แป๊ะตำปึงหรือจินเจียเหมาเยี่ย

หมวดหมู่ของบล็อก: 

หาข้อมูลต้นแป๊ะตำปึงในเน็ต ไปเจอนี่ค่ะ...เป็นข้อคิดเห็นของคุณมะลิ


แป๊ะตำปึงกับจินเจียเหมาเยี่ยเป็นสมุนไพรคนละต้นกัน วิธีสังเกตุง่ายๆคือ แป๊ะตำปึงจะออกดอกเมื่ออายุประมาณ 4 เดือน ดอกสีเหลืองมีกลิ่นฉุน แต่จินเจียเหมาเยี่ยจะไม่ออกดอก ปลูกนานแค่ไหนก็ไม่ออกดอก อีกข้อหนึ่งคือลักษณะใบแตกต่างกัน ใบของแป๊ะตำปึงจะมีขนใบปกคลุมหนาแน่นจับดูจะนุ่ม ส่วนใบของจินเจียเหมาเยี่ยจับดูจะรู้สึกแข็งกรอบ ใบของจินเจียเหมาเยี่ยมีสารที่เรียกว่าไซยาไนด์ เป็นสารอันตราย หากรับประทานมากจะเกิดการสะสม เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ต้องทานให้ถูกต้น


จากเว็บ  http://raikuwong.is.in.th/?md=news&ma=show&id=9


ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณมะลิว่า ที่ปลูกไว้ที่บ้านคือจินเจียเหมาเยี่ย ไม่ใช่ แป๊ะตำปึง ละซิ เพราะปลูกมานานไม่เคยออกดอกเลย อุ๊ย...กินเยอะไม่ได้ มีไซยาไนด์ใครมีข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยยืนยันหน่อยนะค๊ะ

ความเห็น

ดวงแยกไม่ออกค่ะพี่สร แต่สังเกตว่าจินเจียเหมาเยี่ย(กลัวพิมพ์ผิดเป็นหมาเยี่ยวจัง อิอิ) ก้านจะสีดำ

ดวงเคยกินแปะตำปึงเป็นผักเหนาะค่ะไม่ได้จะกินเป็นยาแต่อย่างใด  แต่ได้ความรู้ใหม่จากพี่สร ดีค่ะ ชอบ

งั้นน้อยต้องไปดูต้นที่มีด้วยแล้ว...


แต่ยังไม่เห็นดอกเหมือนกันค่ะ

ชีวืตที่เพียงพอ..

พันนี้ทำพรือหล่าว กะเหมือนกันแยกไม่ออก

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

แป๊ะตำบึงที่บ้านหนุ ก็ไม่เคยออกดอกเลย ปลูกมานานหลายปีแล้วด้วย แต่ใบคล้ายในรูปพี่สรนะคะ เด๋วพรุ่งนี้เช้าต้องไปดูให้ละเอียด ว่ามีขนใบหรือเปล่า

โชคดีที่ไม่เคยกินเลย แบบว่าปลูกไว้ประดับเฉยๆ 

 

เค้าดูกันยังไงเนี่ย ที่ดูจากในรูปของพี่สรกับลิงค์ของพี่ดวงแยกเจ้าสองต้นนี้ยากจังเลยค่ะ :sweating:

สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี

เอารูปมาแจมค่ะ ไปถ่ายมาจากหลังบ้าน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านี่คือชนิดใหนกันแน่ ชักไม่แน่ใจแล้วซิ เคยเซิสหาอ่านทางกูเกิ้ลค่ะ เกี่ยวกับใบอันนี้ พอเห็นชื่อเป็นภาษาจีน ครั้งแรกก็ขำกร๊ากเลย แบบว่ามองเผินๆน่ะค่ะ ไม่ได้อ่านดูดีๆ "จินฉี่เหมาเยี่ย" เราก็ตาลายไปอ่านเป็น "จีนฉี่-หมา-เยี่ยว" โอ้ย..ตายละหว่า แล้วใครจะกล้ากินละเนี่ย คนจีนฉี่ไส่ยังไม่พอ ยังมีหมามาฉี่ไส่อีก พอเอาตาไปแหย่ไส่หน้าจอคอมฯอ่านดูดีๆ ก็ถึงได้รู้ว่า เออ..มันไม่ใช่นี่หว่า 


