............ที่มา ๑๔ (ตำราคือของจริง) ...........

๑.
ผมตั้งใจไว้ว่าหากทำมีดได้ผมจะหัดทำมีดพื้นบ้านให้ได้บ้างอย่างน้อย อย่างสองอย่างในบรรดา หลายอย่างที่ภูมิถิ่นแต่ละที่เขามีเขาใช้กันสืบต่อมา อย่างมีนัยสำคัญ
ปัญหาคือผมไม่สามารถออกไปเสาะหาวิชาจากที่ไหนๆ ได้ในระยะเวลานานๆ
การได้เห็นของจริง จับต้องได้ วัดขนาด ชั่งน้ำหนัก การตั้งสมดุล ตั้งคม เผื่อสัน ใส่ด้าม ประดับ ฯลฯ นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดเหมาะสมที่สุดสำหรับผมในช่วงระยะเวลานี้
หลายวันก่อน ช่วงที่ผมส่งมีดไปยังคุณ Sblue12 ผมก็ได้เห็นมีดอ้ายเด้งจากภาพที่เขาส่งมาให้ผมดู เขาบอกว่าเป็นสมบัติประจำตัวของก๋งของเขาเอง..
ความจริง..จะพูดว่าสมบัติอาจจะเกินเลยความจริง..เรียกอาวุธหรือส่วนหนึ่งของร่างกายน่าจะถูก
ไม่น่าเชื่อ..นี่คือมีด(ความจริงคือดาบ)ในตำนานของปักษ์ใต้ เดินทางมาจากดินแดนที่เชื่อมอารยะธรรมเป็นผืนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชวา มาเลย์ กระทั่งปักษ์ใต้ของไทย
ผมแปลกใจที่คนรุ่นเก่ายังนิยมชมชอบมีดแบบนี้อยู่ในหมู่บ้าน น่าแปลกยิ่งกว่าคือยังมีคนตีมีดแบบนี้ได้อีกในปลายๆ ของการเดินทางของเครื่องไม้เครื่องมือ หรืออาวุธแบบนี้
แต่พอกลับมาคิดถึงอาวุธร้ายชนิดอื่นๆ ที่เดินทางข้ามทวีป ผ่านภูมิประเทศแปลกๆ มาไกลแสนไกล ยังสามารถเข้ามาอยู่ในมือคนอีกถิ่นเพื่อใช้ในการทำมาหากินอย่างสัมมาชีพ หรือเพื่อเข่นฆ่าช่วงชิงสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆ สิ่งได้
ถึงนาทีนี้ผมคิดฟุ้งว่า....ในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดแปลกหรือไม่น่าเชื่ออีก?

