EM ข้อควรระวัง

EM คือชื่อที่เรียกกันทั่วไป เเต่ข้อสังเกตุระหว่าง มาตรฐานความปลอดภัยเเละการใช้งานที่เป็นจริงอย่างไร ปัจจุบันได้มีการนำวัตถุของเน่าเสียหรือเเม้นเเต่ดินตามเเหล่งต่างๆมาหมักผสมกับกากน้ำตาลกันอย่างกว้าขวางจนเป็นที่นิยม โดยไม่มีหน่วยงานไหนให้ความสนใจในเรื่องความปลอดภัย เช่น เชื้อจุลินทรีย์ เเบคทีเรีย ไวรัส ชนิดต่างๆที่ก่อให้เกิดโรค อาจเกิดจากการนำขยะเน่าเสีย หรือเเม้นเเต่ดิน เช่น ดินในป่า ดินตามโคนต้นไม้ ซึ่งอาจเป็นที่เพาะเชื้อโรคเช่น ฉี่หนูหรืออื่นๆ การใช้อุปกรณ์ต่างๆที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ อากาศเเละอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนเเปลงไป สัญญาณอันตรายของเชื้อไวรัส เเบคทีเรีย จุลินทรีย์ ก่อโรค สายพันธุ์ใหม่ๆกำลังคืบคลานเข้ามา มีผู้คนจำนวนมากมาย ที่ยังไม่เคยรับรู้เเละเข้าใจ ในเหตุเเละผล เช่น ปัจจุบันมีปลาน้ำจืดบางชนิดสามารถดำรงชีวิตได้ในสภาพน้ำที่ปนเปื้อน ตามเเหล่งอุตสหกรรมต่างๆ สาเหตุเพื่อต้องการมีชีวิตอยู่ คำถามหาก มนุษย์บริโภคปลาเหล่านั้นเข้าไปจะเกิดการสะสมสารชนิดนั้นๆเข้าสู่ร่างกาย เช่นเดียวกันกับพืชผักเเละสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ต้องการอยู่รอด การหมักเชื้อเเบคทีเรียหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า "อีเอ็ม" "EM" ขึ้นมาโดยขาดความรู้ในหลักของจุลวิทยา ย่อมส่งผลร้ายมากกว้าผลดี ในอุตสาหกรรมอาหารที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ขอยกตัวอย่างเช่น ยาคู้ มีการนำเชื้อจุลินทรีย์เเลคโตบาซิลัส ในสายพันธุ์นั้นๆ มาเป็นหัวใจในการผลิตเเต่ทุกขั้นตอนการผลิตมีมาตรฐานในระดับโลก มีห้องปฏิบัติการ เเละนักปฏิบัติการ เครื่องมืออุปกรณ์ มีเครื่องหมายคุณภาพต่างๆครบจนยอดขายอยู่ในอันดับต้นๆของผลิตภัณฑ์ เเละในทางกลับกันหาก อีเอ็ม ที่เรียกกับติดปากเเละใครก็ทำกันได้ เช่น เอาดิน ใบไม้ กากน้ำตาล คำถามหากดินมีเชื้อฉี่หนู เเล้วนำมาหมักเมื่อเกิดโรคระบาดใครจะรับผิดชอบ  กากนำตาลตัวเเปลสำคัญ เพราะเเย่งออกซิเจนในน้ำ จำกันได้มัยตอนที่เรือบรรทุกน้ำตาลจมลงที่เเม่น้ำเจ้าพระยา ปลาขาดออกซิเจน ตายกันยังไง ( นี่ขนาดน้ำตาลดีๆนะ )


การนำขยะมาหมักเพื่อทำ "อีเอ็ม" ใช่หนทางที่ถูกต้องหรือไม หากทุกบ้าน 60 ล้านคน หมักพร้อมกันเเล้วเทพร้อมๆกันเอาง่ายๆ บ้านละ 20 ลิตร คำถาม เเม่น้ำเเละห่วงโซ่อาหารจะอยู่อย่างไร (จำเรื่องเรือนำตาลจมได้มั้ย)


