...สุขภาพเพื่อชีวิต ตอน “การอาบ-อบแดด”

หมวดหมู่ของบล็อก: 

...สุขภาพเพื่อชีวิต ตอน “การอาบ-อบแดด” 

สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรียนรู้การดูแลสุขภาพและนำมาปรับใช้กับแต่ละบุคคลได้ ย่อมส่งเสริมให้ต้นทุนคุณค่าชีวิตสูงขึ้น ด้วยการมีสุขภาพที่ดี เป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้อย่างดีโดยไม่มีข้อค้านแย้งใดว่าหากมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ประสิทธิภาพการทำงานย่อมสูง การจะปฏิบัติให้เกิดการแบ่งปัน สร้างสรรค์ และพอเพียง ย่อมจะสามารถทำได้เต็มร้อย 

ผู้บันทึกบทความนี้มีโอกาสได้อ่านหนังสือและพูดคุยบ้างกับนักธรรมชาติบำบัดบางท่าน ตลอดจนทำความเข้าใจในแนวคิด ความเชื่อ เหลือแต่ตัวปฏิบัติที่จะเป็นสิ่งวัดความจริงว่าใช่หรือไม่ แน่นอนเรื่องของเวลาจึงเป็นส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญ การจะสรุปให้ได้ว่าสิ่งที่รู้มา-ได้พบเห็นมา-จริง ถูกต้อง หรือไม่ ผู้ลงมือปฏิบัติด้วยระยะเวลาที่สุกงอมจะเป็นผู้บอกได้ ระหว่างการปฏิบัติก็คอยตรวจสอบ ทบทวนด้วยว่าสิ่งที่กำลังปฏิบัติอยู่นั้นหลงทางหรือไม่ เพื่อจะได้กลับลำได้เร็ว ...ผู้บันทึกขอนำเอาเนื้อหาสาระบางส่วน จากหนังสือ อาหารเพื่อชีวิตปลอดภัย ซึ่งได้เขียนจากประสบการณ์และองค์ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติของคุณไพโรจน์ อัครสีวร ผู้เป็นมิตร-ญาติในทางธรรม และเป็นต้นแบบในเรื่องธรรมชาติบำบัดท่านหนึ่ง นำเสนอเพื่อน สมช.บ้านสวนฯ ขอเรียนว่าเป็นแนวความคิด ความเชื่อ ส่วนบุคคล ซึ่งท่านสามารถที่จะพิจารณา-เลือก-ปรับประยุกต์ใช้ตามที่เห็นควร 

ในวันนี้ขอนำสาระจากหนังสือดังกล่าวที่กล่าวถึงการใช้พลังงานความร้อน(ธาตุไฟ)จากดวงอาทิตย์ แก่ร่างกายด้วยวิธีการการอาบ-อบแดดซึ่งกล่าวได้ว่า แสงแดด  มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ต้นไม้ได้สร้างอาหารด้วยการสังเคราะห์แสง  การอาบ-อบแดด    ก็เป็นวิธีการเพิ่มธาตุไฟให้แก่อวัยวะ และ ระบบทุกอย่างในร่างกาย ทำให้กระดูกแข็ง-แน่น  ช่วยทำให้เลือดมีสีแดงเข้ม เหมาะกับผู้ป่วยทุกโรค เพราะดวงอาทิตย์ คือ แหล่งกำเนิดไฟที่ใหญ่และมีพลังมากที่สุดในสุริยจักรวาล

  การ "อบแดด" ด้วยการปูเสื่อกลางแดด  นอน   

             

 แล้วใช้ผ้าผืนที่กว้างๆ ไม่บางไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้เกิดการอบ คลุมตัวจนมิด อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อออกจนคอเริ่มแห้ง ใช้เวลาในการอบแดด  ประมาณ ๑ ชั่วโมง  หยุดอบแล้ว  ให้ดื่มน้ำผลไม้เปรี้ยวใส่เกลือเล็กน้อย เพื่อชดเชยการเสียน้ำ  (ใหม่ๆอาจเริ่มด้วยระยะเวลาน้อยๆก่อน)  

