น้ำยาไล่แมลงปลอดสารพิษ และยับยั้งราน้ำค้าง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ่านบล๊อกเจอเทคนิคการทำน้ำยาไล่แมลงปลอดสารพิษ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ สมช.ไม่มากก็น้อย เลยนำมาฝากกัน แต่ว่ามันเป็นภาคภาษาอังกฤษค่ะ ก็เลยขอแปลเป็นไทยก่อนละกันจะได้อ่านกันง่ายๆ ไม่ปวดหัว


สุตรแรกเลย


สเปรย์กระเทียม (Garlic Spray)


ส่วนผสม


กระเทียม 1 หัวใหญ่ๆ


น้ำ 2 ถ้วยตวง


แล้วก็ น้ำ อีก 1 แกลลอน


วิธีทำ แกะเปลือกกระเทียมออก แล้วนำไปปั่นกับน้ำ 2 ถ้วยตวง ประมาณ 2 นาที ให้เข้ากัน แล้วเทลงไส่ภาชนะพลาสติก แล้วทิ้งไว้ค้างคืน 1 คืน โดยไม่ต้องปิดฝา


ต่อมาใช้ผ้าบางๆกรองเอาแต่น้ำ และนำไปผสมกับน้ำ อีก 1 แกลลอนที่เหลือ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และนำไปฉีดพ่นบนใบและใต้ใบที่มีเพลี้ยและแมลง


สูตรที่สอง


สเปรย์สบู่ (Soap Spray)


ส่วนผสมก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากน้ำยาล้างจาน หรือ สบู่เหลวล้างมือ ทั่วๆไป


วิธีทำก็คือ นำสบู่เหลวหรือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา มาผสมกับน้ำ1 แกลลอน คนให้เข้ากัน เวลาจะใช้ก็เทไส่ขวดสเปรย์เล็กๆ พอเหมาะมือ แล้วนำไปฉีดพ่นบนใบ และใต้ใบ เพราะเพลี้ยจะอาศัยหายใจทางผิวหนัง เมื่อมันโดนสบู่มันก็จะหายใจไม่ออก และตายในที่สุด


ปล. หากฉีดพ่นไส่แตงกวาหรือถั่วฝักยาว หรือผักที่กินผล จะต้องรอให้ครบสองอาทิตย์และควรแช่น้ำให้ท่วมอย่างน้อย 30 นาทีก่อนนำไปรับประทาน เพราะจะทำให้เวลาทานอาจจะได้กลิ่นสบู่ก็ได้ นอกจากว่าจะฉีดพ่นเฉพาะที่ใบเท่านั้น


 สูตรที่สาม


สเปรย์พริก ( Hot Pepper Spray)


ส่วนผสม  พริกเผ็ดๆ 6 เม็ด (ยิ่งเผ็ดมากเท่าไหร่ยื่งดี)


น้ำ 2 ถ้วยตวง


แล้วก็น้ำอีกครึ่งแกลลอน


วิธีทำ นำพริกกับน้ำ 2 ถ้วยตวงไปปั่นให้เข้ากันประมาณ 2 นาที (ถ้าไม่มีเครื่องปั่นก็ไส่ครกตำให้ละเอียด)


แล้วเทลงภาชนะพลาสติก ทิ้งไว้ค้างคืน 1 คืน (เหมือนสูตรแรก สูตรกระเทียม)


แล้วก็กรองด้วยผ้าบางๆ แล้วไส่น้ำที่เหลืออีกครึ่งแกลลอนลงไป ผสมให้เข้ากัน แล้วน้ำไปฉีดพ่นบนใบ และใต้ใบสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือสองอาทิตย์ต่อครั้ง หากฝนตก ก็ให้ฉีดพ่นซ้ำอีกในวันรุ่งขึ้น เป็นสูตรไล่แมงและฆ่าเพลี้ยอ่อน โดยเฉพาะเพลี้ยวจากใบพริก


ปล.สูตรนี้ ควรไส่เสื้อแขนยาว หรือสวมถุงมือ และใช้ผ้าปิดหน้าตาปกป้องผิวหนัง และป้องกันพริกเข้าตา อาจทำให้ระคายเคืองได้ และไม่ควรฉีดพ่นในวันที่มีลมแรงๆ เพราะพริกยิ่งเผ็ดก็ยิ่งแสบ อาจระคายเคืองผิวหนังได้


