ความรู้ ที่เรียนไม่จบ จากโครงการ "ของขวัญ จากก้อนดิน"

หมวดหมู่ของบล็อก: 

อีกหนึ่งประสบการณ์ ในบ้านสวนพอเพียง....


เข้ามาวิ่งเล่นที่นี่ยังไม่ถึงปี มีโอกาสพบปะพี่น้องแบบเป็นงานเป็นการถึงสองครั้งสองครา   ซึ่งถือว่าโชคดีค่ะมากที่ได้ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวบ้านสวนฯอย่างเช่นครั้งนี้ที่พวกเราไปช่วย ‘ลงแรง’   ปลูกต้นไม้กันที่สวนพี่หยอย ภายใต้โครงการ ‘ของขวัญจากก้อนดิน’   ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณ น้องวิทย์มากนะคะ  ที่เป็นเจ้าของไอเดียนี้  ทำให้พี่น้องบ้านสวนฯ ได้มาพบกันและทำกิจกรรมร่วมกันอีก

  

ซึ่งในแต่ละครั้งก็ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน    แต่ไม่ว่าจะเหมือนหรือต่างกันแค่ไหน สิ่งที่รู้สึกได้เหมือนกันคือความปรารถนาใคร่เจอกันของพี่น้องที่นี่   ถึงแม้ว่าบางท่านเราอาจจะเคยเจอกันแล้วแต่ก็เฝ้ารอวันเวลาที่จะได้เจอกันอีก   


แล้วยิ่งถ้าเป็นการพบเจอกันครั้งแรกละ   อย่างครั้งนี้หมวยเล็กมีโอกาสต้อนรับสาวสวย ตาคมเข้ม ผมดำมันสลวย  ซึ่งมาพร้อมกับโชเฟอร์สุดหล่อ (ซึ่งพูดน้อยมาก  แต่หนักไปทางใช้มือจนเมื่อยยยยยย !! )    และประติมากรรมน้อยๆที่เกิดจากสายใยรักของทั้งสองที่ช่วยถักทอจนมีสร้อยทองคล้องใจคือน้อง ชีร่า (ไม่ใช่ “เชอร่า”  ไม้กันปลวกนะ อ่านดีๆ )  เด็กน้อยอารมณ์ดีซึ่งไม่งอแงสักนิดกับอากาศที่ร้อนกลางทุ่งนา  หรืออาจจะเย็นใจเพราะได้ชิมเฉาก๊วยรสเด็ดของพี่หมวยเล็กจนเย็นชื่นใจก็เป็นไปได้นะ  อิอิ

ของที่ระลึกจากภูเก๊ตค่ะ 


เรื่องบรรยากาศการพบปะกันคงไม่ต้องเล่านะคะ  เพราะดูจากรูปก็สื่อได้ทั้งหมดแล้วค่ะ  ยังคงมีบรรยากาศช่วงเย็นที่ยังไม่มีรูปให้ดู เป็นตอนที่เราไปทานข้าวกันที่ทะเลน้อย และพักค้างแรมที่นั่น  ซึ่งน้องติ๊ก และน้องพาได้ขอตัวกลับไปก่อน 

โอกาสหน้าขอเชิญนายหัวรุณและครอบครัวน้องติ๊กมาค้างนะคะ  ที่พักสะอาด สะดวก ห้องน้ำโอเค  มีเครื่องทำน้ำอุ่นและเป็นส่วนตัวดีมากค่ะ

คืนนั้นที่ทะเลน้อย  เรานอนกันไม่ดึกค่ะแต่เป็นเช้าของวันถัดมาเอ๊ง!  

  

คนที่ค้างทีทะเลน้อย ก็มีสาวๆ 6 กับ 2 หนุ่มค่ะ   พอตกดึก  โกโก้ ก็นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นไปนานแล้ว   ยังคงมีแต่แม่ๆและป้าๆที่เวียนกันเล่าโน่น เล่านี่  จนโกโก้ตื่นมาแล้วสอง สามรอบ  วงสนทนาก็ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา สุดท้ายทนไม่ไหวก็มีคนสลบคาวงเม้าท์เนื่องจากขุดดินมาเหนื่อย   จนเข็ดไปเหม็ด!


