Adventure ภาค 3

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สวัสดี หลังปีใหม่ สดๆ ... ร้อนๆ ... ครับ ...

     เอาละครับ ..... หลังจากได้ปลดทุกข์รับสุข ด้วยการส่งท้าย ปี 2553 ฉลองรับปี 2554 (ที่จริงจะฉลองหรือไม่ เขาก็ไป .... ก็มากันตามปกติอยู่แล้ว)  ถึงวันชันชี (สัญญา)  ที่จะมาเล่า  Adventure ภาค 3 “เผาข้าว ..... เผากับ” ต่อจาก http://www.bansuanporpeang.com/blog/adventure 2 ที่ พาไปปีนเขา เพื่อเรื่องราวจะได้สมบูรณ์เสียที .....

    ครับ พอถ่ายรูปในถ้ำบนถูเขา เกือบเสร็จ ฝนก็เทลงมา ไม่แน่ใจว่าจะหยุดเมื่อไร กอปรด้วย ความรู้สึกของข้าพเจ้าขณะนั้น หิวมากๆ ไม่ได้ถามความรู้สึกของเพื่อนร่วมทาง แต่คาดว่าคงไม่ต่างจากข้าพเจ้ามากนัก เพราะค่อนเย็นมากแล้ว ข้าพเจ้าเอ่ยปากชวนกลับ เขาก็ไม่อิดออดแต่ประการใด เราสองจึงผ่าสายฝนลงมาอย่างทุลักทุเล ลำบากกว่าตอนขึ้นไปเสียอีก เพราะตอนลงยั้งตัวยาก แถมมีฝนลงมาทำให้ลื่น ทั้งทางเดิน และต้นไม้ที่จะยึดเหนี่ยวช่วยพยุงตัว

    และแล้ว ..... เราก็ลงมาถึงโต๊ะหินที่ซุกเสบียงไว้จนได้ เมื่อเย็นมากแล้ว .... ไม่ต้องถามว่าหิวขนาดไหน ไม่มีเครื่องวัด รู้เพียงว่าแทบเป็นลม นี่โทษของการที่ขี้เกียจเอาเสบียงติดขึ้นไปด้วย

            ฝนหยุดตกแล้ว แต่เราไม่ไว้ใจ เพราะยังครึ้มมาก (นี่ถ้ายังอยู่ในป่าบนเขา รู้สึกปานค่ำเชียวแหละ) จึงขนเสบียงที่ซุกไว้ใต้โต๊ะหินธรรมชาติลงไปทำพิธีเบื้องล่าง ความตั้งใจจะทานข้าวบนโต๊ะหิน กลางน้ำ ให้ครบอารมณ์การท่องป่า  เป็นอันล้มเลิก เอาเสบียงใส่หลัง เดินย้อนลงทางเดิม ตกลงกันว่าจะไปเผาข้าว - กับ กันที่ขนำ ที่ชาวสวนขึ้นมาปลูกไว้ ทำ  - เฝ้า สวน

      ใกล้ถึงขนำ ส่ายตาหากับเพิ่มเติม แล้วก็ถึงสิ่งที่หมายตาไว้ตอนขาขึ้น .... (ที่จริงหมายตาไว้หลายที่ แต่ทำเมิน เพราะจะเอาตัวก็ไม่ค่อยไหวอยู่แล้ว)

 

 

  บอน ... ครับ บอนคลองนี่แหละ จะเอายอด และดอกซึ่งหอมมาก ไปหลาม (เผา) น้ำพริกที่เป็นเครื่องปรุง ซึ่งอุดมด้วยกระชาย  หลานก็ทำห่อใบตอง ใส่ถุงหลังมาแล้ว แวะเข้าเลือกยอด ทึ้งมา 3 - 4 ยอด กับดอกสีเหลืองสด อีก 2 ดอก

 

 

 

 

 

  ผ่านร้าน  “ภาชนะสำหรับหุงต้ม” ใช่ครับ .... ที่ท่านเห็นนี่และ ไม่ต้องพลิกไปหามี่ไหน ก็กอไผ่นั่นไง ชาวบ้านเรียกว่า  “ไผ่เกรียบ”  เป็นไผ่ที่มีลำปล้องแต่ละปล้องยาวประมาณ 60 - 80 เซนติเมตร ซึ่งยาวรองจาก “ไผ่เหมฺรียง” ร้านนี้แจกฟรี ไม่ต้องจ่ายเงิน

 

    ..... แวะ เข้าไปเลือกหา ขนาด ความโต และลำอ่อน พอเหมาะ  โค่นลงมาหนึ่งลำ เลือกตัดเอาปล้องพอเหมาะ สองปล้อง สำหรับ หลามข้าว และกับอย่างละปล้อง

