รวมเทคนิคการซื้อทองรูปพรรณให้ได้ราคาดี ต้องดูยังไง?

1 post / 0 new
DigitalKnowledge
Offline
Last seen: 7 ชั่วโมง 50 วินาที ก่อน
Joined: 5 มิ.ย. 2019 - 15:56
รวมเทคนิคการซื้อทองรูปพรรณให้ได้ราคาดี ต้องดูยังไง?

เก็บทองยังไงก็รวย วลีที่คนโบราณเขาบอกต่อ ๆ กันมา ซึ่งถ้าใครที่สนใจจะลงทุน โดยเฉพาะทองรูปพรรณ  อยากได้ราคาดี ๆ แต่ไม่รู้เทคนิคการซื้อ ต้องมาลองอ่านที่บทความนี้

 

ด้วยข้อเท็จจริงของทองคำที่ประจักษ์โดยทั่วกันอยู่แล้วว่า เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตั้งแต่ในอดีต จนมาถึงปัจจุบันจะได้รับความนิยมในแง่ของการสะสมเพื่อเก็บออมเป็นหลักทรัพย์ในอนาคต แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีกระแสการลงทุนที่มาแรงและน่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้และความเข้าใจให้ดีเสียก่อน คือเทคนิคการดูทองรูปพรรณที่ส่งผลต่อราคาการซื้อขาย

 

 

ก้าวแรกสู่นักลงทุนมือโปร: เทคนิคการดูทองรูปพรรณ รับประกันราคาดี

 

โดยทั่วไปทองคำที่นิยมอยู่ในตลาดทองจะถูกแบ่งออกอยู่เป็น 2 ประเภท คือทองคำแท่งที่สามารถซื้อขายขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1 บาท, 2 บาท, 5 บาท, 10 บาท, ไปจนถึงทองคำแท่งละ 1 กิโลกรัม และทองรูปพรรณที่มีราคาย่อมเยากว่า อีกทั้งยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีวัตถุประสงค์ในการเก็บออม ไปพร้อม ๆ กับการใส่ประะดับ เพราะมีรูปทรงให้เลือกหลาย อีกทั้งยังมีรูปแบบมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู แหวน และกำไล แถมยังได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนไม่น้อย แต่จะมีเทคนิคการเลือกการเลือกซื้อทองรูปพรรณให้ได้คุ้มราคา และนำไปต่อเงินได้อย่างไม่ขาดทุนอย่างไร อ่านได้ที่ข้อมูลด้านล่างนี้เลย

 

4 เทคนิคการเลือกซื้อทองรูปพรรณให้คุ้มกับการลงทุน

 

  1. เลือกจากประเภทของทองรูปพรรณ

 

อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ถึงลักษณะของทองรูปพรรณที่มีราคาย่อมเยากว่า นั่นเป็นกระบวนการกว่าจะมาขึ้นรูปร่างของเครื่องประดับนั้น จะต้องนำทองคำไปหลอมก่อนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทองรูปพรรณมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า นิยมมากว่า โดยส่วนใหญ่ก็จะมาในรูปแบบดังต่อไปนี้..

 

  • สร้อยทอง : เป็นรูปแบบทองรูปพรรณยอดนิยมที่ได้ราคาสูง เพราะมีขนาดตั้งแต่  1 สลึง, 2 สลึง และ 1 – 10 บาท เป็นต้น โดยสามารถเพิ่มน้ำหนักทองได้สูงถึง 10 บาท

  • กำไลข้อมือ : เป็นรูปแบบที่นิยมนำมาเป็นของขวัญ โดยสามารถเพิ่มมูลค่าได้ด้วยสวมใส่กับจี้เพชร หรือพระเครื่องก็ย่อมได้ มีขนาดตั้งแต่  1 สลึง, 2 สลึง และ 1 – 10 บาท เป็นต้น 

  • แหวน : เป็นเครื่องประดับขนาดเล็ก โดยสามารถนำไปเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการใส่เพชร หรือจิลเวลลี่ประดับเข้าไปได้มีขนาดตั้งแต่  0.5 สลึง – 2 สลึง และ 1 บาท

  • ต่างหู : เป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กที่สามารถกำหนดขนาดได้หลากหลาย แต่ถ้ายิ่งเพิ่มน้ำหนักทองมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลทำให้เวลาสวมใส่มีน้ำหนักที่มากขึ้นเช่นกัน มีขนาดตั้งแต่  0.5 สลึง – 2 สลึง

 

  1. เลือกจากช่วงราคาค่ากำเหน็จ

 

นอกจากเลือกตามประเภทของทองรูปพรรณแล้ว การดูราคาจากช่วงค่ากำเหน็จเองก็เป็นส่วนสำคญที่จะช่วยกำหนดมูลค่าทองที่จะได้รับอีกด้วย ในส่วนนี้ถ้าใครสงสัยว่า“ค่ากำเหน็จ” คืออะไร ให้แปลได้ง่าย ๆ เลยว่านี่คือค่าแรงในการขึ้นรูปและทำลวดลายของเครื่องประดับทองรูปพรรณนั่นเอง โดยเรทส่วนใหญ่ก็จะอยู่ราว ๆ 600 บาทไปจนถึง 1,500 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาท นั่นจึงแปลว่ายิ่งซื้อทองรูปพรรณน้ำหนักมากเท่าไหร่ ราคาการจ่ายค่ากำเหน็จก็จะมากขึ้นเท่านั้น