ทิ้งเงินเดือนเกือบครึ่งแสน!! "พลิกชีวิตมาติดดิน" "หายจน" ได้...ด้วย ...

หมวดหมู่ของบล็อก: 

“เศรษฐกิจพอเพียง” การใช้ชีวิตด้วยแนวคิดพอเพียงเป็นเรื่องที่พูดถึงในสังคมไทยมานาน ซึ่งหลาย ๆ คนได้แต่ฟังคนอื่นพูด หรือได้พูด แต่ไม่ได้ทำ อย่างไรก็ตาม ก็มีตัวอย่างคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ มีความสุขในชีวิตอยู่ไม่น้อย และเก็บตกจากงาน “ดั้นด้น ค้นหา รหัสลับ ทรัพยากรดิน” ณ ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางทีม “วิถีชีวิต” ได้พบกับ “ธัญญเทพ-ดารณี มั่นมา” คู่สามีภรรยาคู่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างผู้ที่มีความสุขในชีวิต ด้วยการใช้ชีวิตด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง...

e e e e e e

ธัญญเทพ-ดารณี มั่นมา เป็นครอบครัวเกษตรกรที่ดูแลพื้นที่ 13 ไร่ ภายในพื้นที่ทั้งหมดราว 600 ไร่ของศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินแห่งนี้มานานกว่า 8 เดือน และเป็นอีกหนึ่งต้นแบบในการนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาทำให้ชีวิตมีความสุขได้จริง ๆ ซึ่งชีวิตของสามีภรรยาคู่นี้ก็นับว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ดารณี มั่นมา ในวัย 48 ปี เล่าว่า เป็นชาว จ.ยโสธร ก่อนหน้าที่จะมาทำงานภายในศูนย์นี้เคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ที่ประเทศอินเดียมาก่อน ด้วยเงินค่าจ้างกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และก่อนที่จะมาทำงานที่ศูนย์นี้ เคยไปอบรมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับเพื่อนที่เป็นหัวหน้าศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านที่ จ.ยโสธร มาก่อน และเคยทำงานแบบนี้จริง ๆ ที่ จ.อุบลราชธานี อยู่ 2 ปี โดยที่นั่นเป็นศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงของเอกชน

กับงานศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงที่ จ.อุบลราชธานีนั้น ดารณีบอกว่า ก็จะคล้ายกับที่นี่ แต่ที่นั่นไม่มีรายรับเป็นเงินเดือน ซึ่งเมื่อทางรองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข ชักชวนเธอให้มาอยู่ที่นี่ ดารณีก็ไม่รีรอที่จะตัดสินใจมาอยู่ พร้อมกับ ธัญญเทพ มั่นมา สามี ชาว จ.นครราชสีมา วัย 48 ปี ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศลาว แต่ก็ตัดสินใจลาออกจากงานที่มีเงินเดือนกว่า 20,000 บาทมาอยู่ที่นี่ทันที ด้วยความเชื่อที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ถ้าทำดี ๆ ก็น่าจะไปได้

ธัญญเทพ บอกว่า ตนเองไม่มีความรู้ และไม่เคยเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาก่อน ก็เพียงได้ยินที่เขาพูด ๆ กันมา จนเมื่อมาศึกษาจากศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงต่าง ๆ และกับปราชญ์ชาวบ้าน อ่านจากหนังสือ และทดลองปฏิบัติจริง ในที่สุดก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักปรัชญานี้

พื้นที่ 13 ไร่ ที่ธัญญเทพและดารณีดูแลนั้น แบ่งเป็นนาข้าว แปลงผัก ผลไม้ เล้าหมู เล้าแพะ พื้นที่สำหรับเลี้ยงวัว-ควาย และมีกระท่อมขนาดย่อม ๆ ที่พออยู่สำหรับ 2 ชีวิตแบบสบาย ๆ กับอากาศที่เย็นสบาย โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศให้เปลืองพลังงานไฟฟ้า เปลืองค่าไฟ

ทั้งสองบอกว่า นาข้าวจำนวน 2 งาน ปลูกข้าวกินได้ตลอดปี ในแปลงผักก็มีคะน้า หัวไชเท้า แครอท ถั่วฝักยาว แตงกวา น้ำเต้า ฟัก งาดำและงาแดง ส่วนผลไม้มี กล้วย มะละกอ และชมพู่ ซึ่งกินได้ทั้งปีแบบไม่มีเบื่อ

สำหรับสัตว์ที่เลี้ยงไว้นั้น เลี้ยงเพื่อเอามูลทำปุ๋ยบ้าง ทำแก๊สชีวภาพสำหรับประกอบอาหารบ้าง โดยที่ไม่ต้องไปซื้อพลังงานจากนอกไร่ ซึ่งทั้งสองคนเป็นมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ทั้งคู่ ดังนั้นจึงยิ่งไม่ต้องยุ่งยากในการประกอบอาหาร กินง่ายอยู่ง่าย มีแค่น้ำพริก 1 ถ้วย แกง 1 ถ้วย ผักต้ม ผลไม้ และข้าว 3 มื้อ ก็อยู่ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องใช้เงิน ส่วนผลผลิตนั้นหากเหลือกินก็แจก เหลือมากก็ขาย แต่จะเน้นแจกเป็นหลัก

