ไปเก็บของดี ... ที่สุรินทร์

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    ช่วง เสาร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา ... ข้าพเจ้า และครอบครัว มุงขึ้นสู่ อีสานใต้ ... “สุรินทร์” ... คือจุดหมายปลายทาง ของ Trip นี้

    ระหว่างการเดินทาง เห็นสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เยอะ ... เลยนำมาให้ดู ประเดิมบล็อก ภาพหนึ่งก่อน ภาพนี้เก็บจากสถานีบริการเชื้อเพลิง แห่งหนึ่ง

    สุรินทร์ เป็นถิ่นที่ ข้าพเจ้า เคยใช้ชีวิต ปฏิบัติหน้าที่ การงาน นานแรมเดือน  ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ... และสัมผัสโฉบเฉี่ยว แบบนกนางแอ่น อีกหลายหน

    หลังจากอำลาตำแหน่ง Foreman ในชีวิตพนักงานบริษัท แล้วผันตัวเอง เข้าสู่ชีวิตราชการ ...

    “สุรินทร์” ... เป็นจังหวัดที่ 2 ต่อจาก “สกลนคร” ที่ข้าพเจ้าขันอาสาไปปฏิบัติหน้าที่ ... ก่อนขอขยับตัวเองไป “แม่สะเรียง” เหตุผลรึครับ ... อยากใช้ชีวิตหนุ่มโสด โลดเล่น หาประสบการณ์ ไปทุกถิ่น ที่อยากไป ... แค่ ยัดเสื้อผ้า ลงเป้ ... เหวี่ยงขึ้นไหล่ ... ก็ไปได้แล้ว .... ค่าใช้จ่ายเหลอ ... รัฐจ่ายเป็นเงินเดือน และเบี้ยเลี้ยง เพระ ข้าพเจ้า สังกัดส่วนกลาง ครอบครัว ก็ไม่มีให้ห่วง ... ชีวิต เลย สบาย ๆ ...

    ประสบการณ์ ประทับใจแรก เกี่ยวกับ สุรินทร์ คือภาษา นั่งรถ ... ใบ้จับ ... ไปตลอดเส้นทาง ดีที่ได้ตื่นตา กะทุ่งกุลาร้องให้ เห็นแล้ว เชื่อเกินร้อย ว่ากุลาร้องให้ .... ผ่านไปเที่ยวนี้ ... มันคือกุลาชื่นมื่น

     เอาครับ ขออนุญาต ยุติอดีตไว้ก่อน ... ตั้งใจจะเล่า การเดินทางเที่ยวนี้ ... แต่ห้ามธรรมชาติคนแก่ไม่ได้ ที่ต้องมีอดีตมาสอดแทรก ... ขอโปรดได้เห็นใจเหอะ!

 

 

 

 

 

    ที่หมายเหลักหนึ่งในหลายแห่ง ... ของ Trip นี้ คือ ที่นี่ ... ครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    เห็นปุ๊บ ... ก็รู้ ... อ้อออ ... วัด ... แต่เอ ... วัดอะไรนะ?

   เอ้า ... นี้ครับชื่อวัด ... พอเห็นชื่อวัด ... คงมีบางท่าน ร้องอ้อ ... และทราบว่าในวัดมีของดี ....

 


 

 

 

 

 

 

 

    และนี่ เป็น พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์ ... ภายในเก็บของดี ...

 

 

 

 

    ครับ ที่เห็นนั้น ... เป็น พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์ “หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

    หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ... สำหรับความรู้สึกของข้าพเจ้า ... ท่านคือ หนึ่ง “อริยะ” ... ในอริยะหลาย ๆ ท่าน ผู้ถ่ายทอด สั่งสอน “พุทธศาสนา” อย่าง “พุทธ” ... ท่านเป็นสงฆ์ ที่มีธรรมเป็นทาน สำหรับสร้างปัญญา ... ดูตัวอย่างกัน หน่อย เป็นไร ....

       “จิตที่ส่งออกนอก                เป็นสมุทัย

    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก   เป็นทุกข์

    จิตเห็นจิต     เป็นมรรค

    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต     เป็นนิโรธ

      ที่ยกมาให้ดูข้างต้น เป็นหนึ่งในอีกหลาย ๆ ประเด็นธรรม ... ซึ่งท่านประมวล สิ่งที่ท่าน เห็นจากปฏิปทา

    ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ... จะดูข้อ ธรรมปรารภ ของท่านอีกสักข้อ ... ก็คงไม่เสียเวลาสักกี่มากน้อย ใช่ไหมครับ ... ท่านกล่าวถึง “เหตุแห่งทุกข์” ไว้ ดั่งนี้ :-

       “คนเราสมัยนี้  เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด

แล้วท่านก็มีเมตตา ... ชี้แนะหนทางที่จะพ้นทุกข์ไว้ว่า

   “คิด เท่าไรก็ไม่รู้    ต่อเมื่อ หยุดคิดได้จึงรู้    แต่ต้อง อาศัยความคิดนั้นแหละจึงรู้

      ข้อปรารภธรรม และคำชี้แนะ ของท่าน ยังมีอีกเยอะ (ท่านชี้ตามจริตของผู้ถาม) นำมากล่าว ณ ที่นี้ ก็จะสร้างความเบื่อหน่ายกันเสียเปล่า ๆ ... แค่เอามาให้ดูข้างต้น ก็รบกวนไม่น้อย ซะละกระมัง

 

 

 

    ตอนกลับ ... ป้าบอกให้จอดซื้อหัว “แป๊ะกั๊วะ” (มันแกว) เป็นมันแกว จากบรบือ ...


