แนวคิด-ปรัชญาชีวิตของโจน จันได

หมวดหมู่ของบล็อก: 

"คนมีเงินแล้วอ่อนแอ ยิ่งมีเงินมากยิ่งอ่อนแอมากขึ้น-ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

    แม้ร่างกายจะยังปกติ แต่พิการทางความสามารถ (.......)

จิตใจไม่เข้มแข็ง มีแต่ความกลัว

    ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ (โดยไม่ใช้เงิน) ชีวิตจะไม่มีความกลัว ไม่มีอะไรน่าห่วง ชีวิตง่ายขึ้น

    ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่รู้จักแต่คำว่า รวย กับ จน แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคำว่า ทุกข์ กับ สุข

    อยากมีความสุขต้องหาเงินให้น้อยลง มีมากแล้วมันหนัก

    ชีวิตนี้สั้นนัก เสียดายเวลาที่มีอยู่น้อยนิดไปแสวงหาเงินเพื่อความร่ำรวยหรืออำ นาจหรืออะไรต่างๆ

   ผมคิดว่าชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ ทำไมต้องทำให้มันยาก

   คนเราแสวงหาเงินเพราะความกลัว แสวงหากันตลอดชีวิต

ความรวยทำให้กลัว ทันทีที่มีเงิน-สิ่งแรกที่กลัวคือ กลัวเงินจะหายไป

   แสดงว่าเงินที่ดิ้นรนแสวงหามากันเยอะแยะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาชีวิ ตขอ งตัวเองเลย
   แล้วจะหาเงินไปทำไม เพราะตอนจะตายก็ยังกลัวกันอยู่

..... ความกลัวของของเรากลับมาฆ่าเรา เพราะพอเรากลัว เราจะเห็นแก่ตัว

   พอเห็นแก่ตัวเราก็ไม่ช่วยเหลือกัน เราก็ยิ่งห่างเหิน (จากคนอื่น) เราก็ยิ่งทุกข์มากขึ้น

    ถ้า เราไม่มีเงิน เราจะช่วยเหลือกัน ชุมชนที่ไม่มีเงินจะมีความเป็นญาติ เป็นมิตร ใกล้ชิด สนิทสนม เกื้อกูลกันดีมาก - นั่นคือชีวิต นั่นคือความอบอุ่น

   แต่ถ้าชุมชนไหนมีเงินเข้ามาปุ๊บ เราจะเห็นการแตกแยก เห็นแก่ตัว และมีคำว่า ส่วนตัว เข้ามา
   คนไทยไม่เคยใช้คำว่า ส่วนตัว จนกระทั่งวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาพร้อมกับระบบเงิน

   คำว่าส่วนตัวเริ่มจะมีความหมายมากขึ้น ส่วนตัวคือความหมายของ....ของ อำนาจเงิน

   แต่ก่อนนี้คนไทยขึ้นไปบ้านไหนก็ได้ แต่ตอนนี้เข้าไปไม่ได้ เจอข้อหาบุกรุก .... เพราะว่าเป็นที่ดินส่วนตัว

เงินคงอยู่ในโลกนี้ได้เพราะความกลัวของมนุษย์ ถ้าเราไม่มีความกลัว เงินก็ไม่มีความหมายอะไร

   พระพุทธเจ้าเปรียบเงินเหมือนอสรพิษ

   พระเยซูคริสต์เปรียบคนรวยที่จะเข้าหาพระเจ้าเหมือนคนจูงอูฐผ่าน รูเข็ม

   ผมมีความรู้สึกมานานแล้วว่าไม่อยากเลี้ยงลูกด้วยเงิน
   อยากเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเหมือนมนุษย์ปกติ เหมือนสัตว์ทั่วๆ ไปทุกชนิด

   พ่อแม่อยู่ได้ (โดยไม่มีเงิน) ลูกก็ต้องอยู่ได้
   พ่อแม่ทำอะไร ลูกก็ทำตามวิถีของพ่อแม่ เพื่อเรียนรู้

   ลูกหมา ลูกแมวโตขึ้นมาได้ไม่เคยใช้เงิน พ่อแม่ของมันไม่เคยจ่ายสตางค์สักสลึง ดังนั้น ผมจึงอยากให้ลูกโตมาในวิถีที่เขาพึ่งตนเองได้

    คิดว่าเพราะเงินนี่แหละที่ทำให้มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรมไปมากมายจนทุกวันนี้ เพราะเราเลี้ยงลูกด้วยเงิน"

(เรื่องส่งต่อมาไม่รู้ที่มา)

อ่านดูเห็นว่าน่าสนใจเลยเก็บมาฝากครับ

 

และตามมาติด ๆ อีกเรื่อง

ปรัชญาชีวิตในวิถีของ โจน จันได จาก ผู้จัดการออนไลน์

ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ

ความเห็น

โดยส่วนตัวป้าติดตามดูรายการ...อ่านหนังสือ...และค้นหาแนวคิดของคุณโจน จัน ได มานานพอสมควร..เกี่ยวกับเรื่องบ้านดิน...และการเก็บสะสมเม็ดพันธุ์พืชพื้นเมืองเพราะเขากลัวสุญพันธุ์...ชอบแนวคิดของเขามากๆ

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

กำลังคิดว่าจะไปบ้านเขาขอพันธุ์พืชพื้นเมืองมาปลูกรักษาพันธ์แท้ไว้ด้วย

 อ่านแล้วสบายใจค่ะ แต่นึกห่วงเยาว์ชนรุ่นหลัง


 

พี่กิ่งก็ติดตามผลงานคุณโจนค่ะ ทำให้เราได้หันกลับมามองตัวเอง


หาความสุขในแบบของเรา เรื่องการสะสมเมล็ดพันธ์ก็น่าสนใจมาก


แต่พี่ยังไม่เคยไปหาเขา ถ้าอยู่เมืองไทยก็อยากไปเหมือนกันค่ะ

ขึ้นเหนือเที่ยวนี้ผมอาจแวะไปครับ

แต่ถ้าเวลาน้อยอาจรอเที่ยวหน้า  ได้อะไรมาจะได้ลงช่วงใกล้ ๆ ฝนพอดี

เป็นแนวความคิดที่น่านำมาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตของเรา แต่คงทำไม่ได้เต็มร้อย เพราะสังคมรวมไม่สามารถปรับได้ทั้งหมด

ขอบคุณข้อคิดดีๆ..ที่นำมาแบ่งปันค่ะ..:wow:

MSN/MAIL/HI5 : Tongau_oomsin[at]hotmail[dot]com

ขอบคุณครับ สำหรับข้อคิดดีๆ ที่นำมาฝากกัน