หญ้าหวาน :: Stevia
หลังจากที่พบเจอสมุนไพรชนิดนี้ในงานเกษตรต่างๆ หลายงาน
จึงทำให้เริ่มศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับ "หญ้าหวาน"
จากที่เคยเห็นเป็นของแปลก จากไม่กล้าที่จะชิม
จากที่ไม่เคยเชื่อ ตอนนี้.......
ปลูกเองแล้วค่ะ
ความคิดนี้เริ่มมาจากครั้งที่ไปเห็นถุงชาของน้า ว่ามันคืออาไร
ได้ความมาว่าหญ้าหวาน เค้ากินกันแบบนี้นี่เอง
น่าสนใจทีเดียว ประกอบกับแม่เป็นโรคความดันและต้องการควบคุมน้ำตาล
จึงเกิดความคิดที่ปลูกสมุนไพรชนิดนี้ เพื่อที่จะลดการใช้น้ำตาลที่นับวันจะมีราคาแพง
และยังเป็นพลังงานส่วนเกินของร่างกาย ตั้งแต่เริ่มกระบวนการลดน้ำหนัก
ความคิดที่จะหาอย่างอื่นมาทดแทนการบริโภคน้ำตตาลก็เริ่มขึ้น
วันนี้จึงอยากจะแนะนำ ให้พ่อ แม่ พี่ น้อง ได้รู้จักกับ "หญ้าหวาน"
ต้นนี้ซื้อมาจากจตุจักรค่ะ กระถางละ 30 บาท 4 กระถาง 100 บาท
ปลูกมาได้เกือบเดือนแล้วค่ะ รอเวลาปักชำกิ่งและเก็บใบไปตากแห้งไว้ใช้งานต่อไปค่ะ
หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Stevia rebaudiana Bertoni อยู่ในวงศ์ Asteraceae เป็นพืชพื้นเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปารากวัย ในทวีปอเมริกาใต้ ความพิเศษของหญ้าหวาน คือ ส่วนของใบให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า แต่ความหวานนี้ไม่ก่อให้เกิดพลังงานแต่อย่างไร (0 แคลอรี/กรัม) นอกจากนี้ยังมีสารสกัดที่เกิดจากหญ้าหวานชื่อว่า สตีวิโอไซท์ (stevioside) เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่า 200-300 เท่าของน้ำตาล ด้วยความพิเศษของหญ้าหวานนี้ หญ้าหวานจึงเป็นพืชที่ได้รับความสนใจทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ ยาสมุนไพร และเครื่องดื่ม เป็นต้น
มนุษย์รู้จักนำสารสกัดที่มีรสหวานจากหญ้าหวานมาบริโภคหลายศตวรรษแล้วโดยชาวพื้นเมืองในประเทศปาราวัย โดยนำหญ้าหวานมาผสมกับเครื่องดื่ม หรือชา นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังนำสารให้ความมาผสมกับผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ผักดอง ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว เนื้อปลาบด เป็นต้น
หญ้าหวานเริ่มเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2550 และปลูกกันมากในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและเชียงราย สำนักคณะกรรมการอาหารและยาให้มีการใช้สารสตีวิโอไซท์เพื่อการบริโภค หญ้าหวานจึงจัดอยู่ในพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- หญ้าหวานเป็นพืชล้มลุก ลำต้นกลมและแข็ง
- ใบเดี่ยว รูปหอก ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย
- ใบให้สารที่มีรสหวาน
- มีช่อดอกสีขาว
สรรพคุณของหญ้าหวาน
- ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 200-300เท่าแต่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
- ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยบำรุงตับอ่อน
- ช่วยเพิ่มกำลัง
- สมานแผลทั้งภายในและภายนอก
- ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมอง
ข้อมูลจาก :: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99
วิธีใช้ในครัวเรือน
ใช้ใบแห้งใส่แทนน้ำตาล ไม่ควรใส่มากเพราะมีรสหวานมาก
ปลูก / ดูแล
หญ้าหวานใช้เมล็ดหรือกิ่งชำปลูกก็ได้ การเก็บเมล็ดทำได้ง่าย เพียงแต่ทิ้งให้ต้นมีดอกในเดือนตุลาคม แล้วเก็บเมล็ดในช่วงเดือนพฤศจิกายน วิธีเก็บใช้ถุงพลาสติครอบดอก เขย่าให้เมล็ดร่วงลงในถุง นำเมล็ดมาเพาะในเดือนมีนาคม-เมษายน จะมีอัตราการงอกดี
