบบนี้แหละค่ะ แต่ค่อยๆ หยอดเป็นรูปพวงมาลัยดอกพุด  ตรงช่วงอุบะ ก็เปลี่ยนแป้งเป็นสีแดง แล้วแต่ชนิดของดอกไม้ เมื่อแป้งแห้งก็จะเป็นพวงมาลัย พวงเล็กๆ ติดอยู่บนใบตอง งามขนาดค่ะ ใกล้วันแม่แล้วเผื่อเป็นไอเดียทำขาย ดีกว่ามะลิพลาสติกอีกนะคะ

หน้า