ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์

หมวดหมู่ของบล็อก: 

กลับมาชวนเพื่อนๆ ออกไปเรียนรู้โลกกับจักรยานอีกครั้ง

คราวนี้อ้อยหวานกับคุณผู้ชายเลือกเข้าหาภูเขากันอีกแล้ว เพราะอ้อยหวานชอบบรรยากาศสวยๆ และความท้าทายของภูเขา

จุดหมายของเราคือเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรบ สี่อาทิตย์กับการปั่นจักรยาน 808.5 กิโลเมตร อาจจะไม่ยาวนานนักที่จะไปใช้ชีวิตท่องเที่ยว และเรียนรู้โลกส่วนนั้นอย่างลึกซึ้ง แต่การปั่นจักรยานเที่ยวทำให้เวลาเดินช้าลง เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสบรรยากาศรอบตัวจนล้นความรู้สึก ล้นความทรงจำ และเต็มเปี่ยมประสาทสัมผัส แล้วอ้อยหวานก็ได้เรียนรู้ว่า ดินแดนแห่งนี้ช่างสมบูรณ์พูนสุขยิ่งนัก สวยสดงดงามทั้งธรรมชาติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม ชนิดเข้าขั้นเลอเลิศ

 

บางครั้งอ้อยหวานยังคิดว่าการปั่นจักรยานอาจจะเร็วไปเสียด้วยซ้ำ เร็วไปกว่าการเดินเที่ยว ซึ่งในทวีปยุโรบนั้นการเดินเที่ยวเป็นที่นิยมพอๆ กับการปั่นจักรยานเที่ยว และส่วนใหญ่ก็ใช้เส้นทางเดียวกัน ทำให้เจอคนแบกเป้เดินอยู่ระหว่างทางออกบ่อยๆ แต่ไม่เป็นไร คราวนี้เรามีการเข็นเที่ยวกันเกือบทุกวัน เพราะเส้นทางแถบนี้ไม่ค่อยจะราบเรียบนัก มีขึ้นสูงๆ และลงดิ่งยังกับรถไฟเหาะในสวนสนุก ซึ่งบางครั้งเข็นขึ้นแล้วอ้อยหวานยังต้องเข็นลงอีกด้วย เพราะเส้นทางบางสายเป็นธรรมชาติมากๆ ขรุขระยังกะผิวพระจันทร์ ได้อารมณ์ป่าเขาลำเนาไพรจริงๆ

 

เทือกเขาแอลป์ เป็นเทือกเขาที่สูงและครอบคลุมเนื้อที่มากที่สุดในทวีปยุโรป โดยครอบคลุมเนื้อที่ตั้งแต่ออสเตรีย อิตาลี และสโลวีเนียทางด้านตะวันออก ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ เยอรมนี และฝรั่งเศสทางด้านตะวันตก

 

เริ่มต้นที่มิวนิค

ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่เมืองมิวนิค เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน  เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามในเยอรมนี และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ในยุโรป มิวนิคเป็นเมืองศูนย์กลางของศิลปะ สถาปัตยกรรม เทคโนโลยี วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของประเทศเยอรมนี

 

เมืองมิวนิคเป็นเมืองสีเขียว มีต้นไม้มากมาย จนเกือบเป็นป่าในเมืองหรือเมืองในป่า และเป็นเมืองจักรยานที่มีเส้นทางจักรยานไปทั่วทุกหนแห่งของเมือง อ้อยหวานไม่เคยเห็นเมืองใหญ่ๆ ที่มีจักรยานวิ่งกันพลุพล่านเท่านี้มาก่อน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามิวนิคจะเข้ากลุ่มเมืองสุดที่รักของอ้อยหวานได้อย่างง่ายดาย

 

เราเที่ยวชมเมืองกับจักรยานโดยไม่ง้อรถยนต์ รถไฟ หรือรถเมล์ ไปไหนตามใจฉัน อยากจอด อยากหยุดดมดอกไม้ตรงไหนก็ทำได้ตามใจปรารถนา เรียกได้ว่าเป็นฟรีดอมทัวร์จริงๆ

อย่ารอช้า คว้าจักรยานคันเก่ง แล้วปั่นตามอ้อยหวานมาเลยค่ะ เราไปชมเมืองสีเขียว เมืองมิวนิคกัน

 

แห่งแรกที่เราไปชม พระราชวังนึมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace) ขนาดเราไปกันแต่เช้าก็ยังมีรถบรรทุกนักท่องเที่ยวมากันก่อนแล้ว ได้ยินเสียงพูดภาษาไทยกันระหมทั่ววัง

พระราชวังนึมเฟนบูร์กเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองรัฐบาวาเรีย สร้างโดย เฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้านครรัฐแห่งบาวาเรีย และเจ้าหญิงเฮนเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย โดยการออกแบบของสถาปนิกชาวอิตาลี เริ่มสร้างในปี 1664 และเสร็จรุร่วงในปี 1675

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย

 

สวนสวยๆ ของพระราชวังนึมเฟนบูร์ก จัดสวนตามสไตล์ฝรั่งเศส ตกแต่งด้วยรูปแกะสลักหินของเทพเจ้ากรีก และแจกันหินอ่อนขนาดใหญ่

 

รูปแกะสลักหินเทพเจ้าพลูโต เทพเจ้าผู้ครองโลกบาดาล เทพแห่งทรัพย์ และเทพแห่งยมโลกและความตาย

 

