ส่วนหนึ่งของเธออีกครั้งนะ นะ นะ..
ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด เห็นตัวเองและคาดว่าคงมีผองเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันอีกหลาย นอนเรียงรายกันอยู่ จากเสียงหายใจที่ทอดยาวและบทพุมพำอันไม่ได้ศัพท์ที่ได้ยิน สัมปชัญญะพึงสติรู้ จึ่งเลือนๆได้ว่า โชคชะตานำพาพวกเรามาอยู่รวมกันที่ไหน...
ความอึกทึกครึกโครมด้านนอก ทำให้เราทราบว่า ความหวังที่เราอาจจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีนั้น มีความเป็นไปได้ในไม่ช้านี้เป็นแน่แท้ ก็เพียรได้แต่ภาวนาในใจ เพราะหนักกาย ยากไร้สิ้นเสียงที่จะบอกกล่าวเล่าตะโกน
สองวันผ่านกระมังหากวัดตามความรู้สึก ท่ามกลางความมืดและชื้นแฉะ ความหวังที่พึงมีค่อยๆตีจากพวกเราไปทีละน้อยๆ ฝนตกหนักและชุกเกือบจะทุกวัน คงเป็นอุปสรรคสำคัญแห่งการช่วยเหลือ ได้แต่ปลอบใจกันและกัน ผ่านทางช่องรอยต่อของความนึกคิด
แม้นแต่ตัวฉันเองยามนี้ ก็รู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเหมือนจะเป็นไข้ เหมือนร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงปริแตก หัวข้างในแทบจะเริ่มระเบิด เหมือนเท้าของฉันจะยาวขึ้น แต่ก็แปลกอยู่เหมือนกัน ที่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลใดๆกับสิ่งที่ร่างกายกำลังขับเคลื่อนและดำเนินไปอย่างต้องเนื่องรวดเร็ว อาจเป็นมายาภาพหลอน หรือฉันเสียสติไปแล้วก็ว่าได้ ถามและย้ำหยิกตัวเองเพื่อเรียกสติ สติที่จำต้องควรอยู่อย่างถูกที่ ถูกเวลา ในภาวะเยี่ยงนี้
ใช่ๆ พวกเราต้องไม่แพ้ ฉันแพ้ไม่ได้ ฉันต้องไม่แพ้....ฉันสัญญากับตัวเองเพื่อย้ำเตือนกระตุ้น.
ฉันอยู่กับประโยคท่อนสั้นๆนั้น ท่องไปบ่นไป เพื่อให้หัวใจแห่งความเข้มแข็งมันได้ยิน
ฉันเผลอหลับต่อไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย ปล่อยวางทิ้งกองทุกอย่างไว้ตรงนั้นอย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ ภาพขณะจิตผุดผาดขึ้นในแสงจ้า ฉันเหมือนเห็นตัวฉันเองล่องลอยถูกย้อนเวลากลับไปยังครอบครัว พบตัวเองครั้นยังวัยเยาว์ ภาพถูกตัดฉับไปสลับมา อย่างไร้ความต่อเนื่องและรวดเร็ว หากแต่ค่อนข้างจะแจ่มชัดในความรู้สึกที่แลเห็น ก่อนมาหยุดลงตรงที่ตัวเอง กำลังหยอกล้อเล่นกับหมู่มวลผีเสื้อสีสวยด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะอย่างรื่นรมย์
ภาพความจริงหรือฝันจากจิตที่ปรุงแต่งขึ้นกันแน่นะ แต่ฉันก็พึงพอใจอย่างที่สุด อยากจะให้ทุกอย่างหยุดและจบสิ้นลงเพียงแค่นั้น อยากให้เป็นและมีความจริงเพียงแค่นั้น ฉันไม่อยากจะตื่น....ไม่อยากลืมตาลุกขึ้นอีกแล้ว ไม่อยากฝืนทนแล้วอีกต่อไป
แต่ว่า ไม่ๆๆนะ... เธอต้องไม่แพ้ เธอแพ้ไม่ได้ ฉันต้องไม่แพ้ เสียงก้องก่อแย้งแทรกเข้ามาในมโนคิด ก่อนที่ทุกอย่างจะแน่นิ่งและดำมืดอยู่ในภวังค์ที่ปล่อยวาง
เสียงอึกทึกครึกโครมที่เจนแจ่มชัดสลับกับรู้สึกว่ามีเสียงหัวเราะแห่งความตื่นเต้นยินดี ปลุกเรียกคืนสติฉันให้กลับคืนมาอีกครั้ง
ตื่นๆไอ้น้องขี้เซ้าจัง เรารอดแล้วๆ พวกเรารอดแล้ว หมู่ผองเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเรียกขานสะกิดฉัน
จริงหรือพี่ พี่ไม่หลอกหนูนะ ฉันยังไม่อาจจะแน่ใจใดๆได้อีก สิ่งที่ผ่านมาที่เรียกว่า มายาภาพ มันทำให้ฉันรู้สึกสลับสับสน ระหว่างความนึกฝันกับความเป็นจริงที่ปรากฎ เหมือนกับอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นหันมองไปยังต้นเสียงที่เรียกขานนั้น
แม้นจะรู้สึกแปลกๆกับร่างกายของทุกคนที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ฉันก็ยังพอจะจำสุ่มเสียงได้จากความคุ้น ว่าเค้าเป็นใคร
ใช่..ฉันก็เริ่มสังเกตเห็นและแปลกใจกับความแปรเปลี่ยนไปในสภาพร่างกายของฉันเองด้วยเช่นกัน
นั่นพี่จริงๆ นี่หนูจริงๆใช่ไหมพี่ ฉันเรียกถามเหมือนจะย้ำหาความแน่ใจ ท่ามกลางคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ยิ่งกว่าแจ่มชัด
