ทำความเข้าใจกับ คำว่า "เกษตรอินทรีย์" (Organic Agriculture) กันสักหน่อย

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเรื่อง "เกษตรอินทรีย์" (Organic Agriculture) มานานแล้ว เพราะจากประสบการณ์การทำงาน การได้สัมผัสได้รับรู้ในการตื่นตัวของเกษตรกรไทยมากมายหลายแห่งที่สนใจและหันเหแนวทางการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของตนมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งพี่น้องชาวบ้านสวนหลายคนที่สนใจแนวนี้ แต่ด้วยการเผยแพร่ความรู้ที่น้อยไป และนักธุรกิจการเกษตรที่ชาญฉลาดเข้ามามีบทบาทากกว่านักวิชาการ ทำให้เกษตรอินทรีย์หลายๆ ที่บิดเบี้ยวไปบ้าง แทนที่จะเป็นเกษตรอินทรีย์ที่แท้จริง มาถึงตอนนี้หลายคนคงนึกในใจว่า แล้วมันจะบิดเบี้ยวยังไง ก็ลองมาดูมาตรฐานเกษตรอินทรัย์กันหน่อยมั๊ย ว่าเขามีหลักมีเกณฑ์อย่างไร มาตรฐานที่จะนำมาอ้างอิงมาจาก 2 มาตรฐานซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศไทย คือ มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย(ของกรมวิชาการเกษตร) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์(ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) อย่าเพิ่งสงสัยว่าทั้งสองมาตรฐานแตกต่างกันยังไง เอาเป็นว่าใช้ได้ทั้งคู่ ผมคงไม่ต้องยกหลักเกณฑ์หรือข้อกำหนดมาทั้งหมด ลองมาดูข้อที่สำคัญหลักๆ ก็แล้วกัน (เอาแบบเข้าใจง่ายๆ)

        1. คนที่ทำเกษตรอินทรีย์แล้วต้องทำไปตลอด ไม่เปลี่ยนใจกลับไปทำเกษตรเคมีอีก

        2. นอกจากไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์แล้ว ยังต้องหาวิธีป้องกันการปนเปื้อนต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ที่อาจมาจาก ดิน น้ำ และอากาศ เช่น พื้นที่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเคยเป็นพื้นที่อะไรมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะมีสารพิษตกค้างอยู่ในดินหรือไม่ แหล่งน้ำที่ใช้เป็นน้ำอะไร มาจากไหน สะอาดแค่ไหน(ในแง่การปนเปื้อนสารพิษ) มีโอกาสปนเปื้อนอะไรหรือไม่ และอากาศโดยรอบบริสุทธิ์หรือมีมลพิษอย่างไร เช่น อยู่ติดถนนที่มีรถราวิ่งผ่านมาก ถ้ามีความเสี่ยงต้องป้องกัน

        3. ต้องรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ฟื้นฟูและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ให้มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืชและสัตว์ การทำการเกษตรเชิงเดี่ยวจึงผิดหลักเกษตรอินทรีย์

        4. ต้องพึ่งพาตนเองในเรื่องอินทรียวัตถุและธาตุอาหารให้หมุนเวียนอยู่ภายในฟาร์ม นั่นหมายถึง การใช้อินทรียวัตถุที่เป็นผลพลอยได้ เป็นสิ่งที่เหลือใช้ เช่น มูลสัตว์และเศษพืช โดยเฉพาะมาทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ควรเป็นมูลสัตว์ที่เลี้ยงอยู่ภายในฟาร์ม เป็นเศษพืชที่ปลูกภายในฟาร์มตนเอง การใช้อินทรียวัตถุที่มาจากภายนอกต้องรู้แหล่งที่มา และมาจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยขี้ไก่ต้องมาจากฟาร์มไก่อินทรีย์ที่เลี้ยงแบบปล่อยหากินแบบอิสระ และนำมาใช้สดๆ ไม่ได้ ต้องผ่านการหมักก่อน แกลบและฟางข้าวต้องมาจากนาข้าวอินทรีย์ เป็นต้น

        5. ห้ามใช้พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มาจากการดัดแปรพันธุกรรม (GMOs) แม้กระทั่งเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้หมักปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ หรือนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ

        เป็นไงครับอ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่ทำเกษตรอินทรีย์ เป็นอินทรีย์ที่แท้จริงหรือยัง ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อให้ชาวบ้านสวนพอเพียงไม่เข้าใจอะไรผิดๆ เหมือนเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดโดยเฉพาะข้อที่ 4. ที่เข้าใจว่า อินทรียวัตถุ (Organic Matter) หรือสิ่งที่มาจากสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เศษซาก ผลพลอยได้ มูลและสิ่งขับถ่าย จากพืชและสัตว์ สามารถนำมาใช้กับเกษตรอินทรีย์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตาม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เช่น การซื้อปุ๋ยอินทรีย์ที่วางขายตามท้องตลาดและไม่ได้ผ่านการรับรองมาใช้ การนำเศษพืชผักจากภายนอกแปลง(ฟาร์ม)โดยเฉพาะจากตลาดสดมาหมักทำปุ๋ยใช้ การซื้อปุ๋ยขี้ไก่บรรจุกระสอบหรืออัดเม็ดมาใช้โดยที่ไม่รู้ว่ามาจากฟาร์มไก่ที่ไหนเขาเลี้ยงแบบไหน ซื้อแกลบดิบและฟางข้าวมาใช้โดยไม่รู้ว่ามาจากนาอินทรีย์หรือไม่ ถ้าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมาจากเกษตรเคมีแล้วเราเอามาใช้ อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเราเอาสารเคมีเข้ามาในฟาร์ม เข้ามาในแปลงโดยผ่านอินทรียวัตถุที่กล่าวมาทั้งหมด คนที่ทำเกษตรอินทรีย์ลองทบทวนดูนะครับ

ความเห็น

"ออร์แกนิก" ทำยากมากค่ะ อย่างน้อยต้อง 3 ปี จึงจะสำเร็จครบถ้วนทุกกระบวนการ  ต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ที่สำคัญต้องทำตลาดให้ดี เพราะต้นทุนสูงมากในปีแรก ๆ (ต้นทุนแรงงานของเราเองนี่แหละ)  ถ้าขายทั่ว ๆ ไป หมดกำลังใจก่อนแน่ ถ้าขึ้นห้างเน้นขายอาหารสุขภาพ ราคาสูง น่าจะรอด ต้องเริ่มต้นจาก ปลอดสารก่อน ค่อย ๆ เขยิบขึ้นทีละขั้น หลายขั้นกว่าจะขึ้นถึงคำว่า "ออร์แกนิก"

 เกษตรอินทรีย์ เริ่มที่ใจก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าใจไม่แน่นอนก็เป็นอินทรีย์ไม่ได้

เข้ามารับความรู้ค่ะ :uhuhuh:

 

 

 

ยังห่างไกลเลยค่ะ

ช่วงนี้ปลูกต้นสักไปก่อน (สักแต่ปลูกไม่ดูแล)  :sweating: :uhuhuh:

""

 

ถูกต้องคร้าบ บ้านป้อยังทำนาข้าวปลอดสารพิษอยู่  :dreaming:

สวัสดีค่ะ ลุงโรส -  ขอบคุณมากค่ะ ที่นำเรื่องน่ารู้มาฝากกัน   :beg:

ชีวิตที่เรียบง่ายกับความพอใจในสิ่งที่มี

มาตรฐานสูงจัง   บ.ที่มาควบคุมเพื่อรับสินค้านี้ก็เล่นหนัก  เห็นน้องเรืองเล่าให้ฟัง  ว่าการมาตรวจ  ต้องไม่เจอเคมีเลยถึงจะผ่าน   ผักตลาดก็ใช้หมักไม่ได้   ปุ๋ยขี้ไก่  ก็ต้องรู้ที่มา และผ่านการหมักแบบที่สวนคุณยายเกศแก้ว โอ้...แค่คิดก็หนักแล้ว   แต่ที่หนักกว่า  เห็นจะเป็นที่ผลการตรวจ  ถ้าเส้นสายไม่มี  ก็คงเป็นธรรมดาที่จะ  ไม่ผ่าน  หนักยิ่งกว่าระบบราชการอีก  ทำแบบเล็กๆน้อยๆอย่างเรานี่แหละดีแล้ว  อย่าไปเข้าระบบให้เขาคุมเลย  ปวดหัวเปล่าๆ

 การทำเกษตรอินทรีย์ อาจไม่จำเป็นต้องไปขอการรับรองจากใคร เราทำเรารู้ คนอื่นเห็นเราทำเขาก็รู้ และการตรวจรับรองจากหน่วยงาน หรือ องค์กรที่มีมาตรฐาน ไม่มีปัญหาความไม่เป็นธรรม ความไม่เป็นกลาง ไม่มีครับ

จากธรรมชาติ ๑๐๐ % ไม่มีสารเคมีใด ๆ เจือปนทั้งสิ้น

:admire: :admire: :admire:

เดินตามความฝันของตัวเอง

 ทำได้เช่นนั้นถือว่าสุดยอด

หน้า