ใคร ... หุ้ม ... ใคร ฤๅ..?

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ท่านได้นั่งรถไฟฟรี จากภาษีประชาชน หรือยัง? 

      ข้าพเจ้าได้นั่งแล้ว ....  บนรถไฟฟรี มีชีวิตให้มองหลายๆ มุม 

วันนั้น ข้าพเจ้าออกเดินทางจาก นครศรีธรรมราช สู่ สุราษฎร์ฯ .... นั่งรถไฟฟรี เป็นช่วงหนึ่งของการเดินทาง ... ขึ้นรถไฟที่สถานีทุ่งสง

      รถแล่น เลยสถานีนาบอน มาได้หน่อยเดียว ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพ ซึ่งมองออกจากหน้าต่าง  พลันรู้สึกว่ามีเสียงมีผู้หวังดี Delivery บุญ

      ข้าพเจ้าหันมามองทันที สิ่งแรกที่เห็น คือบาตรซึ่งมีแผ่นกระดาษที่เรียกกันว่า “ฎีกา” แปะอยู่ ยื่นมาตรงหน้า พร้อมเสียงอธิบาย “ทำบุญทอดผ้าป่า วัด ..... สร้างโบสถ์ ค่ะ จะได้ขึ้นสวรรค์

      ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจ บาตร และกระดาษแผ่นนั้น แต่มองเลยไปหลังบาตร เห็นคนสวมชุดสีขาว แบบที่แม่ชีสวมกัน มองไล่ขึ้นไป ... เอ๊ะ... ไม่ใช่แม่ชี ก็ผมยาวเฟื้อยออกอย่างนั้น

      และ ... ที่สะดุด สะดุ้งใจ คือใบหน้านี้ ข้าพเจ้าจำได้ว่าเดินอยู่ที่ชานชาลาสถานีทุ่งสง เพราะเธอเดินผ่านข้าพเจ้าหลายรอบ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือเครื่องนุ่งห่ม ตอนที่ข้าพเจ้าเห็นที่สถานี เธอนุ่งผ้าถุงสีน้ำตาลแดง สวมเสื้อลายดอกเล็กๆ คละสี

      นี่  ... เธอแปลงร่างเป็นผู้จัดทัวร์ มาจำหน่ายตั๋วสู่สวรรค์ ไปแล้วกระนั้นหรือ

            แถม .... ค่าขึ้นสวรรค์ ถูกกว่า ค่ารถไฟชั้นสาม ขึ้นกรุงเทพฯ ซะอีก

                   “นี่บุญนะ ... ไม่ทำหรือ?”  ข้าพเจ้าถามตัวเอง

      ยังไม่ทันได้ตอบตัวเอง โดย ... อัตโนมัติ ข้าพเจ้ายิ้มให้เธอ พร้อมส่ายหน้า ปากมุสา (ละเมิดศีล 5)ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่มีตัง”

      เธอเลิกสนใจข้าพเจ้า หันไปเรี่ยไร คนที่นั่งตรงข้ามข้าพเจ้า ...  แต่เห็นเขานั่งเฉยๆ ไม่ทำบุญ และไม่พูดใดๆ ดีกว่าข้าพเจ้าที่มุสาไปแล้ว เธอจึงผละไปเรี่ยไรคนอื่นๆ ต่อ ข้าพเจ้าไม่ได้ตามสนใจ

      แต่ .... ตั้งสติ ... น้อมเข้าตั้งคำถามตัวเองว่า ระหว่าง ข้าพเจ้า กับ เธอคนนั้น “บุญ ... กับ ... บาป” ใครหรืออะไร หุ้ม ใครหรืออะไรกันแน่ ...?

      รึ .... มันจะเข้าทำนองที่ว่า .......

                        “รู้ธรรมเทียมเท่าผู้   ทรงไตร

         เจนจัดธรรมภายใน           ลึกล้น

         กล่าวแก้สิ่งสงสัย              เลอะเลื่อน

            รสพระธรรมอั้นอ้น  ว่ารู้ใครชม ฯ”

ความเห็น

บางครั้งเวลามีคนแปลกหน้ามาเรี่ยไร

หนูก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ

จะให้ก็กลัวโดนหลอก แต่นี่ทำบุญนะ

อาไรหลายๆอย่าง เข้ามาในหัวเต็มไปหมด


สุดท้ายหนูก็หันกลับมาถามตัวเองว่า

"การทำบุญ" คืออะไร

หนูให้คำตอบกับตัวเองไว้ว่า เป็นสิ่งที่คิดและทำโดยตั้งใจ ทำแล้วสบายใจ ทำแล้วไม่เดือดร้อน


อย่างเวลาไปวัดเค้าให้บริจาคสร้างโบถส์สร้างวิหารหนูก็จะบอกกับตัวเองเสมอว่า "ทำเท่าที่มี ทำแล้วตัวเองลำบากก็อย่าทำ"


สมัยเด็กมีเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง ถามหนูว่า การทำบุญต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง.......

