แพทย์แผนไทย...ทำได้มากกว่านวด ประคบ?

หมวดหมู่ของบล็อก: 

Slowlife ออกตัว blog แรงนะคะ ไม่ได้ตั้งใจว่าใครที่เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนไทย แต่คิดๆ ไปแล้วมันน่าแปลกใจ สืบเนื่องจาก Slowlife ไม่สบายจากสาเหตุน่าจะมาจากอะไรสักอย่างในร่างกายมันไม่สมดุล ทำให้ร้อนบริเวณรอบริมฝีปาก ปากแห้ง แตกเป็นขุย มานานมากเกือบหกเดือนแล้ว ไปหาหมอแผนปัจจุบัน ก็ได้ยาแก้แพ้ กับยาทาริมฝีปากคล้ายๆ ไนโตรโลน กินยาหมดก็ยังร้อนและแตกแห้ง หาสาเหตุแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก ยาสีฟัน แพ้พริก อาหารร้อนจัด ผงชูรส สารกันบูด กินน้ำน้อย ฯลฯ สรุปแล้วไม่ใช่สักอย่าง เพราะตื่นเช้ามาบางทียังไม่ได้กินอะไร ยังไม่ได้แปรงฟัน จะมีอาการแสบร้อนริมฝีปากและตามมาด้วยการลอกเป็นขุย

การสันณิษฐานต่อไปก็คือ ร้อนใน แต่ปากไม่เป็นแผลพุพองอะไรสักอย่าง ก็ไปซื้อยาขมชงน้ำเต้าทองมากิน ปรากฏว่าดีขึ้น คือแสบร้อนน้อยลง แต่ยังมีอาการ จนในที่สุด ก็กลับมาเป็นอาการเดิม ลอกแดง แสบร้อน เหลือทางเลือกสุดท้าย ที่คิดว่าน่าจะไปหาคือ หมอจีน ที่ รพ.เอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งพี่สาวไปรักษาไมแกรน แต่ที่เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะ ค่าบริการ + ค่ายาค่อนข้างสูง ไม่สามารถเบิกคืนได้ แต่สุดท้ายก็ลองดู

Slowlife ไปหาหมอจีน คุณหมอตรวจ ถามอาการ จับชีพจร หรือที่เรียกว่า แมะ ดูที่ข้อมือทั้งสองข้าง ดูลิ้น จากนั้นก็สั่งยาจีน ต้มและ pack เป็นซองให้เรียบร้อย เวลากินก็น้ำมาใส่ไมโครเวฟ หรือแช่น้ำร้อนพออุ่น ให้กินห้าวัน และฝังเข็ม อาการดีขึ้นแต่ยังไม่หายดี ก็ไปหาคุณหมออีกเป็นครั้งที่ 2 คุณหมอก็ตรวจอีกเหมือนครั้งแรก คราวนี้สั่งยาให้ 1 อาทิตย์ และบอกว่าหมอปรับยาให้แต่ไม่ฝังเข็ม  ก็กินไป ตอนนี้ยาหมดแล้วเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อาการต่างๆ ก็หมดไป ไม่แสบร้อนอีก กำลังรอดูผลว่าจะกลับมาแสบร้อนอีกหรือไม่

ที่เล่าสู่กันฟัง คือ เสียดายตำรับแพทย์แผนไทย Slowlife พยายามไปหาแพทย์ทางเลือก ตาม รพ. แต่ปรากฏว่า มีแต่ นวด ประคบ วารีบำบัด ฯลฯ แต่ไม่มีการตรวจและจัดยาให้เหมือนแพทย์แผนจีน ซึ่งจะรักษาตามอาการ ตามธาตุของแต่ละคน และมีการให้บริการที่ทันสมัย ตั้งแต่การทำประวัติ ตรวจรักษา ความสะอาด การฆ่าเชื่อ รวมถึงการต้มยาแพ็คทันสมัยไม่ต้องมานั่งต้ม ใส่น้ำ 2 ถ้วย ต้มให้เหลือ 1 ถ้วย อะไรแบบนี้

การกินยาเดี่ยวๆ หรือการกินพืชสมุนไพรเชิงเดี่ยว อย่างฟ้าทะลายโจร ทองพันชั่ง มะรุม อะไรพวกนี้ เป็นการกินเพื่อบำรุงร่างกาย หรือป้องกัน แต่ไม่ใช่การรักษาอย่างจริงจังเมื่อเกิดอาการ

การรักษา...ต้องมีการเอายามาเข้าตำรับ  ผสมกับสมุนไพรตัวอื่นอื่น ยาตำรับไทยก็มี แต่ทำไมเราไม่เอาเข้าระบบการรักษาให้จริงจัง น่าเสียดายภูมิปัญญาและคลังความรู้ของหมอยาไทย....

