ข้อคิด ในการบริโภคผักเป็นยา
เหรียญมีสองด้าน ทุกอย่างมีคุณ ก็ต้องมีโทษ อยู่ที่การเลือก และวิธีการใช้ อะไรที่มันมากไป น้อยไป ก็ทำให้เกิดความไม่สมดุล
วันนี้มีข้อคิดสะกิดใจเก็บมาฝากสมาชิก หวังว่าคงจะเกิดประโยชน์กับสมาชิกบ้าง
๒-๓ ปี มานี้มีกระแสนิยมกินใบมะรุมเป็นยาบำรุงและรักษาสุขภาพกันอย่างกว้างขวาง แทบจะทั่วทุกภาคของประเทศ บ้างก็กินในรูปของยาเม็ดสำเร็จรูป บ้างก็เด็ดกินใบสด โดยนิยมกินเป็นประจำทุกวัน เป็นแรมเดือนแรมปี ทั้งนี้ได้มีเอกสารออกมาเผยแพร่ถึงประโยชน์และสรรพคุณของมะรุม ซึ่งระบุว่ามีอยู่มากมายหลายประการ
หมอชาวบ้านก็เคยมี ดร.กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะ เขียนเรื่อง "มะรุม" และพืชผักอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งได้ระบุว่า ในพืชผักต่างๆ มีสารเคมีสำคัญอะไรบ้าง และแต่ละตัวมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร เจตนาก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงวิชาการว่า พืชผักต่างๆ น่าจะมีประโยชน์อย่างไร หาได้ตั้งใจแนะนำให้กินเป็นยาบำรุงและรักษาสุขภาพเป็นประจำทุกวันแต่ประการใด
ปกติคนไทยนิยมนำฝักมะรุมมาทำเป็นแกงส้ม บางท้องถิ่นก็นิยมใช้ใบจิ้มน้ำพริก แต่ก็จะกินกันเป็นครั้งคราว ไม่ได้กินทุกวัน
การเปลี่ยนวิธีบริโภค จากการกินครั้งคราวมากินเป็นประจำทุกวัน หรือเปลี่ยนกรรมวิธีในการบริโภคผิดไปจากเคยปฏิบัติมาแต่โบราณนั้น ก็เคยก่อให้เกิดโทษภัยขึ้นมาแล้วหลายกรณีด้วยกัน
อาทิ เมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท่านหนึ่ง มีเจตนาดีในการรณรงค์ปราบโรคพยาธิปากขอ โดยนำมะเกลือมาปรุงเป็นยาเป็นปริมาณหม้อใหญ่ๆ ซึ่งต้องเตรียมทิ้งไว้ค้างคืน วันรุ่งขึ้นก็แจกจ่ายให้เด็กๆ ตามหมู่บ้านกินกันถ้วนหน้า คราวนั้นเกิดผลที่ตามมา คือ มีเด็กๆ หลายคนตามัวตาบอด เนื่องจากได้รับพิษภัยจากสารเคมีในมะเกลือที่กลายรูป เนื่องจากการตั้งทิ้งไว้ค้างคืน
โบราณจะเตรียมมะเกลือในปริมาณเล็กน้อย สำหรับแต่ละคนเท่านั้น และเมื่อเตรียมเสร็จก็ให้กินสดๆ ทันที ซึ่งก็ได้ผลในการรักษาโรคพยาธิปากขอ และไม่ได้เกิดผลข้างเคียงอะไร แต่เมื่อเปลี่ยนมาเตรียมทีเดียวปริมาณมากๆ และทิ้งไว้ข้ามคืน สารเคมีในมะเกลือก็เกิดการกลายรูปเป็นสารใหม่ ซึ่งสามารถทำลายประสาทตาจนทำให้ตามัวตาบอด
เมื่อหลายปีก่อน หน่วยงานของรัฐได้มีการนำใบขี้เหล็กมาผลิตเป็นยาสมุนไพร บรรจุใส่แคปซูลออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยระบุสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท และยานอนหลับ ทั้งนี้โดยอาศัยหลักฐานการวิจัยว่า ขี้เหล็กมีสารเคมีสำคัญตัวหนึ่งที่ช่วยสงบอารมณ์ (คลายกังวล ความเครียด) และช่วยให้นอนหลับ และมีการทดลองในหนูว่าไม่เกิดพิษภัยเฉียบพลัน