สูตรที่สี่ เป็นสูตรน้ำยาป้องกันโรค "ราน้ำค้าง" (Fungicide, or powder mildew)โรคนี้พบได้ทั่วไป แทบทุกพื้นที่ พอวันใหนมีน้ำค้างลงแรงๆ หรือฝนตกติดต่อกันนานๆหลายวัน หรืออากาศเดี่ยวร้อน เดี่ยวหนาว ไอ้โรคนี้มันก็จะมาทันที


ส่วนผสม


น้ำ 1 แกลลอน


เบคกิ้ง โซดา 3 ช้อนโต๊ะ (หาซื้อได้ที่แผนกเบเกอร์รี่ ทำขนมเค้กต่างๆ)


Bleach หรือน้ำยาซักผ้าขาว 1 ช้อนชา (หรือช้อน กาแฟ)


น้ำยาล้างจาน หรือสบู่เหลว ยี่ห้อใดก็ได้ 1 ช้อนชา (หรือช้อนกาแฟ)


วิธีทำ


นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมกันกับน้ำ 1 แกลลอน คนให้เข้ากัน และใช้ฉีดพ่นบนใบ และใต้ใบเฉพาะใบที่เป็นเชื้อราเท่านั้น ใบใหนที่มีเชื้อรามากๆ ก็ฉีดพ่นเยอะๆ หากใบใหนติดเชื้อมากเกินไปก็ให้เด็ดใบนั้นทิ้งไป


สูตรนี้ใช้ได้กับ พริก มะเขือเทศ แตงกวา ถั่วฝักยาว มัน เผือก และอื่นๆ  


ปล. ห้ามใช้ "Bleach" หรือน้ำยาซักผ้าขาวมากเกินไป เราแนะนำให้ใช้ 1 ส่วน 10 ของน้ำ เท่านั้น หากใช้มากเกินไป อาจะทำให้ใบของพืชเสียหายได้ เพราะบลีชมีฤทธิ์กัดกล่อนรุนแรงมาก เพราะฉนั้นเวลาใช้ควรฉีดพ่นโดยตรงเฉพาะใบที่เป็นเชื้อรา ใบที่สมบูรณ์ก็ไม่ควรฉีด


หมายเหตุ


ทั้งหมดที่นำมาเผยแพร่ เราเองก็ยังไม่เคยทดลองนะค่ะ ว่าได้ผลแค่ใหน ใครคิดที่จะนำไปใช้ ผู้ใช้ควรศึกษา และทดลองในแปลงทดลองก่อนนำไปใช้จริงนะค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูล จาก เดอร์การ์เดนเนอะเน็ตเวิร์ค เอื้อเฟื้อข้อมูล

ความเห็น

อรุณสวัสดิ์....น้องอ๊อด  ไม่เคยเข้าบ้านสวน ฯ ตอนเช้ามืดขนาดนี้เลย  เงียบจัง   

:dreaming:

อ๊อดน่ะนั่งคนเดียวหัวโด่ทั้งคืน ไม่มีเพื่อนเลย เขานอนกันยังไม่ตื่นเลย ส่วนบ้านอ๊อดน่ะ บ่ายสองแล้ว

ลืมไป.....  อยู่ตรงข้ามกับเมืองไทย  บ้านเราช่วงนี้กลางคืนมากกว่ากลางวัน  อากาศเย็น ๆ แต่ก็หนาวสำหรับเจ้  

:dreaming:

ขอบคุณข้อมมูลค่ะ มาอยู่เป็นเพื่อน แต่มาคนหละเวลาจ้า

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

เวลาสวนทางกันค่ะ นี่ก็ ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วค่ะ อีกหน่อยก็ได้เวลานอน

          ทำง่ายทั้งนั้นเลย ต้องลองทำดูมั่งแระ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ครับ

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ  นับถือน้ำใจครับ

 

โหวตให้แล้วครับ

(ตอน) มา...(ตอน) อยู่...และก

ก็คงได้ลองทำ

ขอบคุณมากครับ   ต้องลองทำดูกันบ้างแล้วละงานนี้

ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ   msn/krawmovie@hotmail.com

มีอยู่วิธีเดียวที่อ๊อดเคยลอง ก็คือวิธีที่ใช้น้ำสบู่น่ะค่ะ ตอนมาอยู่แอลเอใหม่ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ แฟนเขาบอกมาว่าให้เอาน้ำสบู่มาฉีดพ่นต้นที่เป็นเพลี้ย ก็เห็นมีอันนี้ล่ะค่ะที่ได้ผล แล้วก็มาอ่านเจอในบล๊อกนี้อีก วิธีก็คล้ายๆกัน แต่ส่วนผสมไม่เหมือนกัน

หน้า