 

 

 ครับ ชาวบ้านทั่วไป เรียก “หลามข้าว” และเรียกผลิตภัณฑ์ที่ได้ว่า “ข้าวหลาม” ครับ ส่วนข้าวหลามที่เรียกกันโดยภาษาไทยกลางนั้น ชาวบ้านภาคใต้เดิมๆ เรียกว่า “เหนียวหลาม” ซึ่งข้าพเจ้าว่าสื่อได้ตรงมากๆ ....  เพราะแค่สื่อออกมา ก็ไม่ต้องอธิบายว่าสิ่งที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่เป็น ข้าวจ้าว หรือ ข้าวเหนียว

            ส่ายตาหาวัสดุสำหรับห่อข้าวสาร เวลาบรรจุเข้ากระบอก

  

..... นั่นไง เจอแล้วครับ .... ก็ใกล้ๆ กันกับกอไผ่นี้เอง ชาวบ้านเรียกว่า “ใบเร็ด” และข้าพเจ้าก็เรียกตามเขามาตั้งแต่จำความได้ กรุณาอย่าถามว่าชื่ออื่นมีไหม? ตอบไม่ได้ .... เพราะไม่ทราบครับ

   คำนวณในใจ แล้วเดินเข้าไปตัดมา 10 ใบ (ห่อข้าว 1 กระบอก 4 ใบ ที่เหลือไว้ปูโต๊ะ และสำรองเผื่อฉีกขาด)


    ถึงขนำ .... แบ่งไม่ไผ่ เป็นสองกระบอก สำหรับ ข้าว 1 กระบอก  แกง 1 กระบอก

    อย่างอื่นไม่ต้องหาอะไรอีก ทั้งคานราวที่ใช้เผา ฟืนสำหรับเผา เจ้าของขนำ หาใส่ใต้ถุนไว้ให้เสร็จ .... แฮะๆๆ ... ไม่ใช่หรอกครับ ที่จริงเขาเตรียมไว้ใช้เอง ... ถือวิสาสะ ใช้ไปก่อน ค่อยบอกเขาภายหลัง ข้างนอกไม่ตองหาหรอกครับ เปียกแฉะออกอย่างนั้น

 

 

 

   จัดการล้างข้าวสาร (น้ำจากลำธารหน้าขนำ) ห่อด้วยใบเร็ด ประกบคู่สอดเข้ากระบอก ครบ 2 คู่ กรอกน้ำพอท่วมห่อข้าวคู่บน  อีกกระบอก กรอกน้ำเปล่าประมาณ ครึ่งกระบอก นำไปวางพิงราว ข้างไฟที่กำลังลุกได้ที่ ซึ่งเพื่อนร่วมทางจุดก่อเตรียมไว้แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 ... ดูกระบอกน้ำเปล่า พอน้ำเดือดใส่ยอดบอน และดอกที่เตรียมไว้ลงไป เผาต่อพอเดือด ยกออกรินน้ำทิ้ง ใส่น้ำพริกแกงลงไป ใช้กิ่งไม้กระทุ้งแบบตะบันหมาก ชาวบ้านเรียกว่า

“ยนบอน” (ยน = ตะบัน) ให้เข้ากัน นำไปหลามอีกหน คอยเฝ้า หมุนกระบอก อย่าให้ไฟลุกติดกระบอก น้ำจะรั่ว แล้วข้าวก็จะดิบ.... ยิ่งฟืนเปียกๆ อยู่ด้วย


            เดือด ... น้ำแห้ง.... ราไฟ .... ดงไว้สักครู่ หิวตาลาย แต่กลืนน้ำลายเอา

   พอสุก ปูพื้นขนำด้วย ใบเร็ดอีกแล้วครับท่าน ผ่ากระบอก เอา บอนยน ออกมาวาง แกะห่อข้าวคาไว้ในซีกไม้ไผ่ (ใช้แทนจาน) แกะใบตองที่ห่อน้ำพริกกะปิ ที่น้องทำยัดใส่ถุงหลังมาให้ ที่จริงไม่น่าเรียกน้ำพริก เพราะตำพริกกับกะปิเฉยๆ ไม่บีบส้มแต่ประการใด

   

 

 

   วางเสร็จ ..... รีบ ... ลั่น Shutter  เอามาให้ สมช. ดู ก่อน จะได้เริ่มกระบวนการ ที่รอคอยมาหลายชั่วโมง

 

 

 

 

 

 