ผู้คนจำนวนมาก (ซึ่งมีปัญหาความเครียดและนอนไม่หลับ ที่เคยพึ่งพาแพทย์สั่งยากล่อมประสาทให้กิน) ก็หันมาซื้อยาขี้เหล็กแคปซูล ซึ่งสามารถซื้อหาได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
ท่ามกลางกระแสนิยมบริโภคขี้เหล็กคราวนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งได้พบว่ามีผู้ป่วยหลายๆ รายมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) มาขอตรวจรักษากับแพทย์ ในที่สุดก็ยืนยันว่าเป็นตับอักเสบจากการบริโภคขี้เหล็กแคปซูลเป็นประจำติดต่อกันหลายเดือน ทางการจึงได้ยกเลิกการจำหน่ายยาขี้เหล็กแคปซูล ซึ่งถือว่าไม่ปลอดภัย
ผมเคยเจอคนรู้จักคนหนึ่ง นิยมนำขี้เหล็กมาต้ม แล้วน้ำที่ต้มมาดื่มแทนน้ำเปล่าด้วยเชื่อว่าเป็นยาบำรุง พอดื่มไปได้ ๒-๓ เดือนก็เกิดอาการดีซ่าน ไปพบแพทย์ก็ตรวจยืนยันว่าเป็นตับอักเสบจากการดื่มน้ำขี้เหล็กต้มเช่นเดียวกัน
คนไทยนิยมแกงขี้เหล็ก กินเป็นครั้งคราว บางท้องถิ่นบอกกันเลยว่า ถ้าคืนไหนอยากนอนหลับดี เย็นวันนั้นก็ให้กินแกงขี้เหล็ก
การกินขี้เหล็กเป็นบางครั้งบางคราวแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน ไม่ก่อโทษ แต่การหันมากินในรูปของยาเป็นประจำ กลับมีพิษต่อตับ
สมุนไพรที่มีการยืนยันทางวิชาการว่ามีพิษต่อตับ ทำให้ตับอักเสบอีกชนิดหนึ่ง ก็คือ บอระเพ็ด ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด เมื่อทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานกินทุกวันก็พบว่าทำให้ตับอักเสบได้
ส่วนมะรุม ผมก็เคยได้ยินแพทย์บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า อาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบ เพราะพบว่าผู้ป่วยบางท่านเป็นโรคตับเรื้อรัง โดยไม่พบสาเหตุชัดเจนอื่นใด นอกจากมีประวัติว่านิยมกินมะรุมทุกวันมาเป็นแรมปี แต่ท่านก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้รับคำบอกเล่าเกี่ยวกับมะรุมอยู่ ๒ กรณี
กรณีแรก มีพยาบาลท่านหนึ่งเล่าว่า ที่โรงพยาบาลรับตรวจเช็กสุขภาพ พบว่ามีผู้ที่มีผลเลือดที่แสดงว่าตับเริ่มทำหน้าที่ผิดปกติอยู่ ๕ ราย ทั้ง ๕ รายนี้มีประวัติกินมะรุมทุกวันมาเป็นแรมปี จึงแนะนำให้หยุดกิน แล้วนัดมาตรวจเลือดซ้ำ ก็พบว่าตับกลับมาทำหน้าที่เป็นปกติ จึงตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นว่า มะรุมอาจมีผลเสียต่อตับ
อีกกรณีหนึ่ง ผู้ป่วยเบาหวานรายหนึ่งเล่าว่ากินยาเบาหวานมาหลายปี ก็ไม่เคยมีปัญหาแทรกซ้อนรุนแรง ต่อมาทราบจากคำเล่าลือว่ามะรุมสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ จึงซื้อมะรุมชนิดเม็ดกินเสริมไปวันละ ๒ ครั้งๆ ละ ๒ เม็ด พอกินไปได้ ๑๐ กว่าวัน ก็เกิดอาการเป็นลม หน้ามืด ไม่ค่อยรู้สึกตัว ญาติพาส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจพบว่าผู้ป่วยเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกิน สันนิษฐานว่าอาจเป็นไปได้ที่มะรุมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด จึงเสริมฤทธิ์ยาเบาหวานที่กินอยู่เดิมจนน้ำตาลในเลือดลดต่ำถึงขั้นอันตรายได้