จุลินทรีย์ ในภาคจุลวิทยา จำเป็นต้งมีการควบคุมการเเพร่ระบาดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ข้อสังเกตุที่ชัดเจน คือ ไม่มีนักจุลวิทยาออกมาเเสดงตัวว่า ผลิตอีเอ็ม อยู่เลย ยกเว้น กลุ่นที่เป็นเชื้อคัดสายพันธุ์ เเละเหมือนกันกับที่ทาง อ.จุฬา ออกมาเเสดงเเล้วในเรื่องนี้ เงินคือปัจจัยหลักที่ทำให้ ความดีเเละความชั่วมักเดินสวนทางกัน ทำให้ถูกต้องตั้งเเต่วันนี้ เพื่อมนุษย์ชาติของเรา เช่น มีห้องปฏิบัตการณ์ มีเครื่องฆ่าเชื้อ โรงงานเป็นระบบปิด มีนักจุลวิทยาที่มีความรู้เเละความเชี่ยวชาญควบคุมดูเเล ทุกกระบวนการผลิตต้องสะอาด ไม่มีเชื้อปนเปื้อน เช่น น้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำกลั่น เเพคเกจจิ้งต่างๆ จะต้องผ่านการฆ่าเชื้อ เเละที่สำคัญ อ.ย. ควรจะเข้ามาทำการควบคุมให้ถูกต้อง

          เป็นความกังวลของคุณกฤษฏาพร ต่อสมาชิกชาวบ้านสวนพอเพียง และผู้ที่เข้ามาอ่านในเวปนี้ ผมต้องขอขอบคุณในความปรารถนาดีของคุณกฤษฏาพร เป็นอย่างยิ่งครับ

          ผมขอเรียนว่า

          ประการแรก อย่าเรียกจุลินทรีย์ที่นำไปใช้ในการหมักว่า EM เพราะ EM เป็นชื่อทางการค้าของจุลินทรีย์ที่นำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรอย่างแพร่หลายมานานแล้วครับ

          ประการต่อมา

          ตามความเข้าใจอันอ่อนด้อยของผม จุลินทรีย์ในโลกนี้ มีทั้งจุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ดังนี้

          จุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ที่เรารู้จักกันดี ก็คือ เชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่กลัวๆกัน

          ส่วนจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ก็ได้แก่ เชื้อที่เราเอาเอามาหมักเป็นอาหารประจำชาติของหลายๆชาติ เช่น ข้าวหมาก ของไทย เต้าเจี้ยว ของจีน กิมจิ ของเกาหลี ยาคูลท์ ของญี่ปุ่น โยเกิร์ต ของชาติไหนก็หาต้นตอยาก พวกนี้ ฝรั่งเขาเรียกว่า probiotic ลองอ่าน "The Probiotics Revolution" โดยสำนักพิมพ์มติชน

          จุลินทรีย์ที่นำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก หรือ น้ำหมักทางการเกษตร เมื่อก่อน การกองปุ๋ยหมักจากเศษหญ้า จะใช้มูลวัวสดๆ ผสมลงไปในกอง พร้อมทั้งให้ปุ๋ยยูเรีย เพื่อให้เป็นอาหารแก่จุลินทรีย์ที่อยู่ในมูลวัว ขยายแพร่พันธุ์มากๆ เพื่อทำให้เศษหญ้าสลายตัวกลายเป็นปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยอินทรีย์ ต่อมา กรมพัฒนาที่ดินได้ ศึกษาว่าในธรรมชาติมีจุลินทรีย์ชนิดไหนบ้าง ที่มีความสามารถในการย่อยสลายอินทรียวัตถุชนิดต่างๆได้ ศึกษาจนได้เชื้อบริสุทธิ์ (Pure Culture ) และเอามาผลิตจนเป็น พด. หมายเลขต่างๆ เพราะฉนั้น หากใครจะเอาไปทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ทั้งแบบแห้งหรือแบบน้ำ ก็สามารถขอเชื้อพวกนี้ไปใช้ได้

          แต่อย่างไรก็ตาม คนที่รู้เรื่อง (นักวิชาการ) ไม่ใช่ว่าจะมีอยู่แต่เพียงในวงราชการ ในกลุ่มเอกชน เขาก็มีคนที่มีความรู้ในทางนี้เหมือนกัน แบบว่า เรียนจบออกมาจาก รร.เดียวกันแล้ว แต่ไม่อยากเป็นข้าราชการ เขาก็มาทำการศึกษาของเขาไป บางคนก็ทำออกมาขาย บางคนก็ทำออกมาแจก โดยเฉพาะความรู้ทางด้านนี้

          ปัญหาที่คุณ กฤษฏาพร กังวลน่าจะอยู่ที่ใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่อง หรือรู้แบบ จำไม่ได้สรรพ จับมากระเดียด แล้วเอาไปทำตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ซึ่งแทนที่จะไปขยายจุลินทรีย์ตัวดี ก็อาจจะเป็นการขยายจุลินทรีย์ตัวร้ายก็ได้

          ในเวปนี้ มีผู้รู้หลายท่าน ได้แนะนำการทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักเพื่อการเกษตร บอกเล่าาให้ผู้ที่เข้ามาอ่านได้นำวิธีการที่ถูกต้องไปใช้กัน ซึ่งการใช้สิ่งเหล่านี้ ทำให้ลดต้นทุนการผลิตลงไปได้มาก

          และที่สำคัญคือ การปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในอาหาร หรือผลผลิตทางการเกษตร ที่นำออกขายในท้องตลาด หรือส่งไปขายยังต่างประเทศ เราไม่ค่อยได้ข่าวการปนเปื้อนจุลินทรีย์ มากเท่ากับการปนเปื้อนสารเคมีอันตรายที่ใช้ในการผลิตทางการเกษตร

          สิ่งที่น่ากลัวก็คือ สารเคมี ที่นำมาใช้ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช ที่หลงเหลืออยู่ในผลผลิจทางการเกษตรที่วางขายทั่วๆไปนั้น น่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน มากกว่าการใช้จุลินทรีย์ในทางการเกษตร

          comment นี้ ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อการโต้แย้ง แต่เพื่อความเข้าใจในหมู่ชาวบ้านสวนพอเพียง เท่านั้น

เห็นด้วยกับลุงพูนค่ะ ล้าน % เป็นคำตอบสุดท้าย

เห็นด้วยกับลุงพูนครับ จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ นอกจากอยู่ในร่างกายของเหยื่อในปริมาณที่มากพอหรือร่างกายที่อ่อนแอ

เจ้าของกระทู้นี้ เป็นคนเดียวกับ ลิงค์นี้

ผมว่าสมาชิกคงเข้าใจแล้วนะครับ

ตั้งแต่อ่านย่อหน้าสุดท้ายของเจ้าของกระทู้ ผมก็สงสัยแล้วครับว่าต้องไปในแนวทางนี้ เพราะเหมือนบอกสรรพคุณและขั้นตอนการผลิต แต่ไม่กล้าพูดออกไป ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความกระจ่างครับ

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล

นึกแล้วไม่ผิด .... ทำไมถึงซื้อหวยไม่ถูกว้า หุหุหุหุ .... ถึงได้ถาม ว่ามีอะไรแอบแฝงหรือป่าว ก็ไม่ยอมมาตอบ ...

:bye: :bye: :bye: :bye: :bye: :bye: :bye: :bye:

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

เป็นข่าวดีมากๆ ถ้า"หากทุกบ้าน 60 ล้านคน หมักพร้อมกัน" แสดงว่าคน 60ล้านคน มีความคิดที่พัฒนาแล้ว เพราะว่าผมคนหนึ่งหละก็ยังหมักไม่เป็น

:uhuhuh: ครับ คิดดีๆๆๆคนทำก็ควรศึกษาให้เข้าใจขบวนการก่อน


ถ้าไม่เข้าใจ ทำไปก็ไม่ได้ดีหลอกครับ55555

:woa:

ชีวิตมันสั้น อย่าทำอะไรให้มันยาก

หน้า