บางที Slowlife อาจจะมีความรู้ไม่กว้างพอนะคะ...เห็น สมช. หลายท่าน อยู่ในแวดวง สมุนไพรแผนไทย อยากให้ลองต่อยอดความคิดดูนะคะ ว่าเราสามารถมีแพทย์แผนไทย หมอแผนไทยที่สั่งยา รักษาโรคได้ ใช้ยาสมุนไพรในการรักษา อาจต้องมีการนวด กดจุด ไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหมอจีนยังมีฝังเข็ม  แต่ขอให้มีการรับรองโดยหน่วยงานที่จะให้ประชาชนมั่นใจในความรู้ของหมอแผนไทยว่าจะรักษาอาการที่เราเป็นให้ปกติได้

แพทย์แผนไทยน่าจะทำได้ดีกว่า นวด ประคบ กดเส้น ทำพิมเสนน้ำ สบู่สมุนไพร เจลล้างหน้า ฯลฯ เพื่อพัฒนาต่อยอดสิ่งที่เรามีอยู่ค่ะ



ความเห็น

หมอหวาน รักษาคนป่วยมาเยอะประสบการณ์สูง ประเด็นที่พูดถึงต้องคุยกับหมอหวานจึงจะเห็นที่มาที่ไป ว่ามันเป็นอย่างที่อ้อ เห็นได้อย่างไร เดี่ยวฝากเบอร์หมอหวานไว้ให้หลังฉากนะ


การแพทย์แผนไทยอีกคนที่พี่หยอยนับถือหลังจากที่ได้เรียนรู้กับท่านอย่างท่องแท้ทั้งแนวคิดกระบวนการ เป้าหมาย คือ หมอเขียวนะจ๊ะ ลองเข้าแวบหมอเขียวดูนะ ยาเขียวที่กลั่นจากย่านางก็แก้ร้อนในดีมาก พี่หยอยใช้ติดตัวไม่ขาด 

ประเทศไทยมีหมอพื้นบ้านที่เก่งๆ มานานแล้วค่ะ อ้อไม่สงสัยในความรู้ของแต่ละท่านที่มีอยู่เลยนะคะ แต่ที่คิดและเขียน  Blog นี้ขึ้นมา คืออยากให้วิชาและตำรับยาต่างๆ เหล่านี้ เข้ามาอยู่ใน ระบบโรงพยาบาล มีสถาบันที่เชื่อถือได้มารองรับ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ ที่ไม่ได้มีความรู้จริงทางการแพทย์มาสวมรอยรักษาคน โดยเหตุปากต่อปากและมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ ถ้าจะบอกว่า วิชาชีพเหล่านี้เป็นความสามารถและความชำนาญเฉพาะของหมอแต่ละคน เราก็ต้องกลับไปดูว่า ทำไมแพทย์แผนจีน ถึงทำได้ ไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้ตายหรือสูญหายไปตามสังขารของคุณหมอแต่ละคนน่ะค่ะ

ของสรใกล้หมดขวดแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน แต่ทราบมาว่าทุ่งสงหาซื้อได้ หรือจะรอหมอเขียวมาทุ่งสงอีกรอบ