ทั้ง ๒ กรณีนี้ คงต้องรอให้มีการพิสูจน์ยืนยันกันต่อไปในเชิงวิชาการ จึงจะสรุปได้แน่ชัดว่า มะรุม มีผลดังกล่าวจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ก็ขอแนะนำให้ระมัดระวัง หากพืชผักชนิดใดยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นยาที่สามารถกินได้ผลและปลอดภัย ก็อย่าบริโภคพืชผักนั้นในรูปของยาที่กินประจำทุกวัน ทางที่ปลอดภัย ก็คือ หันมาบริโภคพืชผักในรูปอาหารธรรมชาติ ตามวิถีที่บรรพบุรุษเราเคยปฏิบัติกันมาจะดีกว่า
ขณะเดียวกัน ก็ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันพิสูจน์ถึงข้อดีข้อเสียของการบริโภคพืชผักเป็นยา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภค
อ่านแล้วมีข้อคิดเห็นประการใด หรือว่าใครเคยมีประสบการณ์ตรง นำมาแบ่งปันให้สมาชิกทราบกันบ้างนะครับ
- บล็อกของ กระต่ายดำ
- เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อแสดงความคิดเห็น
- อ่าน 5724 ครั้ง
ความเห็น
กุ้งบางบัวทอง
13 ตุลาคม, 2010 - 13:35
Permalink
มะรุม
แม่กุ้งเค้าชอบเอาใบมะรุมมาชงเป็นชากินประจำ บางทีใครว่าอะไรดีแกก็เอามากิน แล้วก็ไม่เห็นสุขภาพจะดีเลย แรก ๆ แกก็บอกว่ากินแล้วดี สักพักก็บ่นปวดนู้นปวดนี่ กุ้งจะได้เตือนไม่ให้แกกินบ่อย ขอบคุณความรู้ที่พี่ต่ายให้มานะคะ อย่างน้อยก็คงช่วยแม่กุ้งได้แล้ว 1 ราย
มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ
doephuket
13 ตุลาคม, 2010 - 13:59
Permalink
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
สำหรับผมคิดว่าแทนที่เราจะหายาบำรุงกำลัง ยาบำรุงร่างกาย มากิน มาดื่ม
ให้เราหัดกินให้น้อยลงกินแต่พอเพียง กินแต่ของมีประโยชน์น่าจะดีกว่า
ว่าออออ นุ่งกางเกงขายาวสาวไม่ชอบพี่น้องเหอ คนถือจอบมาดแมนนั้นแหละแฟนฉาน นะสาวเหอ
ป้าเล็ก..อุบล
13 ตุลาคม, 2010 - 13:59
Permalink
ขี้เหล็ก
อันนี้มายืนยัน พ่อของป้าเล็ก เป็นหมอยาสมุนไพร สอบผ่านมีใบ บว. (เขียนถูกป่ะ) แล้วก็ไปทำงานกับร้านยาจีน เขาให้เงินเดือน 5000.- ที่บ้าน ต้มยา แพ็กยา สมุนไพร มีแก่นขี้เหล็ก ท่อน เท่าลำตัวเรา สับทุกวัน พ่อก็ต้มกินทุกวัน อยู่ๆ ก็เป็นโรคตับอักเสบ ตาเหลืองเห็นชัด และก็เสียไปเมื่อปี50 เมื่อก่อนไม่รู้เรื่องเลย พอว่าเป็นโรคตับ ก็สงสัยมาก เหล้าก็ไม่ดื่ม ที่แท้ก็รับสารจากขี้เหล็ก เข้าไปมากเกินไป
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
นนท์
13 ตุลาคม, 2010 - 14:33
Permalink
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับพี่กระต่ายดำ
ที่นำข้อมูลอีกด้านมาฝากคับ
NONT..
ปุ๊ก
13 ตุลาคม, 2010 - 14:44
Permalink
เกินพอดี..