สวนอังกฤษแห่งเมืองมิวนิค เป็นสวนกลางเมืองที่มีเนื้อที่กว้างมาก ในรูปคือหอคอยจีนที่ดูไม่ค่อยจะเป็นจีน เพราะออกแบบและสร้างโดยคนเยอรมัน โดยเลียนแบบจากเจดีย์เซรามิกที่ตกแต่งในสวนของจักรพรรดิ์จีน

 

มีการเล่นเซิร์ฟเฟอร์สในสายน้ำกลางสวน นับว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใช้ประโยชน์คุ้มค่าจริงๆ มีเส้นทางสำหรับเดิน วิ่ง และปั่นจักรยาน พาดผ่านไปทั่วสวน มีสายน้ำให้ตกปลา พายเรือ และเล่นเซิร์ฟเฟอร์ส และอ้อยหวานได้ยินมาว่าในฤดูร้อนยังเป็นสถานที่อาบแดดยอดนิยมอีกด้วย คนเยอรมันเขาไม่แอบแดดธรรมดาๆ แบบคนชาติอื่นเสียด้วยสิ เขานิยมแก้ผ้าอาบแดดกัน คือจะได้สุกได้ที่ไปทั่วทั้งตัว

 

ที่นี้มาดูตึกราม บ้านเรือนกันบ้าง คนที่ชอบดูอาคารสวยๆ แล้วละก็ นี่แหละใช่เลย มิวนิคแพ็คเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงามๆ

 

พระราชวังเรสซิเดนซ์ (Residentz) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เรสซิเดนซ์ ได้ข่าวว่าข้างในมีของสวยงามล้ำค่าให้ชม แต่เราสองคนชอบปั่นเที่ยวชมเมือง ไม่ค่อยชอบการไปเข้าชมในสถานที่ที่มีคนมากมายก่ายกอง เลยไม่ได้เสียตังส์เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ หรือพระราชวังที่ไหนเลย

 

ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ดอกเกาหลัดเทียมมีชื่อว่า เกาหลัดม้า หรือ ฮอส เชสนัท  (Horse Chestnut) กำลังออกดอกเบ่งบาน ลูกฮอส เชสนัทนี้กินไม่ได้มีพิษ แต่ดอกสวยมากๆ อยากดูลูกต้องย้อนไปดูบล็อกเก่าของอ้อยหวาน ที่นี่

 

ย่านมหาวิทยาลัย Ludwig Maximilians มหาวิทยาลัยหลักของเมืองมิวนิกก็มีอาคารสวยๆ ให้ชมเช่นกัน ทั่วบริเวณสะอาดสะอ้านไม่มีที่ติ สงบ และมีจักรยานวิ่งกันขวักไขว่ไปมา ที่จอดจักรยานก็เต็มแน่นไปทุกแห่ง เด็กนักเรียนที่นี่เขาปั่นจักรยานไปเรียนหนังสือกัน

 

ทีนี้เข้าไปดูเมืองเก่ากันบ้าง ซึ่งเขาก็ยังเก็บรักษาประตูเมืองโบราณเอาไว้ให้ลูกหลานดู

 

ทั้งหมดมีสี่ประตูแต่เราหาเจอแค่สาม

 

อาคารเก่าแก่ได้กลายเป็นร้านค้าร้านอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว อาคารตรงซ้ายมือคือโรงเบียร์ชื่อดังของมิวนิค

 

แหวกฝูงชนเข้าไปถ่ายรูปข้างในโรงเบียร์               

 

ร้านอาหารทุกร้านจะมีที่นั่งอยู่นอกร้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเต็มตลอด นั่งกิน นั่งดื่ม แกล้มบรรยากาศตึกรามบ้านช่องเก่าๆ

 

จบบล็อกด้วยภาพนี้ ทริปนี้อ้อยหวานได้เก็บภาพแบบนี้มามากมาย เพราะชอบประตูโค้ง ซึ่งดูโรแมนติคดีกับฉากหลังสวยๆ

 

โปรดติดตาม ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ความเห็น

สวยงามและสนุกค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่นำมาแบ่งปันเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลย ...ไปเองคงไม่มีโอกาส

ขอบคุณพี่อ้อยหวานที่แบ่งปันประสบการณ์ช่องเที่ยว ภาพสวยมากค่ะ เทือกเขาแอลป์เป็นที่ๆ อยากไปสักครั้ง สักวันคงมีโอกาสไปเยือนบ้าง

สวยงามทุกที่ น่าอิจฉาจังนะคะได้ท่องเที่ียวไปทั่วโลก  และมีภาพสวยๆมาให้ชมค่ะ

สวยงาม เหมือนภาพวาด มีความสุขไปด้วย ตามเส้นทางเลยค่ะ^^

ความสุข..อยู่ที่ใจ

ปั่นจักรยาน น่าตื่นเต้น ครับ ..อากาศดี ชื่นชมทุกสิ่งได้นาน เท่าที่ต้องการ....ผมอยากไป เที่ยวเมืองมิวนิค ช่วงหน้าร้อนจังเลย พี่อ้อย จะได้มีอาหารกินครบครัน โดยเฉพาะ ทางสายตา..ขอบคุณมากครับ

จงเตือนตน ด้วยตนเอง

สวยจริง ๆ น้องอ้อยหวาน ------ เป็นกำไรชีวิต ได้ท่องเที่ยว ตามใจฝัน 

Blog สุดฮิตของพี่อ้อยหวานกลับมาให้ติดตามอีกแล้ว มิวนิคน่าอยู่มาก ๆ เลยครับ

ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข

สุดแต่ใจจะใฝ่คว้า...มีแรง มีพลัง ก็ก้าวต่อไปครับ 

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..