ขอเสนอเมนู ไข่น้ำ ผำ
เจอที่ตลาดเป็นพลาดไม่ได้ เอาวีดีโอการทำแกงไข่น้ำมาให้ดูด้วย
ไข่ผำ
"ผำ" ผักพื้นบ้าน นิยมนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานกันมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ โดย "ผำ" มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป ลักษณะเป็นสีเขียวขนาดเล็ก กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ ชาวชนบทถ้าพบขึ้นบริเวณไหน จะใช้สวิงช้อนขึ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วใช้เป็นส่วนผสมของแกงอ่อมใส่ปลาเนื้ออ่อน แกงไก่ แกงเนื้อรวมกับผักชนิดอื่นๆ รสชาติมันอร่อยมาก บางคนใช้ตำ กินสดๆคล้ายส้มตำมะละกอ หรือใส่ต้มยำทุกชนิด มีผู้นำไปใส่ไข่เจียวหมูสับ เพิ่มรสชาติได้เด็ดขาดมาก โดยเฉพาะรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆสุดยอดจริงๆ
ผำ มีสารอาหารเยอะ ผำ 100 กรัม ให้พลังงาน 8 กิโลแคลอรี่ เยื่อใย 0.3 กรัม ให้แคลเซี่ยม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 66 มิลลิกรัม และยังมีวิตามิน A B C ไนอาซีน ผำจึงมีคุณค่าและให้สารอาหารสูง
ผำ Wolffia Globos HARTOG&PLAS มีลักษณะเป็นไม้น้ำ ใบเป็นก้อนกลมสีเขียวลอยอยู่เหนือผิวน้ำ มีขนาดของต้นรวมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-02. มม.ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ดูเผินๆคล้ายไข่ปลา แต่เป็นสีเขียวจำนวนแสนหรือล้านต้น ลอยกระจายคลุมผิวน้ำที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งเต็มไปหมด ผำขยายพันธุ์ตามธรรมชาติและเพิ่มปริมาณเอง โดยในช่วงฤดูฝนจะขยายพันธุ์ได้มาก "ผำ" จัดเป็นอาหารชั้นต้นของห่วงโซ่อาหาร มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก คือ ไข่น้ำ (กลาง), ไข่ผำ (อีสาน) และไข่แหน (ทั่วไป) การปลูกก็แค่นำต้น โดยเอามือขยุ้มไปปล่อยในน้ำนิ่งจะกระจายพันธุ์ในเวลาไม่ช้า ปลูกในอ่างบัวหรืออ่างดินมีน้ำสะอาดๆ สามารถช้อนขึ้นไปปรุงเป็นอาหารได้
ไข่แหน (Water Meal, Swamp Algae) (รู้กันกันในชื่อ ไข่น้ำ, ไข่ขำ และ ผำ)
ไข่แหน (Water Meal, Swamp Algae) (รู้กันกันในชื่อ ไข่น้ำ, ไข่ขำ และ ผำ) เป็นชื่อของพืชชนิดหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ อาจลอยอยู่เป็นกลุ่มล้วนๆหรือลอยปนกับพืชชนิดอื่นๆ เช่น แหน, แหนแดง ก็ได้ ไข่แหนเป็นพืชมีดอกที่มีขนาดเล็กที่สุด อยู่ในวงศ์ Lemnaceae สกุล Wolffia และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Wolffia globosa คนไทยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า ผำ
การกระจายพันธุ์
ไข่แหนกระจายอยู่ในประเทศต่างๆในทวีปยุโรป ในทวีปแอฟริกากลางและใต้ ในเกาะมาดากัสการ์และในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะบริเวณเขตศูนย์สูตรใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังพบในประเทศบราซิล ประเทศอินโดนีเซีย และ ประเทศออสเตรเลีย ด้วย
ลักษณะ