แต่โดยทั่วไปจะนิยมตัดกิ่งมาปักชำ เนื่องจากสะดวกรวดเร็วกว่า ให้เลือกตัดกิ่งที่แข็งแรง ตัดเกือบถึงโคนต้น ให้เหลือใบอยู่ 2 คู่ แล้วตัดกิ่งที่จะเอามาชำให้เหลือความยาว 12-15 ซม. เอามาชำในถุงหรือกระบะเพาะ เด็ดใบออกเสียก่อน เพราะถ้ารดน้ำความหวานจากใบจะลงดิน ทำให้กล้าที่ชำไว้ตายได้ พอกิ่งชำแตกรากออกมาได้ 10-14 วัน ก็นำไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้
หญ้าหวานเป็นพืชที่ต้องดูแลสูงทั้งการให้น้ำและใส่ปุ๋ยบำรุงดิน และเก็บเกี่ยวถี่ สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 3 ปี จึงนิยมปลูกแซมในระหว่างแถวไม้ผล เช่น ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ที่ปลูก ดูแลหญ้าหวานก็ได้ดูแลไม้ผลไปด้วย พอหมดหญ้าหวาน ไม้ผลก็โตพอที่จะเริ่มให้ผลผลิต นอกจากนี้ยังปลูกได้ในสวนยาง ในขณะที่ต้นยางยังเล็ก หรือยังไม่ได้อายุที่จะกรีดยาง
การปลูกช่วงที่เหมาะสมอยู่ในราวเดือนธันวาคม-มกราคม ให้พรวนดิน ยกร่องทำแปลงกว้าง 1 เมตร ยาว 15 เมตร ปลูกหญ้าหวานได้ 7 แถว ระยะห่างระหว่างแถวและระหว่างต้น 10 x 10 ซม. ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกไร่ละ 1,000 กก. คลุกเคล้าลงดิน เอากิ่งชำมาปลูกในหลุม
หญ้า หวานจะให้ผลดีต้องหมั่นดายหญ้า และให้น้ำในช่วงฤดูแล้ง หลังเก็บเกี่ยวควรใส่ปุ๋ยขี้ไก่ เพื่อเร่งการแตกใบใหม่ ในช่วงเดือนธันวาคมอันเป็นช่วงที่หญ้าหวานให้ผลผลิตต่ำสุด มักทำการตัดต้นหญ้าหวานทิ้งให้เหลือแต่ตอในดิน เพื่อให้ต้นตอแตกขึ้นมาใหม่ในเดือนมกราคม
เก็บเกี่ยว
หญ้าหวานเริ่มเก็บเกี่ยวใบครั้งแรก หลังจากปลูกได้ 20-25 วัน หรือ ในราวปลายเดือนมกราคม หลังจากนั้นก็เก็บเกี่ยวไปได้เรื่อย ๆ ปีละ 6-10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการดูแล แต่ผลผลิตจะสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม หลังจากนั้นต้นหญ้าหวานจะเริ่มแก่และออกดอก ชะงักการเจริญเติบโต และให้ผลผลิตต่ำสุดในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
การเก็บเกี่ยว ให้ฉีดพ่นน้ำล้างฝุ่นออกเสียก่อน ค่อยตัดกิ่งเอาไปเก็บใบ ถ้าตัดแล้วเอาไปล้างน้ำ ความหวานจะละลายไปกับน้ำ ทำให้คุณภาพต่ำลง
แปรรูบ
นำกิ่งที่ตัดมารูดใบ แล้วนำใบไปตากแดด 2-3 วัน ไม่ควรตากทั้งใบและกิ่งก้าน เพราะจะทำให้ใบไม่สวย มีสิ่งเจือปนมาก เกลี่ยใบให้ทั่วระหว่างที่ตาก เมื่อแห้งสนิทดีแล้วจึงเก็บในภาชนะบรรจุ
- บล็อกของ หนูนิว
- เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อแสดงความคิดเห็น
- อ่าน 25167 ครั้ง
ความเห็น
RUT2518
8 มิถุนายน, 2011 - 09:22
Permalink
หนูนิว
ขอบใจนะครับที่นำข้อมูลดีๆมาเสนอ
หนูนิว
8 มิถุนายน, 2011 - 09:29
Permalink
พี่รุจ
ยินดีค่ะ
ดงดม
8 มิถุนายน, 2011 - 09:25
Permalink
ช่วงนี้
ชีวิตขาดของหวาน ขอสองสามใบ ฮ่าๆๆๆ
หนูนิว
8 มิถุนายน, 2011 - 09:28
Permalink
พี่ดม
เอาไปเยอะๆเลย
รู้ว่าช่วงนี้ ต้องรอคนมาเติมความหวานตอนดึกๆ 5555555
oddzy
8 มิถุนายน, 2011 - 09:29
Permalink
หนูนิว
ประโยชน์เยอะแบบนี้ต้องหามาปลูกบ้างแล้วล่ะ ยิ่งหวานๆแทนน้ำตาลได้เลยแบบนี้ ช๊อบชอบ
หนูนิว
8 มิถุนายน, 2011 - 09:31
Permalink
พี่อ๊อดสนใจมั๊ย
เอาเป็นแบบชาถุง
หรือใบแห้งดี
จัดส่งได้
แต่ถ้าต้นสด กลัวมันจะไม่รอด 555555555
sweet_pea
8 มิถุนายน, 2011 - 09:36
Permalink
หนูนิว..พี่ขอ..
ดีจริงๆ หนุนิวพี่ขอสักยอด 2 ยอดมาชำหน่อยสิ อิอิ
***Sweet pea***
หนูนิว
8 มิถุนายน, 2011 - 09:40
Permalink
พี่ณี
นิวกลัวมันจะไม่รอดมากกว่า
กำลังคิดเหมือนกันว่าจะทำยังไงถึงส่งทั้งต้นไปได้อย่างปลอดภัย
sweet_pea
8 มิถุนายน, 2011 - 09:42
Permalink
หนูนิว
ถ้าส่งถึงภายใน 2-3 วัน รอดจ้า
***Sweet pea***
หนูนิว
8 มิถุนายน, 2011 - 09:50
Permalink
โอเคค่ะพี่ณี
อาทิตย์หน้านะคะ
5555555
อาทิตย์นี้คิวเต็มแล้วค่ะ กระดิกตัวไม่ได้เลย
ฝากที่อยู่ไว้ให้นิวด้วยนะคะ
หน้า