น้ำตกที่ถูกลืม..

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ก่อนปีใหม่ผมออกพื้นที่ในเขตอำเภอศรีเมืองใหม่..ทางเจ้าหน้าที่อบต.หนามแท่งชวนไปดูหมู่บ้านในเขตรับผิดชอบ..ซึ่งหมู่บ้านนี้ไม่มีในแผนที่ประเทศไทย..เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม..และชวนไปดูน้ำตกที่ไม่ค่อยมีใครรู้..ยกเว้นคนในพื้นที่..ทางไปค่อยข้างลำบาก..ขึ้นลงทางชัน..วันนั้นตั้งใจไปสำรวจน้ำตกกันก่อนเพราะข้อจำกัดทางด้านเวลา..ส่วนหมู่บ้านที่ตกสำรวจทั้งสองหมู่บ้าน..ออกพื้นที่อีกเมื่อไหร่จะเข้ามาดูอีกครั้งเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง..

หลังจากผ่านทางที่อยู่ในเขตอุทยานแล้ว..เข้าหมู่บ้านดงนาที่อยู่ริมแม่น้ำโขง..ก็เดินมารอสมาชิกที่จะพาไปอยู่ริมโขง..เพราะการไปน้ำตกไม่สะดวกที่จะไปทางบก..เพราะต้องเดินบุกป่าประมาณครึ่งวัน..และอาจจะนานกว่านั้น..เพราะต้องขึ้นเขาลงห้วย..มีสิทธิ์หลงทางอีกต่างหาก..สะดวกที่สุดก็ขี่เรือเลาะริมโขง..หรือใครอารมณ์ดีจะว่ายแม่น้ำโขงไปก็ได้..แต่ผมขอตัวไม่เอาด้วย..แหะๆๆ..ที่เห็นลิบๆฝั่งโน้นเป็นประเทศลาวนะครับ..

มากันแล้วครับ..ผู้ที่จะพาไปดูน้ำตก..คนนำทาง..และคนขับเรือยอร์ชนำเที่ยว..อ้าว..เปลี่ยนชุดพร้อมสำหรับไปลุยกันเลย..

หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดประชุมปรึกษาเส้นทางกันอย่างเคร่งเครียด..และยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม..เพราะเอาน้ำแข็งมาน้อย..ฮ่าๆๆๆฮิ้วววว..

หลังจากนั้นก็โซซัดโซเซ..อุ้ย..ไม่ใช่พากันเดินแถวเรียงหนึ่งขึ้นเรือยอร์ชประจำตำแหน่ง..พร้อมจะเดินทาง..ผมไม่รู้ว่าใครว่ายน้ำได้บ้าง..สำหรับผมทั้งกราบทั้งไหว้สบายมาก..แหะๆๆ..ไม่อยากคุยครับลงห้วยลงหนองผมว่ายน้ำแพ้แต่ปลานะครับ..แต่แม่น้ำโขงยังไม่เคยลอง..โฮะๆๆๆ..

ล่องเรือตามลำน้ำโขงเพื่อไปดูน้ำตก..ที่เห็นลิบๆนั้นคือวัดหลวงปู่พรมมา.(แหะๆจำชื่อผิดหรือเปล่าครับพี่แดง)..และเสาปูนที่ฝังในลำน้ำโขง..ตรงร่องน้ำลึกเพื่อแบ่งเขต.ไทย-ลาว..

พี่คนขับเรือยอร์ชใจดี..พาเรือที่ผมนั่งแวะไปดูแก่งกลางแม่น้ำโขง..แดดร้อนแต่พอไปอยู่เกาะกลางแม่น้ำโขง..รู้สึกเย็นมาก..ถ้าเอาผมมาปล่อยให้หาทางกลับเองสงสัยลำบากแน่..เพราะรอบๆแก่งน้ำแรงมาก..

จอดเรือไว้ริมโขงแล้วเดินตามทางน้ำตก..เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้ง..น้ำเหลือไม่มากนัก..แต่แน่ใจได้เลยว่าน้ำสะอาดมาก..เพราะจะมีก็แต่ชาวสวนที่เป็นชาวบ้านในแถบนี้ที่มาอาบน้ำ..หาปูปลา..คนนำทางบอกว่าถ้าช่วงหน้าฝนเสียงน้ำตกจะดังแรงมาก..และน้ำจะไหลลงโขงค่อนข้างจะน่ากลัว.

เดินย้อนเข้าไปในเขตอุทยานตามทางน้ำตกประมาณ 300 เมตร..สมาชิกส่วนหนึ่งไปไม่ไหวนั่งพัก..โอกาสในการมาไม่บ่อยนักผมเลยขอไปสำรวจอีกสักหน่อย..เพราะสมาชิกบอกว่ามีแอ่งน้ำสวยๆเหมาะกับการกางเต้นท์พักแรมมาก..

