การเพาะวีทกลาสแบบรับรองผล

หมวดหมู่ของบล็อก: 

Laughing การเพาะวีทกราสแบบรับรองผล Laughing  


       เป็นสมาชิกใหม่ค่ะ แต่เข้ามาดูข้อมูลได้ระยะหนึ่งแล้ว ประทับใจในสังคมนี้  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ  วันนี้มีข้อมูลที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่น ๆ มาลงการเพาะ Wheatgrass (เมล็ดข้าวสาลีอ่อน) พืชที่ได้ชื่อว่ามีประโยชน์มากมาย เช่น 


   - ช่วยให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น


   - ขับล้างสารพิษ


   - ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น


   - ต่อต้านแบคทีเรีย


   - ช่วยปรับภาวะความเป็นกรดของเลือด ฯลฯ


 ท่านใดต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ grass4cat.com  


และจาก goodhealth.co.th


http://www.goodhealth.co.th/new_page_23.htm


http://www.goodhealth.co.th/new_page_20.htm


 เริ่มแรกที่คิดจะเพาะคิดว่าน่าจะยาก เพราะประโยชน์มันเยอะ  หาข้อมูลใน web ก็ไม่ค่อยละเอียด ช่วงนี้เริ่มเพาะมาหลายตะกร้าแล้ว พอมีประสบการณ์จึงอยากแบ่งปัน


 


๑.หาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ใหม่ ที่บ้านซื้อที่ซอยนวมินทร์ ๔๖  ถ้าเราหันหน้าเข้าซอยจะอยู่ขวามือร้านที่สอง ที่บอกละเอียดเพราะหาซื้อค่อนข้างยาก โดยส่วนตัวแล้วชอบซื้อของที่นี่ (บริเวณสันติอโศก) เพราะค่อนข้างไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพและราคา เจ๊เจ้าของร้านบอกรับประกันออกทุกเม็ด ซึ่งก็เพาะได้ดีจริง ๆ


หนัก ๕๐๐ กรัม ราคา ๕๐ บาท (เพาะได้ ๒ ตะกร้า ๑๒”X ๑๔”)  ล้างเมล็ดข้าวสาลีให้สะอาด คัดเลือกเมล็ดที่เสียและลีบทิ้งไป จากนั้นนำเมล็ดมาแช่ในน้ำอุณหภูมิธรรมดาประมาณ ๒๔ ชม.แต่ต้องเป็นน้ำที่เราเปิดทิ้งไว้ค้างคืน เพื่อให้คลอรีนระเหยออกไปก่อน 


 



 


 


๒.หลังจาก ๒๔  ชม ถ่ายเมล็ดข้าวสาลีลงในภาชนะที่ เตรียมไว้ (หม้อ ถังพลาสติก กาละมัง ฯลฯ) ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำให้ชุ่ม คลุมลงบนผิวหน้าเมล็ดเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น รดน้ำสะอาดผ่านผ้าขนหนูที่คลุมไว้ประมาณ ๓ ครั้ง/วัน 


 



 


 


 


๓.ผ่านไป ๑ วัน เมล็ดข้าวสาลีจะเริ่มมีรากเล็ก ๆ งอกออกมา                  


 


๓.๑ ภาชนะที่จะใช้เพาะ ต้องมีรูระบายน้ำทั้งด้านล่างและด้านข้างขนาดของรูต้องเล็กกว่าเมล็ด เพื่อไม่ให้เมล็ดลอดไปได้ หรือถ้าไม่มีก็ต้องหาวัสดุอื่นมารองเพื่อกันไม่ให้เมล็ดไหลออก แต่ยังคงสามารถระบายน้ำได้ ในภาพจะซื้อตะกร้าถูกๆ ตามร้านขายของทุกอย่าง ๒๐บาท หรือตามตลาดนัด



หรือถ้าต้องการสะดวก  ซื้อชุดเพาะที่ประกาศขายตาม Web ก็ได้ ๑ ชุดประกอบด้วยถาดเพาะ ๔ ถาด เมล็ดพันธุ์ ๑ กก. ราคาประมาณ ๔๒๐  บาท


 


๓.๒ หากระดาษที่บางพอน้ำจะซึมได้มารองก้นตะกร้า ในภาพเป็นกระดาษที่ขอจากบริษัทขนย้ายบ้าน เพราะเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่ 


 



 


 


 


๓.๓ เทดิน+ปุ๋ยคอกลงในตะกร้าสูงประมาณ ๒ – ๓ นิ้ว เกลี่ยให้เรียบ


 



 


 