    ที่สุดก็ถึงกระบวนการที่รอคอย  ลงมือบรรจุสิ่งที่เห็นเข้าปาก ไม่รอเพื่อนร่วมทาง ที่ออกไปหาผัก หิวครับ หิว ยิ่งกว่าเพลงประกอบรายการภัตตาคารบ้านทุ่งซะอีก ไม่นาน เพื่อนร่วมทางหอบผักมาอักโข ยอดจิก ลุกมะเดื่อ บอนส้ม(อันนี้ของโปรด) หน่อปุด แต่ไม่ถ่ายแล้ว เพราะความงามของอาหารที่จัดไว้ ถูกข้าพเจ้าทำลายไปเรียบร้อยแล้ว ... ขออภัยอย่างสูง ครับ

    เสร็จเรื่อง เสร็จราว เริ่มพลบ รีบลงมา  พอพ้นสวนผลไม้ของเจ้าของขนำ  ก็เจอหลานชาย และพวกอีก 2 คน กำลังเดินขึ้นมาตาม  ถูกต่อว่าทันทีที่เห็นหน้า แต่เข้าใจ  เลยขอโทษไปที่ทำให้เป็นห่วง และ สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นๆ

    ไม่เข็ดหรอกครับ ก็ของชอบ  เพียง  … Trip  ต่อไปจะพยายามไม่ให้คนอื่นต้องเกิดทุกข์ เพราะเราอีก

                สวัสดี ครับ.....

ความเห็น

ลุงทำหลามข้ามหลามกับ พร้อมพรรณาจน เนือย ต้องพักยกไปหาไหรใส่พุงก่อน เที่ยงพอดีเลย....


:desperate:

    วันนั้น ... ถ้าใตรเป็นลุงจะรู้...สึก

   ไม่ใช่อยาก .... แต่เนีอย(หิว) .... อย่าว่านำพริกแห้งเลย นึกว่าถึงข้าวบูดล้างน้ำ ไม่ต้องมีกับ ก็เอา

   เลยไม่รอ เพื่อนร่วมทาง (เด็กเมืองลุงเหมือนกัน หลอม้าย)

แบบไม่รู้ว่า  ข้างหน้าพันปรือ   น้ำ1ขวดเล็กๆ   กับหนมปัง1ชิ้น  รับรอง  แก้ขัดได้   มีอยู่ช่วงหนึ่งไปเรียน  ปรากฎว่าหิวอย่างแรง  บอกคนข้างๆว่า  ไม่อยากทนแล้ว  ครูไม่ปล่อย  จะแอบกินหนมปัง  เพื่อนบอกว่าให้มุดไปใต้โต๊ะ  (ก็เลยขำๆหายหิวเลย  ไม่ใช่เด็กแล้วนะ  ป.โท)

นึกถึงตอนเด็กเลยค่ะ   ที่บ้านแม่ขายของชำ  เคอยกะขาย   แม่ให้เก็บใบเร็ดมาไว้ห่อเคอยขาย  ตอนนี้อยากปลูกไว้สักกอ  แต่คนเดี๋ยวนี้เขาไม่รู้จักแล้ว

    ครับ... สมัยก่อน ไม่มีถุงพลาสติก ทุกอย่างห่อด้วยใบเร็ด หรือกระดาษ

         ถ้าเป็นน้ำ ก็ใส่กระป๋องนมข้น

    ผูกด้วยเชื่อก กก หรือ เชือกกล้วย

              สมัยนั้นจึงแทบไร้ขยะ เพราะทุกอย่าย่อยสลายได้ (เว้นกระป๋อง)

นี่น่ะต้นแบบแค้มปิ้งฉบับไทยแท้ๆ...ผมก็ชอบแบบนี้ล่ะครับลุง

ขึ้นไปเทียวเฉยๆ ครับ ที่จริงก็อยาก Camping ครับ แต่กลัวคนใหญ่เจ้าที่ จะรื้อ tent คว้่าตัวเรามาเหยียบเล่น ก็ถิ่นที่อยู่ ที่กิน เขาละครับ

เห็นหยวกกล้วยเถื่อนคะลุยเหม็ด  น่าทิ่มน้ำชุบเปรี้ยว ๆ

Foot in mouth

   วันนั้น ก้าตัดหยวกกลวยเถือน (กล้วยป่า) ... มาเนาะ กันและ เนาะสดๆ

         แต่...ไม่ได้หลาว ... โทษที ที่จริงยังหลายผักเหลย เจ้เหอ ..ยอดคล้ายน้ำกัน

หนูได้กลิ่นหอมๆจากกระบอกไม้ไผ่ ในลมหายใจของตัวเองเลย แบบว่า จินตนาการจนอินเข้าไป น้ำลายไหล อยากทานด้วยค่ะ 

พกน้ำพริกแห้งแบบนี้ มีปลาเค็มสักต่อนพกไปด้วย ก็ไม่ต้องห่วงอะไรเลยค่ะ็ 

 

หน้า