ตอนนั้นรู้แค่ว่าคือการบริจาคเงิน สิ่งของ

แต่พระอาจารย์ได้บอกว่า การทำำบุญมีทั้งก่อนทำ ขณะที่ทำ และหลังจากที่ทำ

เราต้องมีจิตที่เป็นกุศลจะทำ ขณะี่ที่ทำ และหลังจากที่ทำไปแล้ว ถึงจะเรียกว่าทำบุญ

ถ้าทำไปแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่ได้บุญ

เลยกลายเป็นที่มา ในการทำบุญของหนู ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาค่ะ


ทุกๆวัน หนูจะเห็นตากับยายมานั่งเล่นดนตรีขอทาน เมื่อก่อนก็เอาเงินให้

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ให้แล้วค่ะเพราะมันคือการส่งเสริมให้เค้าทำ

ถ้าเราให้กระบวนการแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด

แล้วบอกกับตัวเองว่า ยายที่เลี้ยงเรามาอายุเยอะแล้วแกก็ยังเก็บผักขายอยู่เลย เอาเงินกลับไปให้ยายดีกว่า 

ทางไปสวรรค์ หรือทางไปนรก หาได้ง่ายจริงหรือค่ะ เจอบ่อยค่ะ แต่ถ้าทำก็คิดเสียวว่าทำบุญ เงินที่ทำไปจะไปไหนอย่างไปสนใจ ก็ได้บุญ(คิดเอาค่ะ บุญที่ได้ทำมั้งค่ะ ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ทำ)

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

หญิงก็เคยเจอค่ะลุง เราไปทำงานที่อื่นแล้วเจอแบบนี้แต่เป็นวัดใกล้ๆบ้านเรา แต่คนที่ทำเราไม่รู้จัก เลยบอกไปว่าเดี๋ยวจะไปทำเองที่วัดค่ะ อยู่ใกล้บ้าน แต่ก็เคยทำบุญแบบนี้นะคะ ไม่ได้ทำเยอะ คิดแค่ว่าเราทำบุญ เงินจะไปตกอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ แต่วันนี้ทำบุญ จะได้สบายใจค่ะ

e-mail. puangpech_@hotmail.com

 

การทำบุญนั้นเราไม่รู้หรอกว่าบุญนั้นจะไปตกที่ใดหรือใครจะได้ประโยชน์ถ้าเราบริสุทธิ์ใจที่จะทำก็พอแล้ว แต่ถ้าเรารู้ทันก็อย่าไปทำมันเลยเพราะจะเป็นการส่งเสริมให้เขาทำบาปเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปพูดอะไรจะดีกว่าเพียงแต่เวทนาในการกระทำของเขาก็พอแล้ว การโดนหลอกให้ทำบุญผมก็เคยมีประสพการณ์ครับ วันหนึ่งผมขับรถจากจังหวัดหนองคายจะไปขอนแก่น ขับรถออกจากหนองคายในตอนเช้ามาได้ไม่เท่าไรก็พบพระออกมาโบกรถผมจอดรถถามก็ได้ความว่าจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลในจังหวัดอุดร ผมจึงรับไปด้วย หลังจากขึ้นรถและคุยกันสักพักพระก็บอกว่าขาดปัจจัยที่จะไปหาหมอ และควักซองออกมาให้ผมทำบุญ ผมก็เห็นใจและบริสุทธิ์ใจและเห็นใจจึงได้ทำบุญใส่ซองไป 100 บาท หลังจากนั้นพระก็ขอลงระว่างทางบอกว่าจะไปหาพระอีกองค์ซึ่งเป็นเพื่อนจะไปด้วยกัน ผมจึงจอดให้ลง ตรงนั้นเป็นป่าละเมาะเล็กๆ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ไม่มีบ้านคน และไม่มีวัด แล้วพระก็เดินเข้าป่าละเมาะไป หลังจากกลับมาเล่าให้เพื่อที่ทำงานฟัง เข้าบอกว่าเป็นพระปลอมโดนหลอกแบบเดียวกันนี้มาหลายคนแล้ว ผมจึงคิดว่าผมบริสทุธิ์ใจที่จะทำบุญเสีออย่าง ส่วนใครจะเอาเงินทำบุญไปทำในสิ่งที่ไม่สมควรก็จะเป็นบาปแก่ตัวเอง เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

     แมวไม่เคย         อาบน้ำ        ตามธรรมชาติ

ทั้งขี้ขลาด              กลัวน้ำ        ตามประสา

มันก็ไม่                 เหม็นสาบ     ทราบกันมา

ข้างฝ่ายหมา           กลิ่นซ่าสาบ   ล้วนทราบกัน

 