๒.
หลายวันที่ผ่านมาผมขลุกอยู่กับมีดที่เพื่อนสมาชิกหลายคนสั่งไว้ ค่อยๆ ทำทีละเล่ม บางเล่มขึ้นรูปเกือบพร้อมๆ กัน ในช่วงเวลาซึ่งอาจจะเหลื่อมกันเพียงเสี้ยวนาที ค่อยๆ ทยอยส่งกลับไปหาเจ้าของทีละเล่ม ทีละเล่ม
บางเล่มทำไว้นานแล้วโดยไม่มีใครมาสั่งให้ทำ แต่แล้วก็มีคนที่ร้องขอในคุณลักษณะที่พอดีกับมีดเล่มนั้นพอดิบพอดี เหมือตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ระยะเวลาของการทำจึงอาจจะสั้นกว่ามีดเล่มอื่นๆ ซึ่งยังไม่ได้เริ่มต้นแม้จะสั่งก่อนก็ตาม
ถือเป็นความโชคดีของคนที่สั่งทีหลังอย่างช่วยไม่ได้
แต่ทุกครั้งที่เดินผ่านมีดเก่าเล่มนั้นผมจะต้องแวะชื่นชม ลูบคลำขัดถู เล็งสันเล็งคม พร้อมกับคิดในใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรกับการบูรณะโดยไม่บูรณะ ด้วยเกรงว่าจะสูญเสียคุณค่าของมีดเก่าซึ่งอาจมีประวัติศาสตร์ฝังแน่นอยู่ภายในมากมายกว่าภูมิของผมจะรับได้
ผมหมายถึง..ทั้งรูปธรรมและจิตวิญญาณ!!
น่าเสียดายที่ตอนส่งมาให้ผม ด้ามที่เป็นไม้เก่าเนื้อแข็งผ่านเวลาอยู่นิ่งๆ โดยไม่มีการใช้งานมาเลย อาจจะโดนบุรุษไปรษณีย์ไทยโยนกระแทกจนแตก จะทำให้ใหม่ก็เกินภูมิปัญญาของผม เพราะทองเหลืองที่ห่อหุ้มส่วนคอมีดเป็นไปในลักษณะของการเชื่อม(บัดกรี)ติดกันจนไม่สามารถถอดออกด้วยวิธีการใดนอกจากละลายตะกั่ว..
ผมเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น จึงเพียงแต่ยึดกาวยุค ๒๐๑๐ ไว้ในลักษณะเดิม ขัด แล้วพ่นน้ำยาเคลือบ..
ส่วนใบ ผมคัดลอกรูปแบบ ชั่งน้ำหนัก เข้าเตาเผาแล้วเคาะดัดพอประมาณ ชุบสองหน มีคดนิดหน่อยแต่ไม่กล้าที่จะชุบอีกครั้งเพื่อดัดให้ตรงกว่าเดิม
บอกตามตรง...ผมกลัว
กลัวว่ามีดที่ทรงคุณค่าต่อการเก็บรักษาจะหักคามือผมด้วยความไม่แน่จริงของฝีมือ
ดังนั้น...แม้มีด(ดาบ)ที่ต้นธารของภาษาเรียกจะเรียกว่า ลาดิง,ปารังลาดิง ฯลฯ ก่อนที่จะกร่อนเสียงเป็น อ้ายเด้ง(ในภาษาปักษ์ใต้บ้านผม)เล่มนี้จะกลับไปหาถิ่นเดิมที่เคยอยู่ในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ผมได้ทำการชุบ อบคืนไฟ เคาะดัด ขัดสนิม ขัดผิวเล็กน้อย ใส่ด้ามกลับคืนเดิมพร้อมกับขัดด้ามพ่นเคลือบอีกเล็กน้อย
ดาบโบราณเล่มนี้จึง...เป็นทั้งความรู้และสมบัติตกทอด
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เรียนรู้ศิลปะของบรรพชนจากของจริง แม้จะไม่หมดของฮาวทูที่แอบซ่อนอยู่ในมีดทรงประหลาดๆ เล่มนี้ก็ตาม

๓.
แทนคำขอบคุณ Sblue12 ที่เอื้อเฟื้อให้กับผมสำหรับมีด(ดาบ)อ้ายเด้งเล่มนี้ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกกล่าวสู่กันที่นี่ ด้วยถ้อยคำทั้งหมดที่ผมเขียนมา หากจะตามหาอ้ายเด้งรุ่นเก่าสามารถค้นคว้าได้ที่สถาบันทักษิณคดี เกาะยอสงขลา ที่นั่นมีหลายรูปแบบให้เดินดู
แต่หากจะเข้าไปดูรูปแบบของศิลปะที่เป็นทางไปและทางมาของมีดแบบนี้ สามารถค้นคว้าโดยใช้คีย์เวิร์ด Parang Lading Knife
ยังมีอีกมากใช่ไหมตำราแห่งบรรพชน...ที่จะให้ผมได้ศึกษา ค้นคว้า ดำดิ่งสู่ศาสตร์และศิลป์ที่จับต้องได้ ทั้งยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้มวลชนอย่างแท้จริงโดยมิพักต้องโอ้อวดยกตัวขึ้นให้ใครได้เห็น
ใช่หรือไม่ที่มีดบางเล่ม เกิดมาเพื่อรับใช้เจ้าของโดยไม่ได้มีกรอบศีลธรรมมาสอดรับ มันถูกลับจนคมขาวสงบนิ่งอยู่ในฝักซึ่งเคียนเอวมิดชิด คนที่ได้เห็นมีดเล่มนั้นนอกจากเจ้าของคือคนที่ตายไปแล้วเท่านั้น
ใครๆ ก็รู้...ว่าบาปไม่ได้ตกอยู่ที่มีด
ใช่ไหม?