๓.๔ เทเมล็ดข้าวสาลีลงในตะกร้าเพาะ เกลี่ยเมล็ดให้ทั่ว ใช้ฟ๊อกกี้รดน้ำพอชุ่มแต่อย่าให้แฉะ  เพราะจะทำให้เมล็ดเน่า ที่ใช้ฟ๊อกกี้เพราะเมล็ดมีขนาดเล็ก อาจจะกระจายหรือเลื่อนทับซ้อนกันได้ จึงต้องทำอย่างเบามือ



 


 


๓.๕ โรยดินทับเมล็ดข้าวสาลีบาง ๆ หากโรยดินหนามากเกินไปอาจทำให้เมล็ดเน่าได้ ในภาพร่อนดินผ่านตะกร้าที่มีรูเล็ก ๆ จากนั้นรดน้ำพอให้ชุ่ม



 



 


 


๓.๖ คลุมทับด้วยกระดาษหรือวัสดุอื่น เพื่อช่วยรักษาความชื้น หมั่นรดน้ำด้วยฟ๊อกกี้วันละ ๓ เวลา แล้วคลุมไว้  



 


 


๔. ผ่านไป ๒ – ๓ วัน  กล้าข้าวสาลีเริ่มงอกยาวประมาณ ๑ นิ้ว ให้นำวัสดุที่ใช้คลุมออก แล้วไปวางไว้ในที่ร่มที่โดนแดดอ่อน ๆ (ถ้าโดนแสงแรงๆต้นจะสูงชะลูดและไม่ค่อยมีน้ำ)อย่าลืมรดน้ำวันละ ๓ ครั้ง ต้นกล้าข้าวสาลีอ่อนเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ชอบน้ำขัง 



 


วิธีสังเกตว่าน้ำพอหรือไม่ให้สังเกตที่หยดน้ำค้างที่ปลายยอดแบบนี้ค่ะ




 


๕.ผ่านไป ๖ – ๑๒ วัน กล้าข้าวสาลีจะสูงประมาณ ๗ – ๑๒ นิ้ว ซึ่งเป็นกล้าที่พอดีสำหรับการนำมาคั้นน้ำ ที่ฝรั่งวิจัยมา  ใช้กรรไกร คมๆ ตัดที่โคนต้นจนชิดผิวดิน



 



 


 


๖. นำไปล้างให้สะอาดแล้วจึงไปคั้นน้ำ วิธีคั้นน้ำข้าวสาลีมีหลายวิธี เช่น




 


 


๖.๑ ตำแล้วใช้ผ้าขาวบางบีบเอาน้ำออก


๖.๒ ใช้เครื่องปั่นให้ละเอียด แต่ต้องผสมน้ำลงไปประมาณ ๑๐๐ ซีซี ปั่นให้ละเอียดแล้วใช้ผ้าขาวบางคั้นน้ำออก วิธีนี้จะทำให้รสชาติของกล้าข้าวสาลีจืดลง


๖.๓ ในภาพใช้วิธีที่ ๓ คือใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้แบบเกลียว เพราะที่บ้านมีอยู่  


 




 


 


๗. หน้าตาน้ำคั้นจากต้นกล้าข้าวสาลี ขนาดเท่านี้ (เรียกว่า ๑ ช็อต)



 


ถ้าไปซื้อที่ร้านอาหารสุขภาพ ถนนรามคำแหง ราคา ๑๐๐บาท เป็นราคาเมื่อ ๗ เดือนที่แล้ว เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ราคาขึ้นหรือยัง ตะกร้าที่เพาะในภาพ ใช้เมล็ด ๒๕๐ กรัม หรือประมาณครึ่งถุง ราคาเมล็ด ๒๕ บาท ตัดต้นกล้าครึ่งตะกร้าคั้นได้ ๓ แก้ว ยังไม่นับที่จะงอกรอบ ๒ รอบ ๓ อีก 


 


๘.ต้นกล้าที่ตัดไปแล้ว รดน้ำต่อวันละ ๓ ครั้งเหมือนเดิม เพื่อที่จะงอกอีกประมาณ ๒-๓ ครั้ง แต่จะได้น้ำลดลงหรือไม่ กำลังอยู่ในช่วงทดลองค่ะ ค่อยเขียนเพิ่มเติมหลังจากทราบผลนะคะ


เขียนค่อนข้างละเอียดนะคะ เพราะตนเองใหม่กับการปลูกต้นไม้คิดว่าคงจะมีเพื่อนๆที่เป็นแบบนี้อยู่ เลยให้รายละเอียดมากหน่อย ประกอบกับอาชีพเดิมคือคุณครูด้วย จึงติดนิสัยกลัวอธิบายแล้วไม่เข้าใจ


