เลี้ยงกบคอนโดมา 3 วันได้อะไรบ้าง

  สนใจการเลี้ยงกบ  อ่านพบว่าเนื้อกบมีไขมันน้อย  เลยเริ่มต้นด้วยการเอาชนะความกลัวกบด้วยการไปซื้อกบชำแหละจากตลาดมา 2 ตัวเอาไปทำแกงเผ็ด  ขั้นต่อไปหาความรู้เรื่องกบ  ส่วนการเลี้ยงกบ ต้องรออีก 2 ปีที่จะสมัครเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด

  สนใจที่จะไปดูเกษตรพอเพียงที่บ้านคุณโสทร  แต่ไม่รู้จักสถานที่  ถ้าไม่ขัดข้องช่วย

บอกทางไปด้วย

                                                   pannee

พี่บ่าวคับ  ผมเองก็มีข้อเสนอแนะนิดหน่อยนะครับ  อาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง  จิงๆ แล้ว การเริ่มเลี้ยงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อย่างกบ หรือสัตว์น้ำอย่างปลา หรือกุ้งในบ่อ ก็ตาม น้ำเป็นปัจจัยสำคัญเลยครับ 

ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นประสบการณ์สำหรับคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือสัตว์น้ำเหล่านี้ และก็จะเจอปัญหาลูกพันธุ์สัตว์น้ำ ตายเมื่อนำมาปล่อยในที่เลี้ยง บ่อเลี้ยงหรือในภาชนะเลี้ยง  

ผมจะแยกสาเหตุที่่น่าจะเป็นปัญหาดังนี้ครับ

- ยางรถยนต์ ก็เป็นไปได้ครับ ก็ล้างนอกล้างในให้ดี  ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วล่ะครับ  เพราะว่ายางรถยนต์เอง สารเคมีที่จะปนเปื้อนออกมามีน้อยครับ เนื่องจากสารพวกนี้ผสมอยู่ในโพลีเมอร์ของยาง ค่อนข้างยากครับที่จะละลายออกมา

- น้ำครับ คือน้ำที่ใช้ หาเป็นน้ำบาดาล น้ำจะมีค่าอัลคาไลน์ค่อนข้างสูง  สัตว์น้ำหรือแม้แต่กบ ก็ไม่ชอบน้ำที่มีค่าอัลคาไลน์สูงครับ  อันนี้ต้องตรวจดูว่าน้ำมีค่าอัลคาไลน์สูงไปหรือไม่

- แอมโมเนีย และไนไตร์ท  อันนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนเลี้ยงสัตว์น้ำใหม่ๆ  แม้แต่กบ ก็เช่นกัน  เพราะสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พวก กบ เขียด จะสังเกตได้ว่า พวกนี้จะรักษาผิวหนังให้เกิดความชื้นตลอดเวลา เพื่อช่วยในการหายใจแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนทางผิวหนังด้วย  เมื่อเราปล่อยลูกกบ ค่อนข้างหนาแน่น ลงไปในแหล่งน้ำใหม่ๆ หรือบ่อใหม่  สิ่งแรกที่จะเกิดคือ กบเครียด เนื่องจากถูกเปลี่ยนสภาพแวดล้อม อีกทั้งเครียดจากการขนส่ง จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูง และเมตาบอลิซึมในร่างกายก็จะสูงด้วย  หลังจากนั้น กบก็จะปล่อยของเสียในรูปของแอมโมเนีย (ฉี่กบ) นั่นเองลงในน้ำ   จริงๆ แล้วถ้าในบ่อธรรมชาติ หรือบ่อที่มีพืชน้ำอยู่บ้าง จะไม่มีปัญหาเรื่องค่าแอมโมเนียสูงจากการขับถ่ายของกบ หรือสัตว์น้ำ เนื่องจากแอมโมเนียเป็นปุ๋ยอย่างดีสำหรับพืชเช่นกัน ทำให้เกิดสมดุลในแหล่งน้ำได้  อีกทั้งแหล่งน้ำเก่าๆ ก็จะมีแบคทีเรียจะคอยช่วยเปลี่ยนแอมโมเนียเป็นไนเตรทในรูปที่เป็นพิษน้อยมากๆ แต่สามารถเป็นปุ๋ยให้กับพืชน้ำได้   จากปัญหาแอมโมเนียที่กบเครียดและปลดปล่อยออกมา เมื่อมีมากขึ้น ก็ทำให้ระบบการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนของกบแย่ลง และแอมโมเนียในเลือดสูงขึ้น ทำให้๊ช๊อคตายง่ายมาก  เมื่อมีตัวตายแล้ว ตัวอื่นก็จะตายตามเนื่องจากมีการเน่่าเสียเกิดขึ้น    หลายๆ คนเห็นว่ากบตาย ก็เปลี่ยนน้ำ ก็ช่วยได้ครับ  แต่ยังช่วยได้ไม่หมด 

       วิธีการแก้ไขมีดังนี้   ก่อนจะเลี้ยงลูกกบ หรือสัตว์น้ำอื่นๆ  เริ่มแรก คือ บ่อเลี้ยง ภาชนะเลี้ยง ควรมีการทำความสะอาด และปล่อยน้ำทิ้งไว้ซัก สองถึงสามวัน ถ้าเป็นไปได้ควรมีการให้ออกซิเจนกับน้ำด้วย  หลังจากนั้น หาชิ้นเนื้ออะไรก็ได้ เช่น เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ชิ้นเล็กๆ ซัก 1-2 ชิ้น ใส่ลงไปในบ่อ  แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 วัน ถามว่า ทำไปทำไม  ก็เพิ่มแอมโมเนีย เพิ่มแบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายซากต่างๆ ลงไปในบ่อก่อน หรือใช้ EM ใส่ลงไปด้วยก็ดี  จะช่วยให้เกิดการย่อยสลายได้ดี และทำให้ระบบบ่อเลี้ยงมีจุลินทรีย์ช่วยเปลี่ยนของเสียพวกแอมโมเนียได้อย่างรวดเร็ว   เมื่อระบบบ่อสมดุลแล้ว ก็นำสัตว์น้ำ หรือลูกกบ มาปล่อยลงเลี้ยง  เมื่อลูกกบ หรือสัตว์น้ำมีการขับถ่ายของเสีย ของเสียเหล่านั้นก็จะถูกเปลี่ยนรูปจากของเสียมีพิษ ให้อยู่ในรูปที่ไม่มีพิษได้อย่างรวดเร็ว  ก็จะทำให้ระบบบ่อสมดุลได้ดีครับ

        จริงๆ แล้ว ผมว่า สำหรับคนที่เพิ่งจะเลี้ยงอะไรใหม่ๆ คิดว่า ได้ลูกพันธุ์มาปั๊บก็ปล่อยลงบ่อเลย  นั่นไม่ใช่วิธีการคิดที่ถูกนัก  เพราะเหมือนเราจะเข้าอยู่ในบ้าน แต่บ้านยังไม่พร้อม คนที่เข้าอยู่ก็ไม่สบายตัวไม่สบายใจ  เครียดเอาง่ายๆ

       อันนี้แนะนำตัวอย่างอีกอย่างนึงคับ  เคยเห็นมั้ยครับ สำหรับคนที่เลี้ยงปลาสวยงามในตู้สวยๆ น่ะ เค้าเริ่มจากอะไร  ขั้นแรกเค้าจัดตู้เตรียมน้ำ ลงพันธู์ไม้น้ำ จนไม้น้ำเริ่มโต และระบบนิเวศสมดุลแล้ว เค้าจึงปล่อยปลาสวยงามลงไปทีหลัง   อันนี้ก็คล้ายกันครับ   อย่าใจร้อนนะครับ  เพราะใจร้อนแล้วจะเป็นอย่างนี้แหละ 

       เอาใจช่วยนะครับ พี่บ่าว  ลองดู  แต่ตอนนี้ผมว่าในระบบคอนโดของพี่บ่าว มีแบคทีเรียพร้อมแล้วครับ  แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำ ก็โอเคแล้วนะผมว่า  ขอให้สำเร็จครับผม

จากประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งและปลามานิดหน่อยครับผม น่าจะพอประยุกต์ใช้ได้นะครับพี่บ่าว

1)  EM 2 ช้อนแกง  2)  กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง     3)  น้ำ  1  ลิตร      นำส่วนผสมมาหมักรวมกัน  ทิ้งไว้ในที่ร่ม 1 อาทิตย์  ก็นำไปใช้ได้    อัตราส่วนการใช้   น้ำหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมใส่บัวรดน้ำรดให้ทั่ว  จะช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรค 

    บ้านพี่อยู่ตรังนี่เอง  อยู่ในตัวเมือง  ช่วงนี้ก็ว่างอยู่  ถ้าได้ไปดูงานที่บ้านสวนพอเพียงก็

ดีมากเลย  เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ได้พานักเรียน 60 คนไปอบรมกสิกรรมธรรมชาติที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติทุ่งสง  บ้านหนองแร้ง  กลับมานักเรียนก็ได้ผลิตปุ๋ยชีวภาพในโรงเรียนเป็นผลสำเร็จ  ต่อไปต้นไม้ในโรงเรียนจะสะพรั่งสวยงาม  นักเรียนหญิงคนหนึ่งได้ไปขยายผลให้แก่พ่อแม่  พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน  ได้ผลิตปุ๋ยชีวภาพใช้เองใส่สวนยางเป็นล็อตที่ 4 แล้ว  นักเรียนชายอีกคนหนึ่งชอบเตาเผาถ่านมาก  ได้ร่วมมือกับน้าชายทำเตาเผาถ่านและเผาถ่านเป็นผลสำเร็จ  วันหลังจะโพสท์รูปต่าง ๆให้ดู (แต่ขอเวลาศึกษาการโพสท์รูปก่อน  โทรฯปรึกษาลูกชายที่กรุงเทพฯ ลูกชายขอตัวเตรียมตัวสอบก่อน) 

                                                  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ดี

การเลี้ยงกบในยางรถครั้งแรกของผมประสบปัญหาครับเพราะยังขาดประสบการในการเลี้ยงพอผ่านไปได้ 1 ปี ผมก็รู้ปัญหาของกบจริงๆ แล้ว การเลี้ยงกบต้องสะอาดอากาศถ่ายเทดี เปลี่ยนน้ำทุกครั้งก่อนให้อาหาร ใช้ น้ำหมัก เทลงในยางที่มีน้ำ  ตอนนี้ลองเลี้ยงในท่อซีเมนต์ดูครับ ผมว่าดีนัครับ ว่างๆจาถ่ายรูปให้ดูเน้อ

อยากเลี้ยงบ้าง :embarrassed:

ขอเพิ่มเติมจากพี่ Trangsiam ครับ ผมก็มีประสบการเลี้ยงกบเช่นเดียวกันครับ ลูกกบถ้าปล่อยลงใหม่ๆ ไม่ควรให้เขาแช่น้ำตลอดเวลา เพราะอย่างที่พี่เขาบอกของเสียในน้ำจะแพร่เข้าสู่ร่างกายมาก ควรมีพื้นดินที่โผล่เหนือนำหรือวัสดุที่ลอยเหนือผิวน้ำให้ยึดเกาะ และถ้าลูกกบขนาดไม่เท่ากัน ตัวใหญ่จะกัดหรือกินตัวที่เล็กกว่าครับ