อีกหนึ่งหนุ่มที่อยู่กับเราทั้งคืนก็เป็นไข่ในหินของ ป๊า กับ ม๊า เช่นกันค่ะ     กว่าจะเกลี้ยกล่อมขออนุญาตพ่อกับ แม่ที่นาโยงยอมให้นอนค้างอ้างแรมกับเราได้สำเร็จ   พี่หยอยก็หมดน้ำลายไปหลายปี๊บ  อาจจะเป็นไปได้ว่าพ่อตกปากรับคำเพราะ เริ่ม มึน งงกับคำหว่านล้อมแบบมัดมือชกของพี่หยอยก็ได้  555


ส่วนเรื่องที่ว่าคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รอให้สมาชิกที่ไม่หลับมาเล่าดีกว่านะคะ   เพราะหมวยเล็กแอบซุกน้องโกโก้ หลับๆตื่นๆอยู่ที่มุมเตียงอีกด้าน  เพราะพูดไม่ทันพี่เล็ก  แต่หูจับทุกประเด็นนะคะ 


ส่วนอีกหนุ่มหนึ่งที่นั่งชันเข่า เชยคางนั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยม (เพราะไม่มีจังหวะแทรกเหมือนกัน) อยู่ตรงมุมห้องอีกด้านหนึ่งนั้น  ไม่ทราบว่า พ่อ แม่ เรียกค่าเสียหายเท่าไหร่จ๊ะ   พี่ๆจะได้ลงขันไปขอสู่ขอจ้า 


ช่วงเช้า เพื่อนที่มาก่อนก็คือทีมจากตรัง นำโดยผู้ใหญ่ฯ น้องต๊อก และ พี่ชายน้องต๊อก   ส่วนพี่โจ มานอนค้างตั้งแต่คืนก่อนแล้ว 

ท่านต่อมาคือพี่หลวงอติศัย  งานนี้ควงคู่กับมาดามคนสวย    ทั้งสองเหมาะสมกันมากค่ะ  นี่ถ้าได้ไปพายเรือคยัคกันที่หนานมดแดงรับประกันได้ว่า เรือลำนี้สมดุลดีมากค่ะ   หัวก็ไม่เชิด ท้ายก็ไม่จมเหมือนคู่พี่แจ้ว  (ขอโทษนะคะพี่อู๊ด ที่พาดพิง งุงิ  งุงิ !)

พี่หลวงได้ไรไปมั่ง  ดูเอาเอง


ในระหว่างที่กำลังก้มๆเงยๆ ขุดๆ ปลูกๆ อยู่นั้น   พี่หลวงก็ยกย่ามคู่กายหมวยเล็กขึ้นมา พร้อมทั้งตะโกนถามว่า อันนี้ของใคร ? เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังเรียกอยู่นานแล้ว 


น้องบุญพามาแล้วค่ะ    แต่หาทางเข้าไม่เจอ  หมวยเล็กก็พาหุ่นสวยๆ อ้วนๆ ออกไปยืนโชว์ที่ปากทางเข้าเพื่อโบกมือให้ Mr. Matz  เลี้ยวเข้าช่องทางได้ถูกต้อง 


ขาออกไปวิ่งออกไปค่ะ   ส่วนขาเข้าหมวยเล็กเปิดประตูตอนหลังได้ ก็กระโดดขึ้นไปหวังจะเบียดน้องพากลับมาสวนด้วย    แต่ไหงจ๊ะเอ๋กับหนุ่มหล่อแทนละเนี่ยะ


   อ้าวววว   ตาน้องนนท์มาเป็นบอดี้การ์ดให้พี่พาตามคำสั่งนายหัวรุณหรือเปล่าจ๊ะ ?