ไข่แหนมีรูปร่างรีๆค่อนข้างกลม มีขนาดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร แต่ละต้นมีสีเขียว ไม่มีราก ไม่มีใบ ต้นประกอบด้วยเซลล์ชนิดพาเรงคิมาเป็นส่วนใหญ่ มีช่องอากาศแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ ทำให้เห็นเป็นฟองน้ำ และช่วยให้มีการลอยตัวอยู่ในน้ำได้ ไม่มีเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่นำน้ำและอาหาร มีช่องให้อากาศเข้าออกได้อยู่ทางบนของต้น
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ ผำเป็นพืชน้ำ คล้ายตะไคร่น้ำ รูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็กๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.2 มม. มีสีเขียวลอยอยู่บริเวณผิวน้ำเป็นแพ มักเกิดในธรรมชาติที่น้ำใส นิ่ง เช่น บึง หนองน้ำ เป็นต้น
การขยายพันธุ์
ไข่แหนมี 2 แบบ ได้แก่
1. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เนื่องจากไข่แหนเป็นพืชมีดอกขนาดเล็กที่สุด ดอกของไข่แหนจะเจริญเติบโตออกทางช่องข้างบนของต้น ดอกไม่มีกลีบดอก และไม่มีกลีบเลี้ยง ดอกตัวผู้จะมีเกสรตัวผู้ 1 อัน ประกอบด้วยอับละอองเรณู 2 อับ ดอกตัวมีรังไข่ที่มี 1 ช่องและมีไข่อยู่ 1 ใบ ก้านเกสรตัวเมียสั้น ยอดเกสรตัวเมียมีลักษณะแบน เมล็ดมีขนาดเล็ก กลมเกลี้ยง ยังไม่ปรากฏว่ามีไข่แหนมีดอกในประเทศไทย มีแต่รายงานการพบเห็นในประเทศอื่น ไข่แหนจะมีดอกและเมล็ดในราวๆเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม
2. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหน่อ ซึ่งมีผู้ทำการศึกษาการเจริญเติบโตแล้ว
พบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ไข่แหนแต่ละต้นจะแตกหน่อให้ต้นใหม่ทุกๆ 5 วัน
ประโยชน์
ด้านการศึกษา เนื่องจากไข่แหนเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว สามารถนำมาปลูกเลี้ยงไว้ในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ จึงเหมาะแก่การทำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการศึกษา เช่น การศึกษาอิทธิพลของสารที่ควบคุมการขยายพันธุ์ของพืช ด้านโภชนาการ ไข่แหนเป็นอาหารของสัตว์น้ำและสัตว์ปีกหลายชนิด นอกจากนี้ คนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ยังได้นำไข่แหนมาประกอบเป็นอาหาร ไข่แหนมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร จึงต้องนำไข่แหนมาทำให้สุกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ ไข่แหนยังมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมากอีกด้วย
ด้านโภชนาการ ผำหรือไข่แหน เป็นอาหารของสัตว์น้ำและสัตว์ปีกหลายชนิด นอกจากนี้ ไข่แหนยังมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมาก คนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ยังได้นำผำหรือไข่แหนมาประกอบเป็นอาหารอีกด้วย ผำหรือไข่แหนมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร จึงต้องนำผำหรือไข่แหนมาทำให้สุกก่อนรับประทาน
ผำสามารถสะสมแคดเมียมได้ สะสม 80.65 mg/g [1]จึงมีประโยชน์ในการใช้ฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนแคดเมียม
ไข่น้ำที่นำแต่ละที่มีคุณค่าทางอาหารไม่เท่ากัน เนื่องจากเพาะเลี้ยงไม่เหมือนกัน ไข่น้ำมีสารอาหารเยอะ ไข่น้ำหรือผำ 100 กรัม ให้พลังงาน 8 กิโลแคลอรี่ เยื่อใย 0.3 กรัม ให้แคลเซี่ยม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 66 มิลลิกรัม และยังมีวิตามิน A B C ไนอาซีน ผำจึงมีคุณค่าและให้สารอาหารสูงและมีเบต้าแคโรทีนสูงมากอีกด้วย ไข่น้ำสามารถนำมาเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารปลากินพืช และอาหารสัตว์ปีกได้ แถมเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาประกอบทำเป็นอาหารในครัวเรือนได้ดีอีก
การเพาะเลี้ยงไข่น้ำหรือไข่ผำในบ่อพลาสติก
1. ขุดบ่อให้ลึก 80 เซนติเมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 6 เมตร นำพลาสติกมาปูในบ่อเหมือนบ่อเลี้ยงปลาพลาสติกทั่ว ๆ ไป
2. นำต้นกล้วยสดมาทิ้งไว้ในบ่อ 2 ต้น และปุ๋ยหมักหรือมูลวัวหรือมูลสัตว์แห้ง 24 กิโลกรัมโรย ๆ น้ำหมักจุลินทรีย์ 0.7 ลิตร และฟางแห้งเล็กน้อย แล้วปล่อยน้ำเข้าให้เต็มบ่อ
3. นำต้นไข่น้ำ(ผำ)หรือเชื้อไข่น้ำมาลง ประมาณ 5 - 7 วัน ไข่น้ำก็เจริญเติบโต ไข่น้ำที่เลี้ยงไว้ในบ่อ จะขยายพันธ์ได้เรื่อย ๆ โดยการให้ปุ๋ยชีวภาพ น้ำจุลินทรีย์ ทุกอาทิตย์ และเติมน้ำให้เต็มปากบ่ออยู่เสมอ
การเก็บไข่น้ำสามารถทำได้โดยเอาภาชนะที่สานจากไม้ไผ่หรือฝาคลุมกับข้าวทรงกลมกว้างประมาณศอกกว่า ๆ แบบสานห่างมีรูประมาณเล็กกว่าหัวเข็มหมุดนิดหนึ่งมา แล้วนำผ้าที่เย็บเป็นทรงกลมมาผูกใส่ก้นภาชนะไม้ไผ่ที่ว่า และมัดตรงปลายผ้า แล้วนำไปตักไข่น้ำ ก็จะได้แต่ไข่น้ำ เพราะสิ่งสกปรกอย่างอื่นลอดเข้าไปในรูไม่ได้ เมื่อตักไข่น้ำแล้วก็แก้มัดตรงจุกไข่น้ำก็จะมารวม ๆ กัน แล้วนำไปทำความสะอาด หนึ่งถึงสองน้ำก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้
- บล็อกของ พ่อน้องออม
- อ่าน 12260 ครั้ง
ความเห็น
พ่อน้องออม
19 พฤษภาคม, 2011 - 14:39
Permalink
ลองทำกินนะพี่เสิน
ผมเอาวีดีโอมาให้ดูด้วยวิธีการแกง ไข่น้ำ :info:
EAKAPONG_36@hotmail.com Tel 087 959 9004
จารึก จันทร์เกตุ
19 พฤษภาคม, 2011 - 14:58
Permalink
lookoomoom
ยายเฒ่า..เคยแกงให้กิน ใส่น้ำย่านางครับ ใส่ผักรวมมิตร
อร่อยดีครับ มันๆ
"จะปลูกทุกอย่างที่กิน จะกินทุกอย่างที่ปลูก"
พ่อน้องออม
19 พฤษภาคม, 2011 - 15:00
Permalink
ครับพี่จารึก
แม่ทำให้กินติดใจเลยครับ :embarrassed:
EAKAPONG_36@hotmail.com Tel 087 959 9004
อัญชณา
19 พฤษภาคม, 2011 - 15:02
Permalink
ไข่ผำ
เคยกิน...แต่จำไม่ได้แล้วว่าเคยกินที่ไหน...แซบอีหลีค่ะ...อีกอย่างทีชอบก็คือลาบเทา (สาหร่ายเขียวๆ)
ย่าวรรณ
19 พฤษภาคม, 2011 - 16:49
Permalink
ไม่เคยกิน
แต่เคยเห็นเขาขายในตลาดไม่รู้ว่าใช่ไหม
นาย
19 พฤษภาคม, 2011 - 18:32
Permalink
ที่บ้าน
นายเขาจะเอามาผัดก็อร่อยดี
ขออภัยและขอบคุณค่ะ
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
19 พฤษภาคม, 2011 - 19:19
Permalink
อร่อยดี
เคยซื้อมาจากตลาดปากช่องค่ะ เอามาผัดใส่หมู ใส่ใบส้มซ่า อร่อยดี
แต่ไว้ค้างคืนไม่ได้นะคะ ต้องทานให้หมดค่ะ
Tui
20 พฤษภาคม, 2011 - 08:58
Permalink
น่าทานมากครับ
น่าทานมากครับ ไม่เคยทานเลยครับ
หน้า