      ปัจจุบัน หากมีโอกาสแล้วคุณไพโรจน์ อัครสีวร จะอบแดด และทำงานกลางแดดเสมอ ด้วยมองเห็นว่าการอบแดด  จะเข้าหลักประโยชน์สูง ประหยัดสุด  เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย หากใช้วิธีอบสมุนไพร  จะต้องสิ้นเปลืองวัสดุอุปกรณ์มากมาย  เพียงแต่อาจจะต้อง เตรียมตัวล่วงหน้า  ด้วยการรับประทานทาน งา มะพร้าว หรือ กะทิสด ผัก-ผลไม้สดยืนต้นที่แข็งแรง และ สมุนไพรรสเผ็ดร้อน  ล่วงหน้า  - ๗ วัน  การอบแดดจึงจะได้ผลดี

              ประโยชน์ ที่ได้จากการอบด้วยความร้อนจากแสงอาทิตย์(อบแดด) 

๑.  ช่วยคลายเส้นเอ็น  ยืดกล้ามเนื้อ ทำให้หายปวดเมื่อยได้ 

๒. ลดความอ้วน  ทำให้กล้ามเนื้อ-กระดูก แน่น  กระชับยิ่งขึ้น 

๓. เพิ่มธาตุไฟให้ร่างกาย 

๔. ช่วยละลายไขมัน(รักษาโรคความดันสูง)

. กระตุ้นระบบต่างๆ ในร่างกาย ให้หมุนเวียนได้คล่องตัว ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับถ่ายของเสีย    ระบบย่อย  ระบบหมุนเวียนเลือด  ระบบต่อมไร้ท่อ

๖.  ลดอาการไข้  ด้วยการใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ดับพิษร้อนจากไข้

๗.  เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

๘.  กระตุ้นอวัยวะที่เสื่อมให้กลับมาทำงานได้  เช่น  ตับ  ไต  ม้าม  กระเพาะ  ต่อมน้ำเหลือง   กล้ามเนื้อ  ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์  อัมพาตจะหายเร็ว

๙.  แก้อาการไอ  จากปอดชื้น  ปอดบวม

๑๐. ขับน้ำตาล (รักษาโรคเบาหวาน)

๑๑. ขับพิษ ขับของเสีย ขับน้ำส่วนที่เกินอยู่ในร่างกาย   ออกไปทางเหงื่อ(รักษาโรคไตวาย)

 ข้อควรระวัง

๑.  ให้ดื่มน้ำให้อิ่ม  ก่อนที่จะอบแดด  และ เตรียมน้ำผลไม้เปรี้ยวใส่เกลือเล็กน้อย ไว้ดื่มหลังอบด้วย เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ

.  อย่าอบนาน   จนร่างกายทนไม่ไหว  เพราะสูญเสียน้ำมากเกิน   ประมาณพอเหมาะคือเหงื่อออกจนชุ่ม  หรือ  รู้สึกหิวน้ำจนคอแห้ง  ให้หยุด

๓. คนที่ร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัว  เช่น  ความดันโลหิตสูง  เบาหวาน  ให้ค่อยๆ เริ่มทำ  โดยใช้เวลาน้อยๆ ก่อน  ให้สังเกตดูอาการของตนเองด้วยว่า ยังพอทนได้แค่ไหน  แล้วค่อยเพิ่มเวลา

 

ขอขอบคุณ รูปภาพและเนื้อหา โดย คุณไพโรจน์ อรรคสีวร             

 

 

ข้อมูลข้างต้นอาจเป็นแนวคิดใหม่ๆที่ต่างจากเคยได้ยินกันมา สมช.บ้านสวนฯ อาจพิจารณาตามความเป็นไปได้ ความเหมาะสม พื้นฐานข้อมูลและเหตุปัจจัยทางสุขภาพแต่เดิม ขอเรียนซ้ำว่านี่เป็นแนวคิดในเรื่องธรรมชาติบำบัดส่วนบุคคล จึงต้องอาศัยความเข้าใจ และความตั้งใจ ในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีการนี้ หรือหากว่าไม่แน่ใจอาจปรึกษาผู้ที่ดูแลสุขภาพประจำตัว สมช.บ้านสวนฯแต่ละท่านก่อนก็ได้

 

ความเห็น

พี่สาว ขนาดไม่อบแดด นิโกรเรียกพี่ จ้า

ขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจค่ะ อย่างน้อยไม่อบแดดเป็นนิโกร นับว่ามีผิวงามมากนะคะ

น่าสนนะคะ เมื่อก่อน ยายอิ๊ด ชอบนอน ในสนามบาสค่ะ ไม่ใช่อาบแดดอะไรหรอกค่ะ ซ้อมบาสเหนื่อยก็นอน  ได้แรงตัวจริงๆค่ะ พออ่านของสายพิน  ใช่เลย  นึกขึ้นได้

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

ใช่เลยนะคะ ดำไม่กลัว เห็นด้วย ค่ะ ต้นไม้ไม่กลัวดำ แต่กลัวไหม้...

แดดมีประโยชน์มาก  ช่วงตั้งแต่แรกขึ้น  ถึง  10โมงเช้า  หลังจากนั้น ถึงเวลาบ่ายเท่าไรจำไม่ได้  อาจจะเป็นอันตรายได้

ขอบคุณค่ะ คุณป้าเล็ก เดี๋ยวต้องตามดูกันต่อนะคะ

ดวงสนใจเรื่องธาตุเจ้าเรือนมากค่ะ อยากปรับใช้กับตัวเองโดยการกินอาหารปรับธาตุประมาณนี้ค่ะ เห็นพี่สายพินมีความรู้เรื่องพวกนี้ ดวงอยากถามค่ะิ ว่า ปกติดวงจะเป็นคนตัวร้อน คือไม่ได้เป็นไข้นะคะ แต่ใครมาจับตัวจะรุ้สึกว่าตัวเราร้อนมาก ตัวเองก็รู้สึกค่ะ บางวันก็รู้สึกว่าลมหายใจร้อนมาก แต่สิ่งที่ตรงข้าม คือเป็นคนขี้หนาวค่ะหนาวหน่อย หรืออาบน้ำเย็นมากไม่ได้ตัวสั่นเลย อยากทราบว่ามีวิธีแก้มั้ยคะ พยายามหาความรู้ในเน็ตก็ไม่รุ้จะแก้ยังไง สิ่งที่สังเกตอีกอย่างคือ ปวดหัวบ่อยมากค่ะ พออจะมีคำแนะนำมั้ยคะ

คุณสายพินอ๊อฟไลน์...พี่สรเสียบแทน สงสัยจะธาตุไฟ ขี้โมโห ใจร้อนหม้าย วิธีแก้ปวดหัว เห็นคนในบ้านใช้วิธีอบซาวน่า(นาน ๆ ได้อบที) แล้วแช่น้ำเย็น สลับกัน จะหายเหมือนปลิดทิ้ง แถวนี้มีแหล่งธรรมชาติ น้ำตกร้อนอยู่ 1 แห่ง ลงไปแช่ไม่เกิน 15 นาท แล้วขึ้นมา โดดคลองน้ำเย็นที่อยู่ล่างลงไป ก็หายเหมือนกัน

ตรงเป๊ะ เรื่องขี้โมโห ใจร้อน อบซาวน่าทำพรือหล่ะไม่มีตู้อบ อาบน้ำอุ่นได้หม้าย(แล้วมันอิเหมือนอบซาวน่าหม้าย) ถ้าอาบน้ำอุ่นสลับน้ำเย็นทำได้ค่ะ

พอดีลองค้นข้อมูลพื้นฐานจากหนังสือเล่มเดียวกันนะคะ ลองก้อปปี้มา ความว่า


"ก. ปี พ.. ๒๕๓๐  ข้าพเจ้ากินฟ้าทะลายโจรชนิดลูกกลอน ติดต่อกันนาน(หมดไปเกือบ ๓ กระปุก) ทำให้มีอาการเย็นกว่าปกติ  มือ แขน เท้า เย็น เหงื่อไม่ออก อาหารไม่ย่อย ถ้าพระอาทิตย์ตกดินแล้ว จะอาบน้ำไม่ได้  เมื่อถูกน้ำ จะรู้สึกปวดปัสสาวะข้าพเจ้าได้พยายามแก้ไขอาการเย็น ด้วยการหาโอกาส ทำงานอยู่กับแสงแดด  แต่ก็ต้องใช้เวลานาน อาการเย็นจึงค่อยดีขึ้น เหตุเพราะข้าพเจ้าทานมังสวิรัติ ทานแต่พืช ผัก ผลไม้ ร่างกายจะเย็นอยู่แล้ว พอมาทานฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีรสขม (เป็นธาตุน้ำ) จึงทำให้ร่างกายเย็นเพิ่มยิ่งขึ้น


 ข. ต่อมา ข้าพเจ้ามีอาการปวดหลัง เนื่องจากทำงานมาก ด้วยเพราะกล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรง) จนลุกเดินไม่ได้ ต้องนอน ๒ - ๓ วัน  เป็นอยู่หลายครั้ง  เคยรักษาทั้งนวด อบ ประคบ ทายา หลายวิธี  ก็ไม่ดีขึ้น  บางครั้งแย่กว่าเดิม เพราะผู้นวดมือหนักเกิน ข้าพเจ้าทดลองใช้วิธี "อบแดด" ด้วยการปูเสื่อกลางแดดร้อนๆ นอน แล้วใช้ผ้าผืนที่กว้างๆ ไม่บางไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้เกิดการอบ คลุมตัวจนมิด(นอนหลับได้) อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อออกจนคอเริ่มแห้ง ใช้เวลาในการอบแดด  ประมาณ ๑ ชั่วโมง  หยุดอบแล้ว  ให้ดื่มน้ำผลไม้เปรี้ยวใส่เกลือเล็กน้อย เพื่อชดเชยการเสียน้ำ  ปรากฏว่า  อาการปวดหลังหายไปได้


 . ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าต้องเดินทางโดยรถกระบะ โดยข้าพเจ้านั่งด้านหลัง   จากอุดรธานีไปร่วมประชุม  ที่จังหวัดนครราชสีมา  แดดร้อนมาก ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม    รุ่งขึ้นช่วงบ่าย เดินทางกลับจังหวัดอุดรธานี วันต่อมา ต้นคอและหลังของข้าพเจ้า มีอาการไหม้-เกรียม  ลอก


 เมื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ พบว่าในช่วงเวลานั้น  ข้าพเจ้าบริโภคอาหาร จากพืชที่อ่อนแอ  เช่น  เห็ดต่างๆ  ผักอ่อนแอ   (คะน้า  กะหล่ำ  กวางตุ้ง  ผักกาดหัว  หัวแครอท  หัวหอมใหญ่)   ถั่วอ่อนแอ  (ถั่วเหลือง ถั่วแดงหลวง)  ผลไม้อ่อนแอ  (ผลไม้ต่างประเทศ  ผลไม้กิ่งตอน)  ทำให้เซลล์ในร่างกายข้าพเจ้าอ่อนแอ ไม่ทนต่อ ความร้อนจากแสงอาทิตย์


ต่อมาข้าพเจ้าได้ปรับ เปลี่ยนมาทาน  ธัญพืช  ผัก  ผลไม้  ที่แข็งแรง ข้าพเจ้าทดลองทำงานอยู่กับแดดตลอดวัน  ในเดือนเมษายน  ๒๕๔๔  (ที่... จ.เลย)   เป็นเวลา  ๗ วัน  โดยได้ทดลองถอดเสื้อทำงานกลางแดดตั้งแต่  ๒ โมงเช้า จนพระอาทิตย์ตกดิน และ ทดลองที่...จังหวัดกาญจนบุรี  ในช่วงเดือนมีนาคม  ๒๕๔๗   ผิวหนังก็ไม่ไหม้ไม่ลอก  เพียงแต่มีสีเข้มขึ้น..."  เป็นข้อมูลที่มี อาจจะพอเป็นแนวทางในการสังเกตอาการของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามจะค่อยๆเรียนรู้ รวมทั้งเรื่องธาตุที่พูดถึงด้วยค่ะ หากว่ามีข้อมูลเพิ่มเติมใดที่พอเป็นประโยชน์ได้จะนำมาบอกเล่าต่อนะคะ



 


 

หน้า