ทีมช่วงเช้ากลับมา ‘ขึ้นเที่ยง’  ที่บ้านพี่หยอค่ะ    ในระหว่างที่กำลังเคี้ยวข้าวยำอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นก็แทบวางจานข้าวยำไม่ทัน เพราะเห็นรถกระบะแบบในค่ายทหารสีดำอีกคันหนึ่ง เลี้ยวเข้ามาจอดตรงลานบ้าน     ใช่แล้ว เสียงหวานๆใสแจ๋วแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากพี่เก้  พี่สาวคนสวย อารมณ์ดีตลอดกาลของเรานั่นเอง   

พี่สาวคนสวยของเรา   ยังร่าเริง เสียงหวานยิ้มหวานเสมอ แม้จะอดนอนมาตลอดทั้งคืน เพราะต้องเตรียม หมรับ เดือนสิบ  และตื่นตีสี่  มาทอดขนมมัน เอามฝากพวกเรา


พี่เก้ มาพร้อมพี่เสิน พี่แก่ น้องจา  และๆๆๆๆๆ    ใครเอ่ย  ........... ลูกสาวน้องจาค่ะ    เป็นคู่พ่อลุกที่น่ารักที่สุด    จนใครๆยกให้เป็นขวัญใจประจำทริปไปแบบไม่มีเงื่อนไขค่ะ

พ่อจาๆ    เดินเร็วๆตะ  หนูจะรีบไปปลูกต้นไม้


พี่เก้มาทันเวลาอาหารเที่ยงพอดีค่ะ    หลังจากทานข้าวและมอบของขวัญของฝากกันแล้ว ก็ได้เวลากลับไปที่สวนอีกครั้ง เนื่องจากต้นไม้ที่ทีมปัตตานีเอามาฝากพี่หยอยยังรอเราปลูกอยู่เต็มท้ายรถกะบะค่ะ


 ที่บอกว่าเป็น “อีกหนึ่งประสบการณ์” นั้นก็คือทักษะการปลูกต้นไม้ค่ะ   


กลับเข้าสวนบ่ายนี้ต่างก็แยกย้ายกันปลุก  ขุด หว่านปอเทือง และน้องนนท์ กับ น้องใจ ก็เป็นกองหนุนสุดท้ายในการตักน้ำรดในหลุมที่พวกเราปลูกไปแล้วซึ่งคิดว่าเกินสามร้อยหลุม

ระหว่างที่ขุดหลุมและหลูกต้นไม้  ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะค่ะ   อย่างเช่นตอนปลูกส้มโอของน้องติ๊ก   ก็รู้ว่า ต้องแกะพลาสติกออกก่อน และต้องเอาไม้ค้ำด้วย   ซึ่งตรงนี้ผู้ใหญ่ฯบอกว่า “ต้องเอาไม้มาคลอ”   อืม..คงเป็นการ “คลอ” ให้ต้นส้มโอโตก่อน จะได้ไม่โดนลมพัดจนรากโยกไปมาในระหว่างที่เพิ่งปลูก

อีกทักษะหนึ่งที่ได้จากผู้ใหญ่ฯก็คือ  การวัดความห่างระหว่างหลุมปลูกค่ะ     ซึ่งปกติเราจะขุดก็ขุดเลยไม่ได้กะระยะ  แถวของเราก็เลยเอนไปเอนมา    แต่ชาวสวนยางเขาปลูกยางเป็นแถวตรงเขาคงต้องวัดระยะด้วยด้ามจอบแบบที่ผู้ใหญ่ฯทำให้ดูก็ได้นะ  แถวของเขาจึงตรงแหน๋ว 


ช่วงจัดแถวปลุกนี้ก็สังเกตจากที่พี่แก่ขุดหลุมให้ค่ะ   ด้วยความที่เป็นทหารจัดแถวอยู่เป็นประจำ   แถวต้นหมากทั้ง 15 ต้น ของพี่แก่  ก็เข้าแถวกันเป็นระเบียบดีมาก เรียกว่าถ้าต้นไหนแตกแถว คงไม่แคล้วโดนสั่งขังลืมในคุกขี้ไก่เป็นแน่ !!