ถ้าดูตามร่องน้ำที่ไหลผ่าน..ถ้ามีน้ำสัก1ใน10ของหน้าฝน..น้ำตกจะสวยมาก..ฤดูนี้อาจจะไม่สวยแต่ที่แน่ๆยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก..เนื่องอุปสรรคในการเข้ามาเที่ยว..จึงไม่ค่อยมีการทำลายบรรยากาศของน้ำตก.

นี่คือแอ่งน้ำที่จะมาดู..น้ำใสสะอาดมาก..ตรงจุดที่ลึกนั้นคนนำทางบอกว่าลึกมากและเป็นถ้ำ...ผมเองก็ไม่ได้ลงพิสูจน์ดูเพราะได้เวลากลับแล้ว..ถามว่าเส้นทางนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน..คนนำทางบอกว่าที่ผาชนะได..ถ้าลองๆเดินจริงๆอาจจะสัก 2-3วันขึ้นอยู่กับเส้นทางที่ไป..เพราะมีทั้งจุดที่ผ่านยากและง่าย..ถ้านักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติและความลำบาก..น้ำตกนี้น่าเที่ยวนะครับ..ผมถามชื่อน้ำตก..เขาบอกชื่อ"กะอ๊าก"..(แหะๆผมอาจจะหูไม่ดีก็ได้)..

เนื่องจากระยะทางจากน้ำตกถึงในเมืองค่อนข้างไกล..น่าจะประมาณ.170กม.ผมจึงต้องกลับก่อนจะมืด..แต่คิดว่ามีโอกาสจะลองไปสำรวจอีกครั้ง..ทั้งนี้ขอขอบคุณสมาชิกและเจ้าหน้าที่ อบต.หนามแท่งที่อำนวยความสะดวกในการไปสำรวจน้ำตกแห่งนี้..ใจหนึ่งก็อยากปล่อยให้น้ำตกอยู่ตามธรรมชาติ..แต่อีกใจก็อยากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเป็นแหล่งท่องเทียว..เพื่อสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น..

ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิด..บรรพบุรุษที่รักษาแผ่นดินให้อาศัย..กำลังใจจากผู้ปกครอง..สมาชิกบ้านสวน..ผู้ใหญโสที่เคารพ..และบ้านสวนพอเพียงของเรา..ลำใย..

 

ความเห็น

ขอบคุณที่พาชมค่ะคุณลำใย ชื่อน้ำตกแปลกจริง ไม่รู้หมายความว่าอะไรนะค๊ะ

ใครหนอเป็นผู้ตั้งชื่อ  มีความหมายว่าอย่างไร

ดีใจที่เกิดมาเป็นคน  จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า

เข้ามาชม น้ำตกด้วยคนค่ะ 

หน้าเที่ยวมากเลยค่ะ แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้ มันยังธรรมชาติอยู่

ตามมาดูน้ำตกค่ะ แล้งมากๆเลยนะคะน้ำตกกะอ๊าก

ถ้าพัฒนาต้องจัดระเบียบให้ดีไม่อย่างนั้น เรียบร้อย สองร้อยก็เรียบ

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

ว่ายน้ำแพ้แต่ปลา ช่างกล้าพูดนะลำใย ถ้าเธอว่ายเก่งขนาดนี้ ฉันก็เป็นเงือกแล้วล่ะ 55+


น้ำตกดูเย็นชุ่มฉ่ำดีนะคะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกที่ไม่มีใครรู้จักเลย หรือว่าจะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าสวยงามและดูเงียบสงบอย่างปางอุ๋ง (ในวันที่ไม่มีผู้มาเยือนมากเท่าปีใหม่) นุสิรับได้ค่ะ

ชื่อแปลกมากถ้าน้ำเยอะคงดูอลังการเหมือนกันนะนี่

ใครน้อลืมน้ำตก เอ้...จะลืมข้าวเหนียวด้วยหรือเปล่า? 555

  ตามมาขึ้นเรือยอร์ชนายลำใย  มือไม่ต้องพาย เท้าไม่ต้องราน้ำ มาชมน้ำตก " ที่ถูกลืม " หรือ กะอ๊าก กะจ๊าก ผมสงสัยว่าน่าจะเกิดจากระยะทางที่ผู้มาพบเจอน้ำตกแห่งนี้ร้องดีใจ เพราะหมดเรี่ยวหมดแรงจากการเดินทาง


   หากพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้น่าจะดี รายได้ของชาวบ้านจะเกิดจากนำเรือยอร์ชรับส่งนักท่องเที่ยวและแสวงหาธรรมชาติ ฯล.

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

หน้า