      ขอให้ทุกท่านสนุกและมีสุขภาพดีกับการปลูกและดื่มน้ำคั้นจากต้นกล้าข้าวสาลี


      มีความสุขและปลอดภัยเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ค่ะ 

ความเห็น

ปกติกินไม่สม่ำเสมอค่ะ  กินเพียงสัปดาห์ละครั้ง ได้ประมาณ ๖ เดือน แล้วพักไป ๗ เดือนช่วงไปอยู่ต่างจังหวัด เพิ่งมากินสมำเสมอได้เข้าสัปดาห์ที่ ๓  สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คือ เล็บและฝ่ามือ มีสีแดงเข้มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะรายงานผลค่ะ

คนเรานี่ก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้าจริงๆนะเนี่ย... อิอิ


ใช่หญ้าอันเดียวกันกับที่เขาปลูกให้หมาแมวกินเพื่อฆ่าพยาธิป่าวค่ะ?


น่าสนใจมากค่ะ เดี่ยวจะลองศึกษาเพิ่มเติมอีกที ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

ใช่ค่ะ

น่าสนใจดีนะ เรื่องนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ไม่เคยรู้ว่ามันเอามาคั้นน้ำดื่มได้ ขอบคุณค่ะ

น่าสนใจมาก...แต่ลองเพาะแบบถั่วงอกคอนโด...น่าจะดีนะ..แต่อีกนั้นแหละการเพาะโดยไม่ใช้ดินการงอนครั้ง ที่ 2-3 อาจจะไม่ดีพอถ้ามีวัตถุดิบน่าลองหลายๆ อย่างสนุกและได้ประโยชน์อีกต่างหาก..น่าลองๆๆๆๆ

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

ถ้าป้าต่ายลองเพาะแล้วได้ผลอย่างไรบอกด้วยนะคะ เพราะตนเองเป็นอยุ่วิธีเดียวนี่แหล่ะค่ะ มือใหม่หัดเพาะค่ะ

ก่อน อื่น ยินดีที่ได้ รู้ จัก ครับ คุณ suphap ข้อ มูล น่าสนใจ ดี ครับ ไม่ทราบดื่ม แบบนี้กัน มานานยัง ครับ

เพิ่งทานต่อเนื่องทุกวันได้เข้าสัปดาห์ที่ ๓ ค่ะ แต่ก่อนยังไม่ปลูกเองไม่กล้าทานบ่อย เพราะแพงมากๆๆๆๆ แก้วเท่าที่เห็นราคาตั้ง ๑๐๐ แน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ที่บ้าน ๓ คนทานทุกวันวันละ ๑ แก้ว (ช็อต) ได้ผลทางสุขภาพอย่างไรจะรายงานทีหลังนะคะ เพราะที่บ้านจะมี ๓ ความแตกต่าง คุณพ่อบ้านเป็นคนที่สุขภาพดีมากๆ อายุ ๕๒ แต่ถูกทักประจำว่าอายุ ๓๐ กว่า แม่บ้านคือตัวเองเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง ผอมแห้งแรงน้อย ทานไม่ค่อยเก่ง  ลูกชายเป็นคนกินเก่ง น้ำหนักเกิน แต่เราก็ดูแลตนเองเรื่องอื่นด้วยๆค่ะ  ไม่ได้รอแต่ว่าทานน้ำต้นข้าวสาลีอ่อนคั้นอย่างเดียว

รสชาติเป็นยังไงครับ...ไม่เคยทาน..แล้วทานแบบเขียวๆคั้นสดๆเลยหรือครับ..

 

เคยดื่มน้ำคั้นจากใบย่านางไหมคะ จะไม่มีรสชาดเลยแล้วกลิ่นก็แรงใช่ไหมคะ แต่น้ำคั้นจากเมล็ดข้าวสาลีจะมีรสหวาน ทานแบบคั้นสดๆ เลยค่ะถึงได้ปย เต็มที่ ลองดูประโยชน์ที่ลูกชายก็อปปีมาจากเว็บ goodhealthนะคะ แทรกเพิ่มเข้ามาเพราะเห็นว่าหลายท่านยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ตอนนี้มีคนทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายอย่าง เช่น ขายเมล็ดพันธุ์ ชุดเพาะ รับเพาะส่งตามบ้าน คั้นน้ำสดที่ห้างดังๆหรือส่งตามบ้าน  มีหนังสือเฉพาะเรื่องนี้ออกมาด้วยหนาเป็นร้อยหน้า  ลองอ่านปยดูก่อนนะคะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าน่าจะลองเพาะดูไหม

หน้า