แต่เป็นอันว่างานนี้หมวยเล็กรอดตัวค่ะ  ไม่ต้องกลัวถูกสั่งขัง เพราะท่านรองฯ  ลงมือขุดเอง จัดแถวเอง   หนูเพียงแค่เอาต้นไม้ลงหลุมเท่านั้นเอง   


พี่แก่แข็งแรงมากค่ะ   ขุดต่อเนื่องสิบห้าหลุมไม่มีหยุดพัก    บอกแต่เพียงว่า เรามีหน้าที่เอาต้นกล้าลงดิน เพราะถ้าเราไม่ปลูก ต่อไปก็จะไม่มีต้นไม้  อย่างนี้แล้วเราก็อบอุ่นใจนอนตาหลับทุกคืนใช่ไหมคะ  เพราะเรามีรั้วของชาติที่เข็มแข็งและไม่มีวันผุพังเช่นนี้นี่เอง  

จะไปไหนกันเนี่ย  555


บนร่องสวนแต่ละแถวของพี่หยอยต่อจากนี้ไปอีกสามปี    หน่ออ่อนของต้นไม้เหล่านี้จะชูช่อ ยืนต้นเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่หยอยยืนหยัดเดินไปข้างหน้าต่อไปนะคะ 


แถวที่หมวยเล็กปลูกจะเป็นสวนผสมผสานระหว่างต้นไม้ อายุสั้นกับไม้อายุยืนยาว เช่น ปลุกหมากไป 15 ต้น   มันสำปะหลัง 10 หลุม  กฤษณา ต้นหว้า ตะเคียนทอง ต้นท้อ สะเดา มะม่วงเบา  ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของฝากจากปัตตานีค่ะ   ทั้งขนเอามา และทั้งมาปลูกให้ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เจ้าภาพปลื้มได้ไงคะ


อีกหนึ่งประทับใจคือ หลานจิง ลูกพ่อจาค่ะ  ภาพทั้งหมดที่ได้เห็นคงบรรยายได้หมดแล้วนะคะ  แต่สิ่งที่จะบอกก็คือ หลานจิงปลูกต้นไม้เก่งกว่าหมวยเล็กอีกค่ะ   ก็ดูสิคะ พ่อจาทำอะไร หลานจิงก็ทำอย่างนั้น


ไม้มะฮกกานี และต้นศรีตรัง ของฝากจากผู้ใหญ่ฯ เป็นต้นกล้าเล็กๆที่หมวยเล็กได้ปลูกกับหลานจิงหลายต้นค่ะ โดยที่พ่อจาเป็นคนขุด และสอนให้หลานจิงฉีกถุงกล้าก่อนลงปลูก  แต่ด้วยความที่ถุงดำเหนียวมาก   เห็นหลานใช้พลังสุดความสามารถแล้วก็ยังฉีกไม่ขาด หมวยเล็กกับหลานจิง จึงช่วยกันค่ะ   แล้วจึงค่อยๆประคองลงในหลุมซึ่งหมวยเล็กได้เรียนรู้พร้อมๆกับหลานจิงไปด้วย  


มะฮอกกานีอีกต้นที่หมวยเล็ก ได้ปลูกร่วมกับพี่เสินและพี่เก้ ค่ะ   ในระหว่างนั้นพี่เสินก็ปลูกไป สอนไปค่ะ   พี่เสินเห็นท่าทางปลุกต้นไม้ของหมวยเล็กแล้วได้แต่ส่ายหัว และบอกว่า ‘ดูแล้วน้องยังไม่มีทักษะในการปลูกต้นไม้เลยนะ  ทั้งการเอากล้าออกจากถุง และการเอาต้นกล้าลงหลุม”   ดึงกล้าออกจากถุงแต่ละที พี่เสินร้องโอยๆๆๆ    คงจะเจ็บแทนต้นไม้  เพราะจับโดนรากอ่อนแบบไม่ถนอมกันเลย