จากการที่ผมได้เข้าคอส ฟังหมอเขียวบรรยายอยู่บ่อยๆ อาการแบบนี้ จะเป็นอาการที่เรียกว่า ร้อนเกิน ครับ ลองหาของที่เย็นๆ กิน ก็จะหายได้ครับ หากอยู่ใกล้ๆ กทม ลองไปหาหนังสือของ หมอเขียว แถว สันติอโศก น่าจะมีอยู่เยอะครับ หมอเขียวเพิ่งมาเปิดคอสที่ตรัง (ทะเลธรรม) เพิ่งปิดคอสไปเมื่อวานนี้ ได้ข่าวว่า อีกไม่นาจะมาเปิดคอสที่ทุ่งสงอีกครับ (การเข้าฟังการอบรม ฟรีทุกอย่างครับ เสียแต่ค่ารถไป กลับ เท่านั้น)

ขอบคุณค่ะลุงพูน...อ้อไม่ได้ร้อนเกินแบบธรรมดาล่ะคะ ไม่หายแค่กินอาหารที่มีรสเย็นหรอกค่ะ เพราะกินแล้วค่ะ ไม่หาย อาจดีขึ้นนิดหน่อยและก็เป็นอีก...หมอจีนบอกว่า...เลือดลมเดินไม่สะดวกด้วย และร้อนด้วย ต้องปรับ
ธาตุในตัวเอง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว

มาเป็นกำลังใจให้ หายไวไว เช่นกันครับ โดยส่วนตัว พยายามที่จะไม่ทานยาแผนปัจจุบันเหมือนกัน ดีที่ยาสมุนไพรแก้โรคที่นี่มีขายและหาซื้อได้ ทั้วไป เป็นสมุนไพรฝรั่ง เข้าเครือง ผสมอันเม็ด ลงแคปซูล ผสม สารสมุนไพรหลากหลายมาแล้ว บรรจุพันธืเหมือนยาแผนปัจจุบันเลยครับ มีแก้หลายโรค แต่เขาก็ เขียนว่าช่วยบรรเทา ดั้งนั้นต้อง เริ่ม ทานแต่เนิ่นๆ ครั้งนี้ไม่สบายทานยาสมุนไพรไม่หาย เพราะคงทานช้าไป ดั้งนั้น ต้องหันหาแผนปัจจุบัน ปรากฎว่า หายเร็วเลย ยาแผนไทยไม่เคยลองเลยครับ โดยส่วนตัว ไม่ค่อยถนัดเรื่อง โดนนวด ครับ แต่อ่านดู จาก คำตอบท่านอื่นๆ คงมีคำตอบให คำถามของคุณ ได้บ้างนะครับ

แพทย์แผนไทย ก็มีรักษานะครับ คำนวนธาตุแล้วไปร้านยาสพรุนไพร ซื้อยามาต้มกิน เพื่อปรับธาตุ แต่ต้องทำโดยผู้รู้ นะครับ ผมเคยศึกษาเรื่องคำนวนธาตุแต่ก็ไม่กล้าจัดยากิน เพราะเป็นการศึกษาแบบ งู ๆ ปลา ๆ ไม่ได้รู้จริง

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

แนวคิดนี้ มีการต่อยอดและนำมาพํฒนาแล้วและใช้บำบัดรักษาในคนไข้บางกลุ่ม โดยเข้าสู่ระบบบริการการแพทย์ทางเลือกค่ะ


