การบ่มกล้วยด้วยวิธี "ไสยศาสตร์"

หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้มาดูวิธีการบ่มกล้วยด้วยวิธีแปลก ๆ ดูบ้างครับ อันดับแรกต้องเตรียมธูป 9 ดอก
เทียนไม่ใช้  ดอกไม้ไม่สนครับ  มาดูกันครับว่าวิธีการบ่มกล้วยด้วยวิธี
 
"ไสยศาสตร์"    มันเป็นแบบใด...????


ตามมาชมกันเลยครับ...หุหุหุ..


วิธีทำครับ..อันที่จริงชื่อบล็อกเรียกแขกครับ..เลียนแบบพี่โจ บ้าง....5555..




1.ภาชนะที่จะทำการบ่มกล้วย...ที่เคยเห็นในบล็อกเดิมว่าแบกโอ่งมาทำอะไรเดี๋ยวก็รู้ครับ ผมใช้โอ่ง 2 ใบครับเป็นโอ่งมังกรเก่า ที่รั่ว ๆ แล้วเขาไม่ใช้ก็เลยไปขอมาครับ... อิอิอิ..โอ่งไม่ได้ซื้อครับ...


2.ตัดกล้วยมาครับที่สวนมีเยอะมาก ๆ ครับกินไม่ทันปล่อยทิ้งสุกบ้างก็มี  โยนให้ปลาก็มีครับ  กล้วยหอมบ้าน ๆ ที่สวนมีประมาณ 40 กอ ออกเครือเยอะมาก ๆ ครับแต่ไม่ขายครับ  ราคา/เครือไม่เกิน 30-40 บาทครับ
ถูกจริง ๆ  คนใน กทม. เรียกกล้วยไข่  ผมเรียกกล้วยหอม เพราะที่สวนก็มีกล้วยไข่เหมือนกันมันไม่เห็นเหมือนกล้วยไข่เลยครับ..


3.จัดการตัดแยกหวีกล้วยออกจากกันครับ วันนี้ 6 เครือครับ


4.เอาใบตองรองที่ก้นโอ่งครับ  เพื่อไม่ให้กล้วยช้ำครับ


5.จัดเรียงหวีกล้วยลงในโอ่งพยายามให้หวีกล้วยคว่ำลงนะครับเพื่อไม่ให้กล้วยช้ำนะครับ




6.เตรียมธูป กี่ดอกก็ได้ครับ..ที่ว่า 9 ดอกข้างต้นก็เขียนให้มันดูดีแค่นั้นแหละครับ
จำนวนธูปที่จุด  ตามสมควรครับ จากนั้น ก็บ่น ๆ คาถาอะไรก็ได้ครับ..5555...
แต่ที่สำคัญอย่าให้ธูปดับเป็นพอครับ




7.ปักธูปลงไปบนเครือกล้วยให้ธูปอยู่ต่ำกว่าปากโอ่งครับ...ควันธูปก็จะลอย ๆ วนเวียนอยู่ในโอ่งนะครับ


8.จากนั้นปิดปากโอ่งด้วยถุงปุ๋ยแล้วรัดให้แน่นด้วยยางในรถครับ  ทิ้งไว้อย่างนั้น 3 วัน (ใช้กระสอบปุ๋ยจะดีกว่าถุงพลาสติกครับ )


9. 3 วันต่อมา ทั้งโอ่งก็จะสุกเหลืองแบบนี้เลยครับ...ง่าย ๆ สบาย ๆ ครับการบ่มกล้วยแบบนี้


               อันที่จริงไม่ได้มีพิธีกรรมทางไสยศาสตร์แต่ประการใดครับ  เขียนชื่อให้มันดูแปลก ๆ พอเรียกแขกนะครับ ( แบบพี่โจ อิอิอิ..)  กล้วยหอมที่สวนมีเยอะมาก ๆ ครับบ่มให้สุกแล้วก็แจก ๆ แบ่งปันเช่นเคยครับ  แต่คราวนี้จะเอากล้วยไปทำอะไรต่อต้องติดตามชมกันในตอนต่อไปนะครับ  รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนวิธีการนำกล้วยหอมสุก เหลือง ๆ หอม ๆ หวาน ๆ ไปใช้ทำอะไรต่อรับรองเกิดประโยชน์สูงสุดแน่นอนครับ..อิอิอิ

                 โปรดติดตามตอนต่อไป......

จะพอเพียง....เพื่องเพียงพอ......ให้ได้ในสักวัน...

                                       .........ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง.........

ความเห็น

ไม่มีงบพี่..55555..แต่คงกินหมดก่อนนะครับ.5555

 

เข้าใจตั้งชื่อบล็อค ไม่เข้ามาดูไม่ได้จริงๆ

ถ้าเดินเรื่อยไป ย่อมถึงปลายทาง

สุกพร้อมกันทุกหวี   ดีจัง  น้องระวังข้างโอ่ง  จะมีคนติดทองนะ :uhuhuh:

อ้ายศิษฐ์ ระวังมืคนไปเข้าฝันเด้อ  :uhuhuh:

เป็นวิทยาศาสตร์โดยแท้ โดยปกติการสุกของผลไม้เกิดจากผลไม้จะสร้าง แก๊สเอทธิลีน(Ethylene) ขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดกระบวนการสุกตามธรรมชาติ ผลไม้ที่แก่จัดจะสร้างเอทธิลีนได้มาก ผลไม้อ่อนจะสร้างได้น้อย จึงเห็นได้ว่าในธรรมชาติผลไม้ในช่อ หรือในเครือเดียวกันจะทะยอยสุก ไม่สุกพร้อมกัน เนื่องจากแก่อ่อนไม่เท่ากันนั่นเอง


การบ่มผลไม้ เป็นวิธีเร่งให้เกิดการสุก โดยเลียนแบบธรรมชาติ เช่น วิธีแรกนำผลไม้ไปใส่ในภาชนะปิด เพื่อให้แกก๊สเอทธิลีนที่ผลไม้สร้างและคายออกมามีปริมาณความเข้มข้นมากขึ้น และกระจายไปยังผลไม้ลูกอื่นๆในภาชนะเดียวกัน ผลไม้ทุกลูกก็จะได้รับการกระตุ้นจากเอทธิลีนและเริ่มต้นกระบวนการสุก ทำให้สุกพร้อมกัน ถ้าอยู่ในที่โล่งลูกที่แก่ที่สุดจะสุกก่อน วิธีที่ 2 เพื่อให้การสุกของผลไม้เร็วกว่าวิธีแรก แทนที่จะปล่อยให้เกิดแก๊สเอทธิลีนเองตามธรรมชาติ เราก็สร้างแก๊สเอทธิลีนให้ผลไม้เสียเลย โดยการจุดธูป ซึ่งเป็นวิธีโบราณ หรือ การใช้ก้อนแก๊ส (แคลเซียมคาร์ไบด์) วางไว้ในที่บ่มผลไม้ การเผาไหม้ของธูปจะเกิดแก๊สเอทธิลีน ส่วนการใช้ก้อนแก๊สสำหรับบ่มผลไม้ สารชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับความชื้นที่เกิดจากการหายใจของผลไม้(ผลไม้หายใจได้ด้วยนะจะบอกให้) ก่อให้เกิดแก๊สอะเซติลีน ซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับ แก๊สเอทธิลีน ผลไม้เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแก๊สดังกล่าว ซึ่งมีปริมาณความเข้มข้นมากกว่าเกิดเองตามธรรมชาติหลายเท่า ผลไม้จึงสุกเร็วกว่าปกตินั่นเอง


และการที่คุณวิศิษฐ์ไม่ใช้แผ่นพลาสติกปิดปากโอ่ง เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าไม่มีการระบายอากาศ ความชื้นที่เกิดจากการหายใจของผลไม้จะสะสมอยู่ภายในโอ่ง เมื่อความชื้นสูง เชื้อราก็ตามมา ราจะขึ้นที่กล้วย โดยจะขึ้นที่รอยตัดที่ขั้วหวี รอยแตกที่ผล และตรงที่ช้ำ ทำให้กล้วยมีโอกาสเน่าเสียได้ง่ายครับ

ความรู้ใหม่เลยครับคุณโรส คุณวิศิษ ขอบคุณมาก ผมเคยใช้ก้อนแก้สบ่ม เดี่ยวนี้ไม่เคยใช้อะไร บ่มธรรมชาต


ไม่อยากให้สุกพร้อมกันกินไม่ทัน ครับ ต้องแจกเขาถึงจะหมด


 

ขอบคุณครับลุงโรส  พึ่งรู้นี่แหละครับ

 

กล้วยโอ่ง สุกๆ หวานๆ อน่อยแน่ๆ น่ากินจัง

 

หน้า