ซึ่งก็คงจะจริง  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา คิดจะปลูกอะไรก็เอาลงหลุมเลย    ต้นไม้จึงตายมากกว่ารอดไงคะ  555   


พี่เสินแนะนำว่า การที่เราปลูกต้นไม้ต่างอายุกันเหล่านี้ เพื่อที่ว่าจะได้เก็บเกี่ยวทุกช่วงฤดูกาล เช่น มะพร้าวและกล้วย จะได้ผลผลิในปีที่สาม  ส่วนไม้ผลอื่นๆ  จะได้ไนปีที่ ห้า  และไม้ยืนต้นที่ใช้ลำต้นเช่น มะฮอกกานี ตะเคียน และ กฤษณา เป็นพืชอายุยาว ก็จะได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตเหมือนฝากเงินไว้กับธนาคารกินดอก   แต่นี่เราฝากต้นไม้ไว้กับแผ่นดินและได้ผลตอบแทนเป็นป่าไม้  เพื่อเป็นไม้ใหญ่ ฝากไว้เป็นของขวัญสำหรับคนรุ่นหลัง


และมีหลายต้นที่จะเจริญเติบโตไปพร้อมๆกับหลานจิง  เพื่อที่ว่าวันที่หลานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อาจจะได้กลับมาดูต้นไม้ที่หลานปลูกไว้เป็นของขวัญให้กับแผ่นดินนะคะ

 

เช้านี้เอาแค่นี่ก่อนนะคะ   ช่วงนี้กินเจค่ะ  ต้องไปทานข้าวพร้อมๆกับครอบครัว  วันต่อไปจะเอารูปที่ทะเลยน้อย และที่ บ้านยายแคล้วมาให้ดูค่ะ


 

ความเห็น

:cheer3: รอติดตามตอนต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าที่เรินยายแคล้ว กับทะเลน้อยคืนนั้น มีอะไรหนุกหนานกันบ้าง :evil-smile:

สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี

:admire: ประทับใจครับ

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

เขียนเรื่องได้เยี่ยมจ้า อาหมวยเล็ก


 

บล็อกพี่หมวยเล็กอ่านเพลินเลยค่ะ  นึกตามไปด้วยเห็นภาพเหตุการณ์ลอยตรงหน้าเลย......รูปสุดท้ายที่เขียนบอกว่า "หอบอะไร"  ดูคนหอบกับอายุแล้ว  สงสัยจะ "หอบ แฮ่ก ๆ ค่ะ"  :uhuhuh:

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

ตามมาดูบรรยากาศที่สนุกสนาน สามัคคี อบอุ่น  น่ารัก   สมช.บ้านสวนน่ารักทุกคนค่ะ:admire2:

   พออยู่ พอกิน พอใช้ พอใจ = พอเพียง

ชอบบรรยากาศในงานค่ะ  ทั้งอบอุ่น และสนุกสนาน :cheer3:

 

 

   ได้อ่านบล็อกของคุณหมวยแล้วแม้ว่าไม่ได้ไปร่วมงานด้วยก็เหมือนกับได้อยู่่ในเหตุการณ์เช่นกัน เกาะติดสถานะการณ์ตลอด ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟัง และก็อีกอย่างหนึ่งที่ข้องใจตงิด ๆ คือการส่ายหัวของสองเจ๊ ใจแอนด์โจ ฉันไม่เข้าใจ..จาย..

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

พี่ๆๆ โจก็ งง สาวใจ ชวนไปส่ายหัว

กว่าจะรู้ว่าชวนไปแด๊นซ์

555

ตาลายเลยเรา กว่าจะอ่านจบได้ :woa: :woa: :woa: :woa:

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

หน้า