ว่าด้วยหนังสือ ... "ทำไม"
นำมาจาก http://inspirationtip.blogspot.com
ครั้งที่แล้วดิฉันได้ลงบทความ ความรักของแม่ ... (Mother's Day) เอาไว้ แล้วก็ติดหนี้ท่านผู้อ่านเอาไว้ 2 ข้อ
เอาล่ะ เรามาต่อกันดีกว่า ตรงที่ดิฉันขออนุญาตเอาวาทะที่ดีงามและเฉียบคมบางตอนในหนังสือ "ทำไม"ของท่านชยสาโรที่อยากจะนำมาฝากกัน
วาทะเหล่านี้ จริงๆ แล้วจะอยู่ที่คำโปรย ก่อนที่จะเข้าบทความของแต่ละบทความนั่นเอง แต่ดิฉันเห็นว่า เป็นวาทะที่มีค่า
ถ้าน้อมนำเข้ามาสู่จิตสู่ใจโดยตรงและนำมาปฏิบัติแล้ว จะทำให้ชีวิตของเรามีค่ายิ่ง
เกิดมาทำไม
การเกิดเป็นมนุษย์
เป็นสิ่งมีค่า
ไม่ควรเสียเวลา
กับสิ่งเปล่าประโยชน์
เราเกิดมา
เพื่อแสวงหาปัญญา
เพื่อความดับทุกข์
เพื่อบรรลุถึงสุดยอด
ของวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิต
เข้าวัดทำไม
เข้าวัดแล้ว
สักแต่ว่าไหว้พระพอเป็นพิธี
ทำบุญบำรุงวัดตามประเพณี
แล้วออกไปชมต้นไม้ก่อนกลับ
ไม่ใช่ว่าไม่ดี ดีอยู่หรอก แต่ยังดีไม่พอ
ศาสนา ธรรมะ เป็นสิ่งที่ต้องน้อมเข้ามาชำระ
หาอุบายแก้ข้อบกพร่องที่อยู่ในใจ
เสริมสร้างสิ่งที่ดีงาม
อย่างนี้คือการเข้าวัดที่เข้าท่า
ได้ทั้งวัตรปฏิบัติ
ได้ทั้งเครื่องวัดตัวเอง
หลับตาทำไม
ผู้ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
เชื่อว่าชีวิตจะดีงามมีค่า
ก็ด้วยการศึกษา
ต้องมุ่งมั่นพัฒนาชีวิตในทุกๆ ด้าน
ด้านพฤติกรรม
ด้านจิตใจ
และด้านปัญญา
ท่านจึงให้เราแบ่งเวลาในแต่ละวัน
ให้นั่งหลับตานอกบ้าง
เพื่อให้ลืมตาใน
คือตาที่เห็นทาง
ไปสู่ความอิสระอย่างแท้จริง
ทุกข์ทำไม
มันไม่อยู่ในวิสัยของใคร
ที่จะบังคับให้เราเป็นทุกข์ได้
ถ้าเราไม่ยอมเป็นทุกข์
ตายก่อนตายทำไม
ทุกวันนี้เรากำลังใช้ชีวิตอย่างไร
ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา เราพอใจไหม
ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของคนรอบข้าง
แล้วเราพอใจกับสิ่งที่เคยทำ
สิ่งที่เคยพูดกับคนๆ นั้นไหม
มีอไรบ้างไหมที่เรายังไม่ได้ทำที่คิดว่าดี อยากจะทำ
แต่ไม่เคยทำสักที มีแต่ จะ จะ จะ จะ จะ
มีอะไรบ้างไหมที่เราคิดจะแก้ไขนานแล้ว
แต่ไม่ได้แก้ไขสักที มีแต่ จะ จะ จะ จะ จะ
ความตายไม่ได้สนใจความรู้สึกของเรา
ไม่เกรงใจเลยว่าเรารู้สึกพร้อมหรือไม่พร้อมอย่างไร
สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน
ไม่เคยเป็นไปตามความต้องการของเรา
เพราะธรรมชาติเป็นอย่างนี้แหละ
ชีวิตเราจึงมีค่า ... มีค่าทุกลมหายใจ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ที่บ้านมีการเปลี่ยนแอร์ตัวใหม่ 1 ตัว เพราะแอร์ตัวเก่าเป็นแอร์รุ่นเก่า และไม่ประหยัดไฟด้วย วันที่เปลี่ยนแอร์
มีหัวหน้าช่างมา 1 คน และคนงานอีก 1 คน ดิฉันก็นั่งอ่านหนังสือไป ดูพวกเขาทำงานไป หลังจากที่จัดการย้ายแอร์เก่าออก
เอาแอร์ตัวใหม่มาแทนที่ ต่อท่อต่อสายอะไรเรียบร้อย ตอนช่วงปิดงานนั่นเอง คนงานร้านแอร์ก็นำหนังสือเล่มหนึ่งมาให้
ดิฉันรับมาดูอย่างงงๆ อ้อ เป็นหนังสือธรรมะชื่อ "ทำไม" นั่นเอง เป็นหนังสือพิมพ์แจกเป็นบรรณาการของโรงเรียนทอสีนั่นเอง
"ขอบพระคุณมากค่ะ ท่านชยสาโรเป็นพระภิกษุชาวต่างประเทศ ลูกศิษย์หลวงปู่ชา"
"ใช่ครับ"
"ให้พี่ แล้วมีอ่านเหรอ"
"เผอิญผมมี 2 เล่ม เล่มนี้ผมให้พี่"
เงียบไปสักครู่ ดิฉันเลยนึกอะไรขึ้นมาได้
"แล้วคุณจะทราบได้ยังไงว่า พี่จะอ่านหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า"
เขาชี้มาที่หนังสือเล่มที่ดิฉันกำลังอ่านอยู่ และวางไว้ข้างตัว
"เห็นพี่อ่านเล่มนี้ไงครับ เลยคิดว่าน่าจะชอบอ่านแนวนี้"
ดิฉันอึ้งเลย นี่แหล่ะหนาที่ว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ก็เป็นคนงานธรรมดา แถมหนังสือที่ดิฉันอ่านอยู่จะวางขายอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไป
ถ้าเขารู้ว่า หนังสือเล่มนี้คือหนังสือธรรมะ ก็แสดงว่าเขาเคยเห็นหน้าปกหนังสือหรืออ่านผ่านตามาบ้างแล้วเป็นแน่
อืมม์ ดิฉันเลยให้หนังสือธรรมะเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ทั้ง 2 เล่มเป็นหนังสือที่ดิฉันเคยร่วมบริจาคเงินเพื่อพิมพ์หนังสือ
เล่มหนึ่งคือ "7 เดือนบรรลุธรรม" ของคุณดังตฤณ อีกเล่มคือ "ดูจิตปีแรก" ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช แห่งสวนสันติธรรม
_/\_ _/\_ _/\_
- อ่าน 2184 ครั้ง
พุทธบุตร
22 สิงหาคม, 2009 - 13:07
Permalink
อยู่กับความรู้สึกตัว
มีสติรู้กายรู้ใจเป็นปัจจุบัน
ครั้งแรกได้รู้จักพระชยสาโรก็จากหนังสือ "ทำไม" เช่นกันครับ ได้รับแจกที่วัดแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
เมื่อ 9มีนาคม2551 เนื่องในงานแสดงมุทิตาจิตหลวงปู่เนตร จิรปุญโญ
แล้วในเดือนมกราคม ปี 2552 ก็ได้รับฟังธรรมจากท่านที่วัดหนองป่าพง ท่านเป็นพระฝรั่งที่พูดภาษาไทยได้ชัดเจนมาก
เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น