พลิกชีวิตเกษตรกร 1 ไร่ 1 แสน ภาคต่อ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 การมุ่งสู่วิธีเกษตรกรรม

          ส.ต.อ.สมัย สายตาอ่อนตา เกษตรกรวัย 42 ปี อดีตข้าราชการตำรวจขอนแก่น แต่งงานกับนางเบญจมาส สายอ่อนตา   มีบุตรด้วยกัน 2 คนปัจจุบันครอบครัวของ ส.ต.อ.สมัยทำไร่ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกผักสวนครัวต่างๆ อาชีพหลักคือการทำนา โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความรู้ในเรื่องเกษตรแม้แต่น้อย หลังออกจากราชการตำรวจ ส.ต.อ.สมัย ได้เรียนรู้และเข้ารับการอบรมเรื่องการทำเกษตรในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเป็นสมาชิกเครือข่ายเกษตรไทย ในการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ในตอนนั้นความรู้เรื่องปุ๋ยที่ได้รับยังไม่เต็มสูตรเท่าใดนัก ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าที่ควร

          ต่อมา เมื่อส.ต.อ.สมัยรับทราบโครงการ”ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท”ยิ่งเป็นการจุดประกายความคิด และจุดประกายชีวิตให้สว่างไสวยิ่งขึ้น เนื่องจากเดิมที่มีความรู้ในเรื่องเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว ก็ทำให้ส.ต.อ.สมัยได้รับความรู้เพิ่มพูนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องปุ๋ย ทำให้รู้เทคนิคการทำปุ๋ยให้ถูกต้อง เนื่องจากความรู้ของปุ๋ยถ้าหมักไม่ถูกต้องก็ไม่มีประโยชน์ ความรู้ทั้งหลายที่ได้รับจากโครงการฯ นี้ทำครอบครัวของส.ต.อ.สมัยและชาวหนองแต้ยิ้มได้

          ส.ต.อ.สมัยได้ทำนาอินทรีย์แบบเต็มรูปแบบไม่พึ่งพาปุ๋ยเคมี ไม่พึ่งพายาฆ่าแมลง โดยพยายามให้ธรรมชาติ  ช่วยบำบัดรักษาธรรมชาติแบบพึ่งพาซึ่งกันแหละกัน ยิงได้เข้าร่วมโครงดารฯ แล้ว ทำให้มองเห็นภาพการทำงาน  มองเห็นเป้าหมายของการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนมากขึ้น

          ปัจจุบัน ส.ต.อ.สมัยมีพื้นที่ทำนาอยู่ 4 แปลง แปลงที่เข้าร่วมโครงการฯได้ปลูกพริก ตะไคร้ ผักคันจอง เลี้ยงปลาดุก จำนวน 5,000 ตัว การทำนา จะทำนาปีและนาปรัง

         “การทำนานั้น เราจะทำนาบุญหรือนาบาป การที่จะทำบุญต้องอยู่กับธรรมชาติ คือ คนต้องเลี้ยงจุลินทรีย์ เพื่อ

ให้จุลินทรีย์เลี้ยงดิน แล้วดินก็จะไปเลี้ยงพืชเลี้ยงสัตว์ สุดท้าย พืชและสัตว์ก็จะมาเลี้ยงตัวเรา แต่ตรงกันข้าม การที่เรา

ใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง เผาหญ้าหรือตอซังข้าว เมื่อเราเริ่มต้นด้วยการฆ่า แล้วเราจะหวังผลผลิตจากไร่

นาของเราเล่า นั่นแหละคือนาบาป”


ปัญหาและอุปสักในการทำการเกษตร

                การทำการเกษตรส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหาเรื่องราคาผลผลิตที่ตกต่ำเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องประสบ ส่งผลให้รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น  แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ทำให้ความมุ่งมั่นในการทำด้านการเกษตรของ ส.ต.อ สมัยต้องหยุดชะงักลง ส.ต.อ.สมัยได้พยายามหาทางแก้ไขอย่างต่อเนื่องตามเหตุการณ์และโอกาส ซึ่งวิธีแก้ไขเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำเรื่องข้าวนั้นจะใช้วิธสอบถามความเคลื่อนไหวจากทางโรงสีต่างๆว่าพันธุ์ชนิดไหนราคาสูง

              แต่สิ่งหนึ่งที่ ส.ต.อ.ทำการเกษตรไม่เหมือนชาวบ้านนั้นก็คือ ในพื้นที่จะไม่ปลูกข้าวพันธ์เดียว จะปลูกหลายๆสายพันธุ์ เช่น กข.6, ข้าวเหนียวดำ,หอมมะลิ 105,ข้าวหอมมะลิแดง, ซึ่งจะขายข้าวเปลือกเฉพาะนาปรังเท่านั้นนอกเหนือจากนั้นจะขายเป็นข้าวสารโดยภรรยาของ ส.ต.อ.สมัยจะนำไปขายที่โรงพยาบาลและลูกค้าทั่วไป ซึ่งการแปรรูปข้าวเป็นข้าวกล้องนั้นทำให้ราคาสูง

       ส่วนปัญหาเรื่องปัจจัยการผลิตนั้นเช่นเรื่องปุ๋ยส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหาเพราะมีวัวอยู่ 18 ตัว นำมูลวัวมาผมกับเศษหญ้าใบไม้หมักทำปุ๋ยเพื่อทดแทนการชื้อปุ๋ย

 ทัศนคติต่อโครงการ

         ส.ต.อ.สมัยรูจักโครงการฯนี้โยการแนะนำจากอาจารย์เสถียร ทองสวัสดิ์  โดยทางหอการค้าโดยคุณดุสิต นนทะนาคร ร่วมกับวิทยาลัยหอการไทย และหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เป็นเจ้าภาพโครงการนี้โดยมีอาจารย์อดิศรพวงชมพู มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการทำปุ๋ย การจัดการพื้นที่นา การใช้ประโยชน์จากพื้นที่โดยการทำนารูปแบบผสมผสานซึ่งเป็นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ยึดเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางปฏิบัติ

       เมื่อได้รับการแนะนำแล้วทำให้ ส.ต.อ.สมัยมีความหวังในอนาคตตนเองและชุมชนเป็นอย่างมาก เหตุเพราะว่าเป็นเป้าหมายแห่งการอยู่รอดของเกษตรกรอย่างแท้จริง ที่จะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลลิตในด้านต่างๆมองเห็นงานหรือกิจกรรมของทางกลุ่มปุ๋ย ที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน มองเห็นขบวนการการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความสามัคคีเกลื้อกูลซึ่งกันและกัน

เริ่มเข้าโครงการฯ

           เริ่มเข้าโครงการนี้ในเดือน มิถุนายน 2553 ทำให้ ส.ต.อ.สมัยเห็นว่าการทำการเกษตรแบบใช้ธรรมชาติบำบัดและดูแลธรรมชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในภาวะแวดล้อมอย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นการสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติให้คงอยู่อย่างถาวร และทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรักษาสภาพแวดล้อมนี้ไว้

           จากาการเข้าร่วมโครงการฯความคาดหวังอย่างน้อยทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้และได้รับองค์ความรู้เพิ่มเติมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการปรับแนวคิดและกระบวนการในการบริหารจัดการในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเองได้เรียนรู้และรู้จักการวางแผนในการทำงานของตนเอง ไม่ใช่เพียงแต่การทำเกษตรเท่านั้น ยังได้นำไปปรับประยุกต์ในการใช้ชีวิตประจำวันของตนเองอีกด้วย

              โครงการฯนี้ ประเด็นอยู่ที่เทคโนโลยีสมัยใหม่คือ เทคโนโลยีสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน ที่เราใช้มาทำปุ๋ยเรียกว่า สรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน  ตัวนี้เป็นตัวที่ขยายโอกาสให้เกษตรได้รับอะไรใหม่ๆ เพราะถ้าเราใช้สรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน เราใส่ปุ๋ยตัวนี้เข้าไป สรรพสิ่งต่างๆมักจะขึ้นมา  จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ ต่างๆก็จะเกิดขึ้นเองอีกมากมาย พื้นดินจากที่เราเคยใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมีต่างๆมันก็จะหายไป ทำให้ความสมบูรณ์ชุ่มชื่นของดินกลับ คืนมา ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานที่ว่า 1:4 ส่วน คือ คนเลี้ยงจุลินทรีย์ จุลินทรีย์เลี้ยงคน ดินเลี้ยงพืชและสัตว์พืชและสัตว์ก็เลี้ยงคน มันเป็นวัฏจักรอยู่ตรงนี้ นี่เหละคือสิ่งที่เราได้แม่โพสพขึ้นมาจากข้าว

                จากที่เราต้องอาศัยสารเคมีต่างๆ  เพื่อที่จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น  แต่ต้อนเราหดหายไป แต่เราใช้สรรพสิ่ง อะตอมมิคนาโน  ก็จะเป็นการเพิ่มคืนความสมดุลของธรรมชาติได้แม่โพสพขึ้นมา  ถ้าเราคิดได้ตรงนี้  เราก็จะได้ขวัญกำลังใจขึ้นมาจากแม่ธรณี  แม่คงคา  แม่โพสพ  ส่วนด้านรายได้นั้น  ได้เกินหรือไม่ถึงเป็นสิ่งที่ประการดี  เป็นสิ่งที่เกษตรกรได้รับโอกาสทดลองทำในครั้งนี้  แม้เกษตรกรบางรายอาจจะได้ไม่ถึงตามเป้าหมายที่วางไว้  แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าใดนัก

                “อย่างน้อยเกษตรกรได้ขวัญของแม่ทั้งสามกลับคืนมา  คือ ขวัญแม่พระธรณี ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์  ขวัญแม่พระคงคาทำให้น้ำใส เกิดอาหารโดยธรรมชาติเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และขวัญของแม่โพสพ  ที่ทำให้ข้าวงามอุดมสมบูรณ์  เมล็ดเต่ง  ทำให้รู้ถึงคุณค่าของข้าวไม่เพียงแต่เป็นอาหารเท่านั้น และจะต้องเป็นยาควบคู่กันไปด้วย”

 

ขอบพระคุณเรื่องราวดีๆจาก

เรียบเรียงโดย นายชำนาญ ดาษเวช หัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดลำปาง

 

 




ความเห็น

ขอบคุณค่ะ ที่นำข้อมูลดีๆมาฝาก

ในอนาคต อยากมีแบบนี้ :victory: :victory:

อีกไม่นานจะกลับไปอยู่บ้าน ไปอยู่ในท้องไร่ท้องนา......

ขอบคุณที่นำเสนอค่ะ ตอนนี้กำลังก้าวตามไปค่ะ :bye:

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

มีที่ดินเป็นของตัวเองทำได้ดีมากๆ ขึ้นอยู่กับความขยัน และความมุ่งมั่นค่ะ ขอบคุณที่นำมาบอกกล่าวกันว่าค่ะ

เป็นข้อมูลที่ดีครับ

อยากมีบ้าง แต่ไม่มีโอกาส ได้คิดเลยแบบนี้ :crying2:

ดีมาก ๆ เลย

:shy: :shy: :shy:

เดินตามความฝันของตัวเอง

:cheer3: ขอบคุณบทความดีๆที่นำเสนอจ้า :cheer3:

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

:cute: :hell-yes: :happy: