การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ (สำหรับปลูกทานเองในครัวเรือน)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

มาว่ากันต่อด้วยเรื่องมะเขือเทศ วันนี้มีคำแนะนำสั้นๆง่ายๆ เกี่ยวกับการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศมาฝากค่ะ


หากบังเอิญว่าเราไปเดินตามซุปเปอร์มาเก็ตแล้วซื้อมะเขือเทศมาทาน แต่ว่าติดใจรสชาดความอร่อยขึ้นมา แล้วอยากได้พันธุ์มาปลูกบ้าง จะหาได้ที่ใหนน้าาาาา ไม่ยากค่ะ ลองทำตามวิธีนี้ สเต็ปบายสเต็ปนะค่ะ


 


ก่อนอื่นเลยก็คือ หาพันธุ์ที่ต้องการที่จะเอาเมล็ด  หรือว่าได้มะเขือเทศที่ต้องการมาแล้ว ก็จัดการผ่าครึ่ง ตามรูป แล้วก็บีบเอาเฉพาะส่วนที่เป็นเมล็ด คือส่วนที่เป็นวุ้นๆนั่นเอง เอาทั้งหมดเลยนะค่ะ ทั้งเมล็ดและวุ้นๆด้วย บีบไส่แก้วพลาสติก หรือภาชนะอะไรก็ได้ หรือจะใช้ขวดน้ำโพลาลิสก็ได้ค่ะ ตัดครึ่งทำเป็นแก้วก็ได้



จะได้เมล็ดมะเขือเทศตามรูปค่ะ จะใช้ขวดน้ำตัดครึ่งก็ได้ค่ะ ที่เราใช้แก้วน้ำแบบนี้เพราะต้องการถ่ายรูปให้เห็นรูปชัดๆค่ะ


หลังจากนั้นก็เอาไปหมักไว้ในที่มืดๆ ไม่ต้องปิดฝานะค่ะ ไม่ให้โดนแดด ถ้าไม่มีที่มืดๆ ก็เอาไส่ไว้ในหม้อใหญ่ๆ แล้วปิดฝาหม้อเพื่อให้ความมืดก็ได้ ทิ้งไว้ ประมาณ 3-5 วัน จนกว่าจะเห็นเชื้อรามันฟูขึ้นมา หรือพูดแบบตรงๆเลยก็คือ "บูด" แต่ไม่เน่านะ เมื่อดมดูจะได้กลิ่นบูดๆ มีเชิ้อราลอยฟูอยู่ที่ผิวหน้าของเมล็ดในแก้วนะค่ะ นั่นหมายถึง การหมัก ภาษาอังกฤษเรียกว่า " fermentation "ได้ประสปผลสำเร็จแล้ว คือการหมักเพื่อฆ่าเชื้อราที่จะตามมากับเมล็ดนั่นเอง อย่าหมักเกิน 5 วันนะค่ะ เพราะเมล็ดจะเน่า แล้วจะเพาะไม่งอก สามวันแรก ควรตรวจดูบ่อยๆ



หลังจากที่หมักได้ที่แล้ว ให้นำไปล้างผ่านกระชอนแบบในรูปนะค่ะ ใช้นิ้วมือนวดไปมาเบาๆขณะล้าง เพื่อล้างเอาเชื้อราที่หมักได้นั้นทิ้งไป หากใครไม่มีระบบน้ำก๊อก ก็ให้ล้างในกะละมังก่อนได้ และใช้ขันตักราดเป็นน้ำสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้นำเชื้อราจากน้ำที่ล้างกลับมาสู่เมล็ดอีก



หลังจากนั้นก็นำไปตากแดด ประมาณ 3-7 วัน แล้วแต่แดดแรงมากน้อยแค่ใหน ถ้าแรงแรงจัดๆก็ สามวันพอค่ะ แต่อย่าให้น้อยกว่าสามวัน ดูเผินๆเมล็ดอาจจะแห้ง แต่ว่าความชื้นยังอยู่ในเมล็ด ถ้าตากแดดไม่พอ แห้งไม่สนิท เมล็ดมีความชื้นสูง ก็อาจจะทำให้เมล็ดมีเชื้อราได้ แต่วิธีนี้ ถ้าเราหมักได้ที่ ทำการฆ่าเชื้อราทิ้งไปหมดแล้ว เปอร์เซ็นที่จะเกิดเชื้อราในเมล็ดก็มีน้อยมาก  หรืออาจจะไม่มีเลย



ขั้นตอนต่อมา เมื่อเมล็ดแห้งได้ที่แล้ว ให้หยิบเมล็ดขึ้นมาไส่ในฝ่ามือ หยิบทีละนิดก่อนนะค่ะ ไม่ต้องเทลงฝ่ามือทั้งหมด (ขั้นตอนนี้ต้องไส่ฝ่ามือเท่านั้น) เพราะจะทำให้เห็นเมล็ดได้อย่างชัดเจน ง่ายต่อการคัดเลือก เราจะสังเกตุได้ว่า เมล็ดที่อยู่ในวงกลมสีแดงนั้น คือเมล็ดที่สมบูรณ์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "plump" อวบอิ่ม เต็งตึง จ้ำม่ำ มีเนื้อมีหนัง ส่วนเมล็ดที่อยู่นอกวงกลมนั่น คือเมล็ดลีบ ไม่สมบูรณ์ อันนี้ให้เอาทิ้งไป เมื่อดูรูปแล้ว เราจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน


เมื่อได้เมล็ดที่สมบูรณ์มาแล้ว ก็จัดการเก็บไส่ขวดหรือไส่ซองกระดาษเก็บไว้ให้มิดชิด เพื่อปลูกในฤดูต่อไป (ถ้าอยู่เมืองนอกไม่ต้องเอาไปไส่ตู้เย็นนะค่ะเดี่ยวจะไม่งอกเพราะหนาวพอแล้ว) ถ้าอยู่เมืองไทยอากาศร้อนๆ ก็ทำตามนักวิชาการบอกก็แล้วกันนะค่ะว่าจะเก็บเมล็ดไว้ที่ใหน อะไร ยังไง ลองศึกษาค้นคว้าหาวิธีเก็บเมล็ดพันธุ์เอาเอง  


ฤดูหนาวคือฤดูที่เหมาะสมที่สุดที่จะเก็บเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ เช่น มะเขือเทศ แตงกวา แตงโม มะเขือเปาะ ข้าวโพด ถั่วต่างๆ เพราะฤดูหนาวต้นไม้จะสร้างแรงคุ้มกันโรคต่างๆได้ดีกว่าพืชที่ปลูกในฤดูอื่นๆ และเมล็ดก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ตามกลไกของธรรมชาติที่มันจะต้องปกป้องตัวของมันเอง


ช่วงนี้คือฤดูหนาวที่เมืองไทย ใครที่ปลูกพืชผักในช่วงนี้จึงเหมาะที่จะเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกในฤดูต่อไป


ขอให้มีความสุขกับการปลูกผักปลอดสารพิษทุกคนนะค่ะ และขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันทั่วประเทศค่ะ


ความเห็น

อ๊อดก็ไปสั่งเปลือกไข่จากร้านอาหารไทยไว้ด้วยค่ะเยอะเลย นี่ก็กำลังจะไปติดต่อขอที่ร้านอาหารเช้า " American Breakfast " อีกค่ะ เอามาทำปุ๋ยไว้เตรียมไส่มะเขือเทศปีหน้า

ขอบคุณมากๆๆๆ ป้าเพิ่งซื้อมะเขือเทศมาเมื่อวาน....คิดว่าจะเอาเม็ดลงกะถางเลยไม่ต้องตากให้แห้ง...คิดเองนะว่าที่เม็ดพริกสดๆ ยังปลูกขึ้น  มะเขือเทศสุกก็ต้องขึ้นเพาะไว้ก่อนพอฝนหยุดได้ปลูกเลย...พอดีกระถางหมดต้องหยุดก่อน....บ้านป้าฝนตกอีกแล้วแย่จริง

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

คุณ oddzy ครับ เรื่องนี้ดีมากครับ สมาชิกสามารถนำไปทำได้เลย และหวังว่า คงมีเกร็ดดีๆ เกี่ยวกับมะเขือเทศ  มาเล่าสู่กันอีกนะครับ

เรื่องเก็บเมล็ดพันธ์ุ ในเมืองไทย ผมขอแนะนำเพิ่มเติมสักนิดครับ

     บ้านเราเมืองร้อน อุณหภูมิสูง ดังนั้นเมล็ดพืชผัก ทั่วไป ที่เราตากแห้งสนิทแล้

1.  ให้เก็บใส่ภาชนะที่มิดชิด เช่น ถุงพลาสติกแบบซิบ ขวดที่มีฝาปิด

2.  นำไปเก็บไว้ในตู้เย็นช่องผัก จะทำให้รักษาความงอกได้นานขึ้น เช่น ข้าวโพดหวาน ซูเปอร์สวีท เก็บที่อุณหภูมิห้อง 6 เดือน ความงอกเหลือไม่เกิน 50 % แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นช่องผัก เก็บได้หลายปี ิ ความงอกยังสูงถึง 70-80 % นะครับ

แล้วเมล็ดมะเขือเทศนี่ล่ะ ถ้าเก็บในตู้เย็นมันจะงอกไม๊ เพราะอาจารย์บอกมาว่า ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น เดี่ยวเพาะไม่งอก อ๊อดก็ไม่เคยเก็บในตู้เย็นเลย

:love: บรรยายไม่ถูกขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรงสดชื่นสดสวยตลอดกาล ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ และข้อมูลดีๆ


มีคำถามครับ (มีความรู้ด้านชีวะวิทยาระดับ ม.ปลาย)


1. จะมีการเกิด ลูกไม้ หล่นไกลต้นมั๊ย (ลูกไม่อร่อยเหมือนพ่อแม่)


2. จะมีการผสมข้ามสายพันธ์มั๊ย (เช่น ม้า+ลา= ล่อ แล้วเป็นหมัน)


3. เคยได้ยินว่า พันธุ์ข้าวโพด(จากบางบริษัท) เก็บพันธุ์ไปปลูก แล้วฝักลีบ เกษตรกรต้องซื้อพันธุ์ข้าวโพดจากบางบริษัทเท่านั้น จะเกิดกับมะเขือด้วยหรือไม่


tingly ??? 

ภาษาไทยอ๊อดก็ยังมั่วๆไปได้อีก ไม่ได้เรียนจบสูงอะไรมากมายหรอกค่ะ เมื่อก่อนใช้คอมไม่เป็นด้วยซ้ำ มาหัดเล่นเอาตอนหลังๆนี่ อาศัยมั่วนิ่ม


สำหรับลูกจะกลายพันธุ์ใหม? อ๊อดต้องตอบตรงๆเลยนะ จากการที่ทดลองปลูกมา คำตอบก็คือ มีการกลายพันธุ์บ้างค่ะ เช่นว่า ใน 3 ต้นที่เพาะออกมาปลูกแล้ว พอลูกออกมา จะมีอยู่ต้นนึงที่กลายพันธุ์ "ลูกไม้หล่นไกลต้น" อีก 2 ต้นที่เหลือ รสชาดยังคงเดิม (มะเขือเทศนะ อย่างอื่นยังไม่เคยทดลอง) ส่วนขนาดของผล ก็มีเล็กใหญ่สลับกัน ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ แล้วก็ปุ๋ยมากน้อย เพียงพอแต่ใหน


ส่วนเรื่องข้าวโพดนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย กลายพันธุ์เห็นๆ เม็ดลีบอย่างที่คุณบอกเลย

  1. การหมักเมล็ดมะเขือเทศ ต้องไม่เติมน้ำ เพราะจะทำให้ปฏิกริยาของ เอ็นไซด์ในการควบคุมโรคแบคทีเรีย และเชื้อราลดประสิทธิภาพลง
  2. หมัก 72 ชม. และควรจะคนวันละ 2ครั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเอ็นไซด์
  3. เวลาล้าง ล้างในกะละมังจะดีกว่า เพราะจะได้ขยี้ เท ค่อยๆ ริน ให้เมล็ดไม่สมบูรณ์ออกไป ล้าง 3-4น้ำ
  4. ล้างตอนเช้า แล้วตากแดดอ่อน ไม่แนะนำให้ตากแดดตอนบ่าย(ประเทศโซนร้อน) เพราะ แสง ยูวี จะมีผลอย่างยิ่งต่อการแข็งแรงของเมล็ด
  5. สายพันธุ์เกือบ 90% เป็นพันธุ์ลูกผสมเช่น ข้าวโพด ไม่ควรเก็บเมล็ดทำพันธุ์ และเราต้องการรสชาดที่เราชอบ ปลูกไว้ทานเอง จึงควรหาสายพันธุ์ ที่เรียกว่า Heirloom Tomato (ไม่มีภาษาไทย)

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

ในที่สุดก็เจอเจ้าตัวจนได้นะเนี่ย คุณ 2s เคยถามหาในบล๊อกแนะนำตัวของคุณ ติงลี่ ไปเมื่อวานก่อน วันนี้มาให้ยลโฉมเลย แม้...เหมือนมีตาทิพย์เลยนะเนี่ย


ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยแนะนำเพิ่มเติม เรื่องการหมักเมล็ด


เคยได้ยิน อาจารย์บางท่านบอกมาในเรื่องของการตากแดดเมล็ดมะเขือเทศ บางท่านบอกว่า เมล็ดมะเขือเทศไม่ควรโดนแดดด้วยซำไป เขาจะเอาตากไว้ในที่ร่มๆ จนกว่าจะแห้งสนิท เพื่อป้องกันให้ไม่กลายพันธุ์ หรือข้ามสายพันธุ์


งั้นปีหน้าจะทำการทดลองใหม่อีกครั้งค่ะ ระหว่างตากแดดกับไม่ตากแดด อันใหนสายพันธุ์จะคงที่กว่ากัน แล้วจะเก็บข้อมูลมาฝาก สมช.ให้ชมกัน 


ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมชม

     Smileจะลองดูแต่เอารูปให้ดูไม่เป็น


                       ขอบคุณครับ:bye:


                       เทอดศักดิ์ เกษตรใหม่

หน้า