ขออนุญาต แนะนำนะคะเข้าดูข้อมูลที่ http://samrongthaphos.com/

ตอนนี้นโยบายสาธารณสุขได้ส่งเสริมให้มีการใช้ยาสมุนไพรในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งมีหลาย ๆโรงพยาบาลได้ให้บริการทั้งด้านการนวด การใช้ยาสมุนไพร ทั้งยาเดี่ยวและตำรับ..ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยหลักประกันสุขภาพ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เนินการสำรวจรายกายยาสมุนไพรในโรงพยาบาลแต่ละแห่งไปแล้วและมีประกาศออกมาแล้วในเรื่องยาสมุนไพรทั้งประเภทตำรับและเดี่ยว รวมทั้งยาต้ม..ในบางโรงพยาบาลที่ยังไม่มีการให้บริการด้านยาสมุนไพร หรือการรักษาทางเลือกอิ่น ๆ เช่นฝังเข็ม แพทย์แผนจีน อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการขาดบุคลากร และปัญหาที่สำคัญอีอย่างในการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรคือ ผลการวิจัยของยาสมุนไพรหรือยาไทยชนิดนั้น ๆแม้ว่าปัจจุบันหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทำการวิจัยไปมากแล้วก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะตำรับยาไทยมีเยอะมาก ซึ่งหากจะส่งเสริมให้แพทย์แผนปัจจุบันสั่งยาสมุนไพรจำเป็นต้องมีข้อมูลที่รับรองด้านความปลอดภัยในการใช้...ตัวน้อยเองยอมรับว่าไม่ชำนาญเรื่องยาสมุนไพร..น้อยจะถนัดในการรักษาและส่งเสริมสุขภาพด้วยการนวด+และพฤตกรรมที่ก่อให้เกิดโรคมากกว่าค่ะ...ออีกปัญหาหนึ่งก็คือผู้รู้ด้านยาสมุนไพรที่เก่ง ๆ คือหมอพื้นบ้านรุ่นเก่า ๆ ท่านมีความรู้มากมาย แต่ดวยกฏหมายที่บังคับว่าหากไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ..ซึ่งการสอบที่ต้องมานั่งสอบข้อเขียน..จากประสบการณ์ที่เคยไปสอบ..บางท่าน..อ่านหนังสือไม่คล่อง..ดูไม่เห็น...จึงเป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง..ทั้งที่ความรู้ของท่านเหล่านั้นมีเต็มเปี่ยม..เมื่อไม่มีใบประกอบโรคศิลปะจะทำการรักษาก็จะผิดกฏหมายได้...ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีการสำรวจหมอพื้นบ้านรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์.เพือ่คัดเลือกในการให้ใบประกอบโรคศิลปะไปจำนวนหนึ่งแล้วเหมือนกัน...คิดว่า..ประมาณปี 2556 น่าจะมีการให้บริการที่ครอบคลุมทุกด้านทั่วประเทศนะคะ..


ตอนนี้ที่ทำงานน้อยเอง ได้มีกาผลิตยาและจ่ายยา ทั้งเดี่ยวและตำรับแก่ผู้ป่วยและผู้ป่วยสมารถเลือกที่จะรับบริการที่แพทย์แผนไทยได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านแพทย์เนื่องจากมีน้อยและน้องนักการแพทย์แผนไทยที่มีใบประกอบโรคศิลปะสามารถตรวจ  วินิจฉัยและให้การรักษาได้เลย..รวมทั้งเราให้บริการครอบคลุมในมารดาหลังคลอด..และให้บริการทั้งในและนอกเวลาโดยรับทั้งผู้ป่วยบัตรทอง เบิกได้..ด้วยสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เห็นถึงความสำคัญของการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก  และได้สนับสนุนการพัฒนางานมาตลอด

ชีวืตที่เพียงพอ..

เป็นนิมิตหมายทีดีสำหรับประชาชนคนไทยและแพทย์แผนไทยนะคะ ถ้าทำสำเร็จและมีหมอที่มีคุณวุฒิ ประสบการณ์ ถ้าเราสามารถผลิดหมอแผนไทยออกมาได้ จะมีประโยชน์มาก จริงๆ แล้วตำรับยาต่างๆ นี่ มีขายทั่วไปนะคะ เมื่อวานยังไปซื้อให้พ่อเลยค่ะ เป็นยากษัยเส้น มีใบประกอบโรคศิลป์และใบอนุญาติเรียบร้อย แต่มันเป็นตำรับยาที่ตกทอดกันมา ตัวคุณหมอนั้นเสียชีวิตไปแล้ว

จริงๆ แล้วก็เข้ายาหรือสั่งยา เท่าที่ทราบ คุณหมอต้องตรวจและจัดยา ตามธาตุของแต่ละคน ตามอาการของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ยาแบบนั้นในความรู้สึกของอ้อ มันเหมือนยาชุดของแผนปัจจุบันน่ะค่ะ อ้ออยากให้มีแพทย์แผนไทย ตรวจ สั่งยา อยู่ตามโรงพยาบาล เหมือนหมอแผนปัจจุบันจะได้การันตรี ในความรู้ ความสะอาดของวัตถุดิบที่เอามาปรุงยา ฯลฯ และสามารถเบิกได้ อย่างนี้น่ะค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่มาต่อยอดความรู้กัน

หน้า