………………………………………………………………………………………………
- บล็อกของ sailomloy
- อ่าน 10400 ครั้ง

ความเห็น
จันทร์เจ้า
10 สิงหาคม, 2010 - 14:41
Permalink
ขอบคุณค่ะ
สำหรับเรื่องเล่า พร้อมตำนาน ชอบๆค่ะ
กำลังทำแบบนี้อยู่เหรอคะ
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
sailomloy
10 สิงหาคม, 2010 - 19:17
Permalink
ยังครับ...แค่ศึกษาไว้น่ะครับ
ยังครับ...แค่ศึกษาไว้น่ะครับ
ออกปากรุนท็อกที !!!
ann
10 สิงหาคม, 2010 - 16:59
Permalink
ติดตาม
ตามมาดู....สวย..
มีดเปลี่ยน อารมณ์ เปลี่ยน ..
....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
sailomloy
10 สิงหาคม, 2010 - 19:16
Permalink
ครับขอบคุณครับ
ครับขอบคุณครับ
ออกปากรุนท็อกที !!!
ตั้ม
10 สิงหาคม, 2010 - 18:50
Permalink
ช่วงต่อด้ามมีด..
ผมไม่มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญเรื่องมีด..ดูและชื่นชมจากความรู้สึกที่เห็นจากภายนอก..แต่หากทราบประวัติความเป็นมาจะยิ่งเพิ่มคุณค่าลงลึกถึงภายใน..
สำหรับมีดไอ้เด้งนี้..ขออนุญาตกล่าวจากความรู้สึกที่ไม่สันทัด..ช่วงต่อของคอด้ามจับกับตัวเรือนมีด..ผมรู้สึกว่ามันขัดๆยังไงก็ไม่รู้..ดูไม่ลื่นไหลยังไงบอกไม่ถูก..แต่อาจจะไม่ลึกซึ้งและเข้าใจในงานของช่างสมัยเก่าก่อนก็เป็นได้..ขอโทษที่บังอาจวิจารณ์..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
sailomloy
10 สิงหาคม, 2010 - 19:15
Permalink
คุณตั้ม ครับ
ผมก็เห็นเป็นแบบนั้นครับ...แต่ไม่ยุ่งกับความขัดหูขัดตานั่นแต่อย่างใดเลย มาไงไปงั้น...คงมีอะไรบางอย่างที่เขาทำแบบนั้น
ไม่ต้องขอโทษครับผม...เพราะผมเองก็คิดในใจเหมือนกัน(แฮ่....)
ออกปากรุนท็อกที !!!
เซพ
11 สิงหาคม, 2010 - 02:27
Permalink
ของเก่า
นั่งมองดูของเก่าและงานเขียนรู้สึกงานเขียนจะคมกว่ามีดอีกนะ55
มีดเล่มนี้มีความหลากหลายอารยะธรรมมาร่วมกัน ดูได้จากการตั้งสมดุลของดาบ ปลายดาบมีน้ำหนักเป็นสมดุลดาบของไทยเรา
ดาบนี้อาจมีไว้สังหารแต่มิได้มีไว้เพื่อการรบ มีไว้ครอบคุมฝูงชน มีดนี้ยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะดินแดนด้ามขวาน ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดนะครับแค่เคยเห็นจากประวัติศาสตร์ผ่านตา
sailomloy
11 สิงหาคม, 2010 - 08:29
Permalink
เซพ
บอกตามตรง..ผมไม่รู้เลยว่าใช้เพื่อการไหน ระหว่างสังหาร หรือ รบ(การทหารหรือส่วนบุคคล) แต่คนแก่แถวบ้านผมบอก เป็นดาบที่คนแก่ๆ ชอบถือติดตัว ไม่ได้ใช้เพื่อการเกษตรหรือดำรงชีวิตในสวนในทุ่ง
ขอบคุณครับ เซพ
ออกปากรุนท็อกที !!!
หน้า