 ได้กินใบอันนี้ครั้งแรกที่วัดตอนไปถือศิล แม่ชีเอามาให้ลองชิม แม่ชีท่านบอกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท ท่านก็ทรงรับประทานใบอันนี้เป็นประจำทุกวัน แล้วก็มีคนในวังเอามาแจกจ่ายให้ปลูกกัน เพราะมันปลูกง่าย และต้นที่อ๊อดเห็นที่วัดวันนั้นก็ใบยาวเรียวแหลมมีขนนุ่มๆแบบในรูปนี่เลยค่ะ



แต่ต้นนี้ได้มาจาก คุณยายคนไทยท่านนึง แกเป็นคนอุบล แกแอบเอากิ่งแก่ๆมาจากเมืองไทย มาเสียบไว้กินเองที่บ้านที่อเมกา แล้วอ๊อดไปเที่ยวบ้านแกเห็นปั๊บก็จำหน้าตามันได้เลยว่า เนี่ย "ใช่ใบแปะตำปึง" รึเปล่ายาย หนูขอกิ่งนึงสิ แกก็บอกว่า เอาไปเลยลูก แกชำไส่กระถางไว้เยอะเลย คุณยายยกให้ทั้งกระถางเลย แล้วตอนนี้มันก็แตกเต็มสวนเลยพี่สร กินแทบไม่ทัน ออกดอกด้วยนะ แต่ตอนนี้มันไม่มีดอก เพราะเพิ่งจะเด็ดดอกมันทิ้ง แล้วให้มันแตกยอดอ่อนขึ้นมาใหม่ ยิ่งเด็ดยิ่งแตก แต่ช่วงหน้าหนาวมันยุบ พออากาศอุ่นขึ้นมามันก็แตกยอดอ่อนขึ้นมาอีก


สรรพคุณทางยา ทดลองแล้วค่ะ ได้ผลเกินคาด เรื่องก็มีอยู่ว่า แฟนไปตรวจสุขภาพประจำปีแล้วเจอน้ำตาลในเลือดสูง แล้วหมอให้ไปตรวจอีกรอบสอง เพื่อจะได้สั่งยาให้ไปทาน อ๊อดก็มานั่งนึกว่าทำไงแฟนจะกินใบไอ้นี่ให้เราหว่า เพราะเขาไม่กินผักที่เขาไม่รู้จัก ก็เลยเก็บมาประมาณ กำมือนึง แล้วก็เอามาหั่นฝอยๆ ไส่แกงจืดเต้าหู้ไข่ ให้แฟนทาน ปรากฏว่า แกไปตรวจรอบสอง เบาหวานไม่มีแล้วค่ะ หาเบาหวานไม่เจอแล้ว ไม่รู้หายไปใหน เท่านี้ล่ะค่ะที่อยากแชร์ประสปการณ์


ขอบคุณพี่สรค่ะที่หาข้อมูลมาแบ่งปันกัน

:admire: เท่าที่เล่ามา ของน้องอ๊อดมีขน มีดอก ก็น่าจะเป็น แป๊ะตำปึง แต่ของพี่สร ไม่มีขน ไม่มีดอก คงจะเป็น"จินฉี่เหมาเยี่ย" เอ้า...แล้วทีนี้พี่จะไปหาแป๊ะตำปึงจากไหนอีกล่ะเนี่ย...หลงเข้าใจผิดอยู่หลายวัน แต่จากภาพด้วยสายตาพี่แล้ว แยกไม่ออกเลยจริง ๆ ของน้องอ๊อดกับของพี่เหมือนกันเด๊ะเลย

อยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างงัย อร่อยหรือเปล่า ถ้าอยากจะหามาปลูกบ้าง ตามร้านขายต้นไม้มีขายหรือเปล่า

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

มาแอบขโมยความรู้ค่ะ แล้วต้องมาปลูกทั้งสองต้นเลย

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

หน้า