     จะอาบน้ำ        หรือไม่อาบ    หมาสาบเหม็น

เปรียบกับแมว         แล้วจะเห็น     เป็นของขัน

ข้างคนเรา            นี่เล่า           เค้าสำคัญ

มันสาบครัน          ยิ่งกว่าหมา     หรือว่าไร

 

     จึงหมดเปลือง   ด้วยเครื่อง     ประเทืองกลิ่น

เสียทรัพย์สิน         เหลือขนาด    ไม่หวาดไหว

ใยมิลอง             อาบพระธรรม   หลากล้ำนัย

สาบหายไป          ตลอดชาติ      สะอาดจริง 

เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น

โดนบ่อยชินแล้วค่ะ :sweating:

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

โดนบ่อยเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยทำบุญที่เขามาเดินเรี่ยไรแบบนี้เพราะว่าได้ดูจากทีวีว่ามีคนที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง บางคนถึงขนาดร่วมมือกับพระหรือไม่ก็ปลอมเป็นพระแล้วมาทำมาหากินด้วยกันโดยมีส่วนแบ่งให้กันก็ยังมี ถ้าเราไปสนับสนุนคนพวกนี้ก็เหมือนกับทำบาปนั่นแหละ ถ้าทำบุญแล้วอยากจะได้บุญจริง ๆ ก็ต้องทำกับพระอรหันต์ที่บ้าน ก็คือ พ่อกับแม่นั่นเอง พูดดี คิดดี ทำดี กับพ่อ แม่ บุญจะไปไหนเสีย

ตอบได้ดีจริง ใครสอน


ให้ไก่ย่างตัวหนึ่งเลย


555555

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

เดียวนี้มิจฉาชีพเยอะครับมีหลากหลายรูปแบบแค่ผมนั่งอยู่ในร้านเฉยๆ

วันนี้ก็มีมาตั้งสองคนจะเป็นพวกขอให้เราร่วมทำบุญซื้อโลงศพ

ซึ่งผมจะไม่ทำบุญด้วยหรอกครับแนวนี้ ไปทำที่วัดเลยดีกว่า

ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ   msn/krawmovie@hotmail.com

ปัจจุบันทุกวันอาทิตย์จะมีพระธุดงค์เดินเข้ามาในหมู่บ้านประมาณ 8 โมงกว่า ๆ เดินเข้าตามตรอกซอกซอยแล้วไปยืนตามหน้าบ้านเพื่อให้ใส่ปัจจัย....แถวบ้านจะมีพระมาบิณฑบาตรทุกวันแต่เข้ามาเฉพาะถนนเมน  ชาวบ้านจะรู้กันและออกมาใส่บาตรหรือซื้อหาอาหารเพื่อใส่บาตร  หลานไม่เคยใส่ปัจจัยให้พระธุดงค์เลยเพราะมาคิดแล้วว่า 1. ถ้าเป็นพระธุดงค์ทำไมมาธุดงค์ทุกวันอาทิตย์  2. ถ้าจะรับบาตรจริงต้องไปรับที่ที่มีคนใส่บาตรกันเยอะ ๆ เข้าตามตรอกซอกซอยอย่างนี้ไม่มีใครเขาเตรียมอาหารไว้เขาเลยต้องใส่เฉพาะปัจจัย  3.เวลา 8 โมงกว่าปกติถ้าพระอยู่วัดจะกลับไปวัดแล้ว  4.ตอนหลังพระรูปนี้จะมาเฉพาะบ้านที่เคยปัจจัยเท่านั้น  ......คนที่เขาใส่เขาบอกว่าพระให้พรเสียงดังดีและเขาถือว่าทำบุญไปแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรไม่สนใจ....หลานฟังแต่ไม่พูดอะไรเพราะแต่ละคนมีความคิดไม่เหมือนกันเดี๋ยวทะเลาะกันเปล่า ๆ แต่ความคิดหลาน   ที่หลานไม่ให้เพราะถ้าไม่ใช่พระจริง ๆ ก็ไม่อยากส่งเสริมให้เขาหากินกับผ้าเหลือง   เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาด้วยซ้ำ   และถ้าให้ปัจจัยเขาไปถ้าไม่ใช่พระจริงหลานไม่คิดว่าเป็นการทำบุญถือเป็นการให้ทานมากกว่า....หลานชอบซื้อข้าวซื้อเสื้อผ้าของใช้ให้แม่มากกว่า    เห็นแม่ได้กินได้ใช้แม่มีความสุขแค่นี้หลานก็สุขใจแล้ว  ถ้าไม่ทำตอนนี้จะมานั่งเคาะโลงหรือกรวดน้ำให้ตอนที่ท่านไม่อยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าแม่จะได้รับรึเปล่า....

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

หน้า