คงเหมือนกับที่เค้าบอก ตายแล้วเกิดใหม่มันอาจจะเป็นแบบนี้ก็เป็นได้ หลายคนที่รายล้อมรอบกายฉันก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน แบบเดียวกับที่ฉันเป็นในขณะนี้
ฉันค่อยๆสำรวจสิ่งรอบกายอย่างช้าๆ ความรู้สึกก่อนเก่าบอกว่า ฉันเคยเห็นสิ่งเหล่านี้ ฉันเคยสัมผัสกลิ่นอายแบบนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ มันชั่งคล้ายกับภาพมายาแห่งความฝันที่เคยรู้สึกมาตลอด แต่นี่มันคือความจริง ความจริงแน่นอน ความจริงอีกบททดสอบนึงของชีวิตที่เพิ่งรื้อฟื้น
ดวงตะวันโผล่ขึ้นตรงขอบฟ้า แทะโลมสัมผัสต่อใบเลี้ยงอ่อนน้อยๆสองใบข้างกายของฉัน ด้วยประกายแสงอ่อนอันอบอุ่น ทำให้ฉันรู้สึกดีจัง เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวทักทายต้อนรับ ฉันรู้สึก “ดักดีเดียม” อย่างไรไม่รู้บอกไม่ถูก จนถูกพวกพี่ๆหลายต้นรุมล้อ หยอกเย้าฉันกันไปมา จนฉันต้องแอบเบือนยอดอ่อนหนีด้วยความขุ่นเขินอาย
แม้เราจะไม่อาจรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้ ต้นกล้าอ่อนๆเล็กๆอย่างพวกเรานั้น ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ในร่อง ในแปลง ในสวนของใครหลายๆคน
เกิดขึ้นมาพร้อมๆกับหัวใจแห่งการแบ่งปัน ส่งต่อมายังอีกคนหนึ่งเพื่อต่อยอดแห่งการสร้างสรรค์ เรียนรู้ เป็นต้นอ่อนแห่งความพอเพียง
จะเลี้ยงดูกันแบบไหน วิธีการไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของพี่น้องชาวบ้านสวนที่จะได้ใส่ใจดูแล
อินทรีย์ชีวภาพ ปลอดสารพิษ หรืออีกอื่นใด....
ฉันก็พร้อมจะอยู่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเธอด้วย...เช่นกัน
- บล็อกของ มานี มานะ วีระ ชูใจ
- เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อแสดงความคิดเห็น
- อ่าน 5155 ครั้ง
ความเห็น
มานี มานะ วีระ ชูใจ
4 มิถุนายน, 2011 - 13:17
Permalink
ฮาๆๆๆๆๆก๊ากกกกกกๆๆ
:uhuhuh: ขำตัวเอง รับทราบจ้า หมาไฟ หรือดครมเท่านั้น...อย่างไรก้ช่วยจับไก่ที่ปล่อยไว้ด้อยก้แล้วกันนะ พี่โสธร... :sweating:
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
sothorn
4 มิถุนายน, 2011 - 14:46
Permalink
ไม่เป็นไรครับ
ไม่เป็นไรครับ
ดีใจครับที่แวะเวียนมาเยี่ยม
มะโหน่ง
4 มิถุนายน, 2011 - 13:18
Permalink
มาแล้ว
มาแล้วอีกหนึ่ง บทความที่คนรออ่าน...ยังคงความเป็นพี่พุดซา เหมือนเคย:uhuhuh: มาบ่อยๆเด้ออ้ายยยย :love:
สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี
ยุพิน เทลเก็น
4 มิถุนายน, 2011 - 13:25
Permalink
คุณมานี
แบบนี้ไปเป็นนักเขียนได้เลย เอ หรือว่ามีอาชีพเป็นนักเขียนอยู่แล้ว
แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง
ทดสอบ
ย่าตอน
4 มิถุนายน, 2011 - 14:54
Permalink
ภาษาศิลป์
ภาษาสละสลวย สำบัดสำนวนชวนอ่านและติดตามมากค่ะ
สร
4 มิถุนายน, 2011 - 15:27
Permalink
ดักดีเดียม
ไม่มีใครถามเลยหรือคะว่า"ดักดีเดียม"หรือ"ดักอิเดียม"คืออะไร
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
eve_chanida
4 มิถุนายน, 2011 - 19:45
Permalink
"ดักอิเดียม"คือ
จั๊ก กะ จี้ :uhuhuh:
""
yooth
4 มิถุนายน, 2011 - 15:53
Permalink
นักเขียนมืออาชีพ
นักเขียนมืออาชีพเลยนะครับนี่ คนอ่านอ่านแล้ว ต้องอ่านติดตามแบบติดตามไม่ยอมหยุด
สุดท้าย ก็กลายเป็นคนไม่มีค่าในสายตาของเขา
ดงดม
4 มิถุนายน, 2011 - 17:31
Permalink
ซีไรต์..บ้านสวน
บ้านสวนเรานี่ผมว่าหลายคนนะ เขียนดีเลยแหละ ..หนึ่งในนั้นคือ ท่านอมิตรพุด คนนี้นี่เอง
ตั้ม
4 มิถุนายน, 2011 - 17:49
Permalink
ดีใจที่ได้เห็นผลงาน
หลังจากห่างหายกันไปสักพักใหญ่..เราไม่ได้ต่อปากต่อคำผ่านทางตัวอักษรกันเลยนิ..ดีใจที่ได้เห็นนายกลับมาฟาดงวงให้เห็นอีกครั้ง ลีลาไม่มีด้อยไปกว่าเดิมเลย..ดีใจครับ..มามะมานี่..หรือพุทรา ..หรือ..????
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
หน้า