ผักเราทานเป็นอาหารก็คงจะเป็นสิ่งที่พอดีสำหรับร่างกาย
แต่บางคน พอรู้ว่า สิ่งนี้ดีก็กินมากๆเข้าไปจะได้ดี แต่หารู้ไม่ว่า
มันเกินพอดี จนบางครั้งเราไม่ได้กินผักเป็นยา แต่กินเป็นอาหารเสริม
ทำแค่...พอดี
ใช้อย่าง...พอเพียง
เก็บออม...พอสมควร
3 พอ...เพื่อความสุขในชีวิต
msn kra_pook@hotmail.com
ย่าวรรณ
13 ตุลาคม, 2010 - 14:49
Permalink
ทานมาก
ไปก็เสียสมดุลย์ในร่างกาย ทานตามแบบฉบับภูมิปัญยาพื้นบ้านแบบเดิมๆดีกว่าค่ะ ขอบคุณ คุณต่ายที่ให้ข้อมูลดีๆ
ตั้ม
13 ตุลาคม, 2010 - 15:15
Permalink
ดีมากๆเลยกระต่ายดำ
เรื่องการบริโภคตามกระแสนี่น่ากลัวจริงๆ..แม้ว่าจะเป็นสมุนไพรก็ตาม..ทุกอย่างมีสองด้าน..ต้องระวังอย่างที่ต่ายว่านั่นแหละ..บางรายการหมอสมุนไพรทางวิทยุ..ให้ข้อมูลแบบเว่อร์ๆ..ผมฟังยังหมั่นไส้เลย..ตอนเชียร์ขมิ้นชัน..ก็พูดซะเป็นยาวิเศษรักษาสารพัดโรค..พูดตัวนี้ตัวเดียวเป็นเดือนๆ..พอมาเรื่องมะรูม..ก็พูดแต่ะรุมรักษาสารพัดโรคไม่พูดถึงขมิ้นชันเลย..ผมตามไปค้นดูก็ไม่เห็นเหมือนไอ้หมอนี้ว่า (ไม่ใช่หมอ..เหมือนทำธุรกิจร่วมกับบริษัทยาสมุนไพรที่ผูหญิงจัดรายการที่ชอบชวนทำบุญนะ) อาจจะจริงในสรรพคุณทางรักษาแต่ก็ควรให้การศึกษากับคนฟังด้วยว่าอีกด้านของสมุนไพรตัวน้เป็นยังไง..ที่ผมรูเรื่องนี้ดีเพราะแม่ฟังทุกวันและรบให้ผมไปซื้อมาให้แก..บอกก็ไม่เชื่อว่ามันกินมากไม่ดี..แกเชื่อและศรัทธาอีตาคนนี้มาก..ผมไม่ค่อยชอบสไตค์การพูดที่ชอบดูถูกคนที่โทรไปถาม..กวน teen ชะมัดเลยไอ้คนนี้..ผมและพรรคพวกตั้งชื่อว่าไอ้หมอกินเยี่ยว
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
linthai6611
13 ตุลาคม, 2010 - 15:39
Permalink
กินผักผลไม้อาหารครบห้าหมู่ดีที่สุด และต้องออกกำลังกายด้วย
You Are what you eat!
ประโยคนี้ต้องการเตือกนักบริโภคทุกท่านว่า ท่านเลือกทานอะไรท่านก็จะเป็นสิ่งที่ท่านทานเข้าไป
หลักการสมดุลของร่างกาย
ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย
พืช ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช สมุนไพร นำมาแปรรูปทำเป็นกับข้าวทาน
หรือน้ำผักผลไม้สมุนไพรพร้อมดื่มแบบไม่แยกกาก
รวมทั้งออกกำลังกายให้เหมาะสมกับเพศและวัยและลักษณะสังขาร
จะทำให้ชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง
ส่วนจิตใจก็ชำระทุกวันด้วยการสวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ เดินจงกรม เหมือนคูณ Disk Cleanup & Defragment file ในเครื่องคอมฯ ทำให้จิตใจพร้อมจะต้อนรับนานาสาระ ปัญหาและเหตุการณ์ต่างๆที่จะมากระทบจิตใจในแต่ละวันได้อย่างมีสติปัญญาค่ะ
บุญรักษานะคะ
หลิน
อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน......บยันอดทน ประหยัด อดออม..
..หมั่นให้ทาน รักษาศีล และภาวนา(วิปัสสนากรรมฐาน)เพื่อความหลุดพ้นแห่งกรรม..
สาววาริน
13 ตุลาคม, 2010 - 19:11
Permalink
กินไม่เป็นอ้วน
ตอนนี้ช่วงเทศกาลกินเจ สาววาริน กินแบบไม่พอดี อ้วนจนเพื่อนๆแซวแล้วค่ะ
เจ้โส
20 ตุลาคม, 2010 - 15:30
Permalink
กินผักเป็นยา
ขอบคุณน้องต่ายนะคะ ข้อมูลดีมาก ๆ
garden_art1139@hotmail.com
หน้า