ในปัจจุบันถึงแม้ผู้บริโภคอย่างเราจะมีนมมากมายเลยชนิดให้เลือกรับประทาน ซึ่งในบรรดานมทั้งหมดที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป นมพาสเจอไรส์นับว่าเป็นตัวเลือกที่พบได้บ่อยมากที่สุด เพราะด้วยข้อดีที่เก็บรักษาง่ายอีกทั้งยังผ่านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นจึงสะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค แต่นอกเหนือไปจากรายละเอียดส่วนนี้แล้ว ทุกคนรู้ไหมว่านมพาสเจอไรส์ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกหลายประการ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง หากใครอยากรู้แล้ว ขอเชิญไปหาคำตอบกันด้านล่างนี้ได้เลย
ข้อแตกต่างระหว่างนมพาสเจอร์ไรส์และนมสด
กรรมวิธีการผลิตคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นมทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกัน โดยพาสเจอร์ไรส์นั้นเป็นนมโคแท้ 100% ที่ผู้ผลิตนำไปต้มด้วยความร้อนเพื่อกำจัดจุลินทรีย์ในน้ำนมแล้วนำไปเก็บไว้ในเครื่องทำความเย็นที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 5 องศาในทันทีก่อนนำมาวางขาย แต่ในขณะที่นมสดจะเป็นนมที่รีดมากจากเต้าโดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยความร้อนมาก่อน ดังนั้นจึงมีทั้งความมันและสารอาหารแบบจัดเต็ม
สารอาหารครบถ้วน
หากพูดถึงประเภทของนมที่มีสารอาหารใกล้เคียงกับนมสดมากที่สุด พาสเจอร์ไรส์นับว่าเป็นตัวเลือกที่ใช่ เพราะอย่างที่เราได้บอกไปในข้างต้นว่านมประเภทดังกล่าวนั้นผ่านขั้นตอนของการแปรรูปเพียงขั้นตอนเดียวคือการนำไปต้มเพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ในเนื้อนมที่ก่อให้เกิดโรคกับร่างกายมนุษย์ ดังนั้นจึงยังคงไว้ซึ่งสารอาหารและคุณค่าโภชนาการแบบเต็มเปี่ยม และที่สำคัญเลยก็คือปลอดภัยกับการบริโภค อีกทั้งยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานสูงสุดถึง 10 วัน
ทานได้ตั้งแต่เด็กวัยกำลังโตจนถึงผู้ใหญ่
เนื่องจากนมพาสเจอไรส์มีคุณค่าโภชนาการสูง อีกทั้งยังมีรสชาติที่กลมกล่อม ดังนั้นจึงสามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่านมประเภทดังกล่าวจะตอบโจทย์คนหลายวัย แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องชี้แจงกันตรงนี้ก่อนว่าหากเป็นไปได้ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบรับประทานพาสเจอร์ไรส์ เพราะสำหรับเด็กในวัยดังกล่าว นมแม่คือสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากที่สุด
การเก็บรักษา
ถึงแม้นมประเภทนี้จะผ่านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อที่เป็นเหตุให้นมเกิดบูดหรือเน่าเสียได้ทุกชนิด ดังนั้นเราจึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนเก็บนมพาสเจอไรส์ไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียสเสมอ และควรบริโภคให้หมดภายในระยะเวลา 10 วันหลังวันผลิต หรือหากใครที่เปิดฝาแล้ว ก็ควรจะรีบทานให้หมดภายในเวลาไม่เกิน 2 วัน
และทั้งหมดก็คือรายละเอียดเกี่ยวกับนมที่เราหยิบมาแนะนำกันวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความของเราคงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะ