ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้
ปกติเวลาที่ออกไปทำงานอิ๋วจะห่อข้าวไปทานที่บริษัท เวลาพักเที่ยง หลังทานข้าวเสร็จในกลุ่ม 5 คนก็คุยเรื่องสัพเพเหระ อิ๋วและเพื่อน อีก 2 จะมีลูกที่รุ่นเดียวกัน ส่วนอีก 2 คนค่อยข้างอายุเยอะแล้ว มีหลานกันหมดแล้ว มีอะไรเกือบทุกเรื่องเราก็จะมาคุยกันตอนนี้
ที่ประเทศญี่ป่นเขาจะมีสวัสดิการที่ดูแล ประชาชนของเขาค่อนข้างดี มีสวัสดิการเงินเดือนสำหรับคนแก่ มีสวัสดิการเงินเดือนสำหรับครอบครัวที่มีลูก เมื่อก่อน ลูกคนที่ 1 และ 2 จะได้คนละ 5000เยน คนที่ 3 จะได้ 10000 เยน แต่ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปจะได้คนละ 13000 เยน ถ้าลูกไม่ค่อยปกติ ก็จะได้เงินพิเศษอีก เวลาคลอดลูกก็มีเงินของขวัญให้ แล้วก็เบิกเงินค่าคลอดได้ สำหรับคนที่หย่าร้างและต้องดูและลูก ก็มีเงินเดือนให้ ( มีอีกหลายอย่างที่ดี ) แต่ที่อยากจะเล่าในวันนี้ก็คือ
เมื่อวานเพื่อนที่บริษัทได้พูดขึ้นมาว่า คนนั้นนะ ( ขอสงวนชื่อ) ตอนนี้ได้เงินเดือนเพิ่มอีก ชั่วโมงละ30 เยนซึ่งเราก็รู้กันว่หมายถึงใคร คนคนนี้มีลูก 3คน ( อายุ 27 ปีค่อนข้างสวย)เลิกกับสามี และลูกแต่ละคนก็คนละพ่อ ดังนั้นแต่ละเดือนเขาจะได้เงินจากทางรัฐบาลค่อนข้างเยอะ แต่ที่ทุกคนค่อนข้างรู้สึกไม่ดีคือ เพื่อนอีก 4 คนทำงานมากกว่า เหนื่อยกว่า แล้วก็เป็นรุ่นพี่แต่เงินเดือนไม่ขึ้นเลย ส่วนอิ๋วก็ได้พอ ๆ กับคนคนนั้นเพราะมีหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ อิ๋วก็รู้สึกไม่ดี ตรงที่ ตอนนี้เขาก็มีคนรักใหม่ ซึ่งอยู่ด้วยกันเพียงแต่ไม่ได้ยื่นเอกสารต่ออำเภอ เพราะถ้ายื่นเอกสารเงินทุกอย่างที่เขาได้รับมันก็จะน้อยลง ดังนั้นอิ๋วรู้้สึกว่าทำไมเขาโกโหกได้เก่งจังแล้วก็ไม่รู้สึกละอายอะไรเลย ส่วนเพื่อนอีก 4 คนก็บอกว่าช็อคที่ตัวเองเงินไม่เพิ่มเลย
อีกกรณีหนึ่งเป็นคนฟิลิปปินส์ คนนี้ก็หย่าร้าง และทำงานที่เดียวกันกับอิ๋ว เข้ามาทำงานได้ประมาณ ครึ่งปีได้มั้ง ทำงาน 9โมงถึง 5โมงเย็น(เป็นพนักงานประจำ) ก่อนหน้านั้นทำงานเป็นพนักงานห้างไม่เคยได้บรรจุเลยย้ายมาที่บริษัทอิ๋วอยู่ ทำงานช้ามาก เดี๋ยวปวดเอว เดี๋ยวปวดท้อง คนอื่นเห็นก็พากันรู้สึกหงุดหงิดเงียบไม่พูดแต่มาระบายกันก็ตอนเที่ยง อิ๋วก็ยิ่งแย่เพราะเห็นและรู้ทั้งรู้ว่า เวลาไม่ทำงานเขาเป็นแบบไหน ( ลูกสาวอยู่โรงเรียนอนุบาลเดียวกัน) พวกเราเหนื่อย ก็เหนื่อยยุ่ง ก็ยุ่ง หยุดก็แทบไม่ได้( ไม่ไหวจริง ๆ ก็หยุดเหมือนกัน ) ได้แต่บอกตัวเองในใจ คนจ่ายเงินคือเจ้าของบริษัทไม่ใช่เรา ถ้าเป็นพี่น้องบ้านสวนจะทำอย่างไงดีค่ะบางอย่างเรารู้แต่เราพูดไม่ได้ บางอย่างเราเห็นแต่ก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็น มันทรมารใจจริง ๆค่ะ
- บล็อกของ amporn
- อ่าน 4808 ครั้ง
ความเห็น
ตั้ม
11 มิถุนายน, 2010 - 06:08
Permalink
มันเป็นเรื่องสวัสดิการ
โดยปกติทั่วไป บริษัทมักแยกเรื่องสวัสดิการและค่าตอบแทนเป็นคนละส่วน สวัสดิการเป็นการช่วยเหลือเพื่อให้พนักงานดำรงชีพพื้นฐานได้อย่างปกติสุข หรืออำนวยความสะดวกเพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงานและพัฒนาตนเอง ส่วนใหญ่จะจัดสรรให้เหมือนกันหรือแตกต่างกันบ้างตามระดับตำแหน่ง ส่วนค่าตอบแทนคือเงินหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการทำงาน อาจจะเป็นเงินเดือน หุ้นที่จัดสรรให้ bonus commission incentive คืออะไรที่เป็นรายได้และต้องมาคำนวนภาษีนั่นแหละ ซึ่งพวกนี้จะให้ตามผลงาน (การขึ้นเงินเดือนนะ ไม่ใช่ตัวเงินเดือน เงินเดือนลดไม่ได้) พวกนี้จะผันแปรตามผลงานทั้งพนักงานและผลประกอบการของบริษัท อิ๋วต้องทำใจนะ หากเป็นสวัสดิการมันเป็นสิทธิที่ถูกกำหนดมาไม่ได้ขึ้นกะผลงาน จริงๆแล้วบริษัทต้องให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่า ตอนผมทำงานกับบริษัท เราจะให้ส่วนนี้เป็นตัวขับเคลื่อนองค์กร
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
amporn
11 มิถุนายน, 2010 - 06:18
Permalink
พี่ตั้ม
อิ๋วพอทำใจได้ตั้งนานแล้วเพราะรู้เพราะเห็นมากกว่าคนอื่น แต่สงสารเพื่อนๆ เมื่อวานทุกคนรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมค่ะ ไม่รู้เจ้าของบริษัทเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์การตัดสิน (ความพอใจส่วนตัวหรือเปล่า ) แล้วคนที่เอาเปรียบคนอื่นนี้ก็ช่างไม่ละอายเทวดาเลย
ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้
ตั้ม
11 มิถุนายน, 2010 - 06:29
Permalink
merit system..อิ๋ว
merit system จะทำให้บริษัทอยู่ได้ หากการให้ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามผลงาน สักวันก็พัง เพราะองค์กรขับเคลื่อนด้วยมนุษย์เป็นหลัก เครื่องจักร เครื่องคอมฯ ยังต้อง maintenance นับประสาอะไรกับคน สวัสดิการที่ถูกกำหนดขึ้นแล้วแก้ไขยาก(ให้ต่ำลง) เพราะมีผลกระทบวงกว้าง เรื่องผลประโยชน์ละเอียดอ่อนมาก แต่หากมีผลต่อขวัญกำลังใจแล้วอาจต้องปรับเพื่อสร้างดุลยภาพใหม่
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
ตั้ม
11 มิถุนายน, 2010 - 06:34
Permalink
อิ๋ว..
อ่านละเอียดอีกที อิ๋วบอกเงินเดือนขึ้นอีก 30 เยน เป็นเงินเดือนหรือเป็นเงินช่วยสวัสดิการอันเนื่องมาจากสถานภาพ ถ้าเป็นการขึ้นเงินเดือนปกติ ต้องตามผลงาน(หรือปรับเพื่อให้เทียมค่าแรงขั้นต่ำ) ถ้าไม่ใช่ ให้โดยพิศวาส ทั้งๆที่ผลงานแย่กว่าคนอื่น หากพี่เป็นเจ้าของบริษัท HR.โดนแล้ว (เอ..หรือเจ้าของทำเอง ถ้างั้นก็เวร..รอผลกรรม ...กำมุนา วัตตะตีโลโก)
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
amporn
11 มิถุนายน, 2010 - 16:17
Permalink
เป็นเงินเดือนค่ะ พี่ตั้ม
เงินสวัสดิการทุกคนจะได้เท่ากัน แต่เขาจะกรณีพิเศษกว่าก็ตรงตามทะเบียนอำเภอเขาขึ้นอยู่ในข่าย ครอบครัวหย่าร้าง( ทั้งที่ตอนนี้เขาก็มีสามี คนที่ 4 แต่ไม่ได้ยื่นเอกสารว่าแต่งงานค่ะ) และมีลูก 3 คนเงินก็จะได้เยอะกว่าคนที่มีครอบครัวแบบเรา ๆ ค่ะ ส่วนเงินเดือนนี่แหละที่เพื่อน ๆ ไม่ค่อยพอใจ อยู่มาตั้ง 2ปีเงินเดือนไม่ขึ้น แต่กลับคนนี้มาทำงานได้ไม่เท่าไร ขึ้นให้ 30 เยนต่อชั่วโมง ดูเหมือนมันน้อย แต่เดือนหนึ่งก็ตกหลายตังค์เหมือนกันค่ะ
ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้
น้อย สวนบุรีรมย์
11 มิถุนายน, 2010 - 08:21
Permalink
อะไรที่มันผิดปกติมันจะอยู่ได้
อะไรที่มันผิดปกติมันจะอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ
สวนเกษตรบุรีรมย์การเกษตรแบบเสาร์เว้นเสาร์ เน้นที่เราปลูกเองกินเอง
บริการจัดทำและดูแลเว็บไซต์ ถูก ดี มีประสิทธิภาพ
amporn
11 มิถุนายน, 2010 - 16:20
Permalink
ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะ
แต่กว่าเวรกรรมจะตามทัน สงสัยกลุ่มพวกอิ๋ว 5คน ต้องลาออกก่อนหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ
ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
11 มิถุนายน, 2010 - 10:26
Permalink
กรรมของมนุษย์เงินเดือน
เห็นแบบนี้มาบ่อยๆเหมือนกัน ค่ะคุณอิ๋ว
แต่ก้อทำใจไม่ได้เหมือนกัน มันขัดตา แต่ทำอะไรไม่ได้เลยย
....
สิ่งที่จะช่วยแนะนำคุณอิ๋วได้ ก็คือ
เราต้องไม่ออกความเห็นในเชิงลบ แม้แต่ว่าเราจะรู้สึกไม่ยุติธรรม
แต่ให้แสดงความเห็นใจ กับเพื่อนคนที่น่าสงสารคนนั้นมากๆ
เท่านี้เอง ที่มนุษย์เงินเดือนแบบเราทำได้
amporn
11 มิถุนายน, 2010 - 16:24
Permalink
ก็พยายามคิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ
วันนี้ก็หงุดหงิดคนฟิลิปปินส์ ( คนนี้ก็หย่าร้าง ) ทำงานช้ามาก ถ้าเป็นเมืองไทยคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว ที่บริษัทหลายคนเริ่มซุบซิบกันแล้ว แต่เจ้าตัวทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้
แผน รณรงค์
11 มิถุนายน, 2010 - 16:27
Permalink
นี่แหละครับข้อเสียของ
นี่แหละครับข้อเสียของ รัฐสวัสดิการ
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
หน้า