เพราะคิดว่ารั้วบ้านที่ดีที่ปลอดภัยที่สุด คือ “เพื่อนบ้าน” นั่นเอง

เวลาของสามีภรรยาคู่นี้จะหมดไปกับการเลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก ปลูกข้าว สีข้าว รดน้ำ ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ น้ำหมักจุลินทรีย์ ยาฆ่าหญ้าแบบไม่ใช้เคมี หรือทำน้ำกลั่นแบบใหม่ ๆ ที่ใช้รักษาสุขภาพ และยังเป็นวิทยากรอบรมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้กับผู้ที่สนใจ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งทยอยเข้ามาในศูนย์แห่งนี้หลายรุ่นแล้ว

“8 เดือนที่มาอยู่ที่นี่ ชีวิตเปลี่ยนไปมาก สุขภาพดีมาก เมื่อสุขภาพดี งานทุกอย่างก็เดิน มีความสุขทั้งทางกาย ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และมีความสุขทางใจ ครอบครัวมีความสุข และเมื่อเราได้ให้ความรู้คนอื่น เราก็มีความสุขไปด้วย” ธัญญเทพ กล่าว

พร้อมทั้งยังย้ำด้วยว่า ชีวิตทุกวันนี้มีความสุขมาก เมื่อเทียบกับตอนทำงานที่เก่า แม้เงินเดือนน้อยกว่า แต่สุขทางใจมากกว่า เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งยั่วยุ มีสิ่งแวดล้อมและอากาศที่ดี ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ทุกวัน

ด้าน ดารณีก็บอกว่า แม้อยู่ที่นี่จะต้องตื่นตี 4 ทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยหวั่น แถมยังรู้สึกว่าสบาย ๆ เพราะได้ออกกำลังกายตอนเช้า ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ก่อนที่จะต้มน้ำสมุนไพร หุงข้าว เตรียมอาหาร แล้วก็ไปทำงานในแปลงตลอดทั้งวัน

“มาอยู่ที่นี่ไม่ผิดหวัง งานอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตเปลี่ยนไป สุขภาพดี เงินก็มีเก็บมากกว่าตอนที่เงินเดือนเยอะเสียอีก ไม่ต้องซื้อหาอะไรมากมาย แถมอากาศที่นี่ก็ดีมาก ๆ ทำงานก็เหนื่อยมากนะคะ แต่ได้พักก็หายเหนื่อย และสบายใจสุด ๆ เวลาที่ได้ทำงาน ชีวิตสนุกมาก และมีความสุขที่สุด” ดารณี กล่าว

เงินเดือน 2 คนในปัจจุบัน รวมกันคือ 16,000 บาท เทียบกับในอดีตที่รายได้สองคนรวมกันมากกว่า 40,000 บาท หรือเกือบครึ่งแสน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจากเงินเดือนที่รวมกัน 10,000 กว่าบาทในปัจจุบัน ทั้งสองจะมีเงินเหลือเก็บมากกว่าในอดีต แถมยังส่งลูกคนที่สองไปเรียนหนังสืออยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ได้อย่างสบาย ๆ ไม่เดือดร้อนอะไร

e e e e e e

ทิ้งท้าย ธัญญเทพ กล่าวว่า “ใครมีที่มีทาง ผมอยากจะเชิญชวนให้ทำเศรษฐกิจพอเพียงกันเยอะ ๆ อย่าไปคิดว่าทำแบบเศรษฐกิจพอเพียงแล้วไม่รวย เรื่องนี้ไม่จริง ผมขอยืนยัน รวยได้จริง ๆ หากรู้จักปรับปรุงคุณภาพผลผลิตอยู่เสมอ และปัจจุบันก็มีเทคนิคทางเกษตรใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ หากศึกษาแล้วนำมาใช้ ก็ไปได้ เป็นจริงได้ อย่างผมเอง แม้ไม่เคยทำเกษตรมาก่อน ผมยังทำกล้วยรสเชอร์รี่ได้เลย ในขณะที่เกษตรแบบใช้เคมีมีแต่ทำลายดิน ทำลายน้ำ ทำลายสิ่งแวดล้อม

และทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน

ไม่มีวันจบสิ้น...”.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล รายงาน วันอาทิตย์ 21 เมษายน 2556 .dailynews.co.th/.../ทิ้งเงินเดือนเกือบครึ่งแสน

ความเห็น

สนใจ ยาฆ่าหญ้าแบบไม่ใช้เคมี ครับ

ดูที่  >>บันทึกพึ่งตนเองซิค่ะ...

สารเร่ง พด.7 หมายถึง เชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักและย่อยสลายวัสดุเหลือใช้จากพืชสมุนไพร ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เพื่อผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืช

รักในหลวง..ทำตามคำพ่อสอน

เยี่ยมครับน่าเอาแบบอย่างขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว


บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร

ทรัพย์สินเงินทองเป็นของนอกกาย แบกไว้ก็หนัก... กินแค่อิ่มเท่านั้น

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

Smile

เพราะชีวิต...คนเรา    เกิดมา....ไม่นาน ก็ต้องตาย
ต้องกลายเป็นความว่างเปล่า
Cr. เ่ท่าที่มี - กางเกง

ยินดีด้วยอย่างมากค่ะ--ขอให้ประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ--กันทุกท่านนะคะ