 

 

 

 

 

 

 

 

 

   แวะสถานีบริการเชื้อเพลิง อีกแห่ง ระหว่างพักรถ ... เห็นปาล์มขวด ต้นนี้ ... ผลเหมือนหมาก

   ... เลย เก็บภาพมาอวด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    ล่อง มาเรื่อย ๆ เห็น เจ้านี่ ... จากไกล

 

 

 

 

 

 

 

 

   สมาชิก อยากซื้อข้าวโพดหวาน ... แวะบริการตามประสงค์ ...

   ระหว่างรอ ... เก็บภาพนี้ ... มาฝาก

   ทุ่งดาวกระจาย ครับ!


 

 

 

 

 

 

 

    ติด ๆ กัน เป็น ฟักทอง แปลงใหญ่


 

 

 

 

 

 

 

   ฝักทองจริง ๆ ครับ ไม่ต้องสาบาน ...

   นี่ ! ... ยืนยันด้วย ผลที่เอ้งเม้ง นี่แหละ

 

 

 

 

 

 

 

    ทอดสายตา ออกไป ... ภาพที่เห็นอยู่ไกล ๆ ดูด ให้เดินเข้าไปหา ...

   ระยะพอควร .... ก็เก็บภาพนี้มาฝาก ... ทุ่งปุ๋ยสด ... ปอเทือง ! ... ครับ ..



 

 

    เดินมาที่รถ ... อ๊ะ ๆ ๆ ... ไม่เจอสมาชิก ... เดินตามไปดู ...

    โอ้โฮ ! .... แถวรอซื้อ ยาว... ทบแล้ว ... ทบอีก

       โสต แว่วเสียงคนบ้านเรา สำเนียงใต้ชัดเจน

    “ไอยา ... เข้าแถว กัน เหมือนเขาแจกฟรี นะ .... คง(ข้าวโพด) บ้านเรา อย่าว่าขาย ... แจกก้าไม่ใคร่อีเอา ...”

    ได้ยินแค่นี้ ... ไม่ทราบ เขาบ่นต่อหรือไม่ ... เพราะหายสงสัย ... เดินกลับมารอที่รถ

    ... พอจิตว่าง ....! อีกกรณีหนึ่ง ที่ หลวงปู่ดุลย์ ท่านได้เจริญพรไว้เกี่ยวกับของดี ... ก็ผุดมาให้เห็น

        เรื่องมีว่า ....

    มีข้าราชการสุภาพสตรีท่านหนึ่ง  กราบขอหลวงปู่ว่า  “ดิฉันขอของดีจากหลวงปู่ด้วยเถอะเจ้าค่ะ ฯ”

      หลวงปู่จึงเจริญพรว่า

    “ของดีก็ต้องภาวนาเอาจึงจะได้  เมื่อภาวนาแล้ว  ใจก็สงบ  กายวาจาก็สงบ  แล้วกายก็ดี  วาจาใจก็ดี  เราก็อยู่ดีมีสุขเท่านั้นเอง

       สตรีท่านนั้น บอกท่านว่า ...

    “ดิฉันมีภาระมาก  ไม่มีเวลาจะนั่งภาวนา  งานราชการเดี๋ยวนี้รัดตัวมากเหลือเกิน  มีเวลาที่ไหนมาภาวนาได้คะ ฯ

      หลวงปู่จึงอธิบายให้ฟังว่า

         "ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ  ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา"

    ท่านว่า น่าจะเชื่อใคร ....?

         “หลวงปู่” ... หรือ ... “ข้าราชการสุภาพสตรี” คนนั้น

ความเห็น

บรรยายกาศดีนะค่ะ น่าไปเที่ยวจัง

   ส่วนใหญ่เป็นภาพที่เก็บได้จากทางผ่านครับ

:wow2: :wow2:

   ไปเห็นแล้ว คงได้แต่ร้อง Wow! ... เต้นไม่ออก

ดาวกระจาย..นอกจากสวยแล้วเขาปลูกไว้ทำไมมากมายขนาดนี้ละลุง

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

  ไม่ได้ถาม น่ะป้า ... เลยไม่กล้าเดา!

    เห็นสวย ๆ เลย เก็บภาพมาฝาก

วัดบูรพารามเป็นวัดอารามหลวงครับ(สายปฏิบัติ),ปราสาทก็เยอะ,ช้างน้อยแล้ว(ไปอยู่ที่อื่นหมด)

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

   ตั้งใจ ... ไปเยือน นะครับ ...

    ตามรอย อริยเจ้า ... ได้สุข & เย็นดี

:crying2:ตามมาแลของดี จังเสียเหม็ด ดายของหยิบออกมาไม่ได้:admire2:

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

   ลุงก้า หยิบมาฝากได้เท่านี้แหละ ... 

     หยิบกับมือ ไม่ได้ ... หยิบเอากับใจก้า แล้วกันนะ

หน้า