เมื่อไฟดับ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

คืนมะรืนไฟตกจนเข้าเน็ตไม่ได้ และที่สุดก็ดับไป อากาศแสนอ้าวจนต้องส่องไฟฉายหาพัดที่เคยซื้อมาเก็บไว้ นอนพัดๆไป คิดไปว่า คนสมัยก่อน ก่อนที่จะมีไฟฟ้า เขาอยู่กันอย่างไร คิดว่าคงเพราะต้นไม้เยอะ คิดว่าเพราะปลูกบ้านใต้ถุนสูงดูโปร่งโล่ง แถมการแต่งกายของคนโบราณก็เข้ากับอากาศ เพราะนุ่งโจงกระเบน พันผ้าแถบ ผู้ชายก็นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว ส่วนทางเหนือบ้านฉัน หญิงนุ่งแต่ผ้าซิ่น ข้างบนไม่นุ่งอะไร คิดแล้วอดยิ้มไม่ได้ คิดจนหลับไป พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็กลับมา คือไฟติดแล้ว ตอนสายหม้อแปลงแถวบ้านระเบิดอีก ไฟดับอีกแล้วค่ะท่านขา รถซ่อมไฟฟ้าสีส้มๆ วิ่งไปวิ่งมาจนสาย ไม่มีไฟใช้อีกแล้ว พอไม่มีไฟใช้ก็เหมือนไม่มีไรจะทำ จึงไปผูกเปลนอนใต้ต้นไม้ รู้สึกว่าเหงาๆ เพราะไม่มีเสียงอะไรอย่างที่เคยได้ยินเลย ปรกติจะมีเสียงวิทยุโทรทัศน์ เสียงเด็กเล่นเกมส์ และอื่นๆไฟดับเนิ่นนานทำให้คิดว่าหากกลับไปใช้ชีวิตแบบไม่มีไฟฟ้า พอจะเป็นไปได้ไหม เพราะความสะดวกสบายในการมีไฟฟ้าใช้นั้นมันเหมือนยาเสพติดเหมือนกันนะ พอขาดไป ก็ลำบาก และแสนเซ็ง

ความเห็น

กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วมั้งค่ะ สำหรับคนในปัจจุบัน


เห็นเล่ามาถึงตรงที่บอกว่า คนสมัยก่อนผู้หญิงทางเหนือนุ่งซิ่น ข้างบนไม่ไส่อะไร!!!! แน่นะ ว่าไม่ได้ไส่อะไร แล้วหน้าอกผู้หญิงมันจะไม่ยานโทงเทงหรอค่ะ.... ผู้ชายยังพอว่าไส่แต่ข้างล่าง

 

พี่อ๊อด .....ผมคิดว่า ถ้าเป็นเมื่อสมัย รัชกาลที่ 5 น่าจะจริงครับ แต่ปัจจุบัน ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

ภาพจาก http://blogazine.in.th/blogs/sutthida/post/3256

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

สมัยก่อน อาจจะอยู่ได้ แต่เดี๋ยวนี้สิ ถ้าไม่มีไฟ นู๋หวึ่งว่าอยู่ กันไม่ได้หรอกค่ะ

ชีวิตไม่ได้เกิดมา เพื่อยอมแพ้

ญาติพี่น้องทั้งพ่อและแม่อยู่ทางเหนือค่ะ  กุ้งเกิดมาก็เห็นย่าและยายเขาใส่เสื้อกันนะ  แต่ข้างล่างนุ่งเป็นผ้าซิ่น   ปิดมิดชิดด้วยเพราะเขาจะยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีกันอย่างเคร่งครัด...แต่ถ้าเก่าขนาดรุ่นทวดนี่กุ้งไม่รู้แล้วค่ะ  เขาไม่อยู่ให้ถามแล้ว....รึว่าคนแก่เขาจะใส่เหมือนเสื้อชั้นในแต่ปิดถึงพุงรึเปล่าแล้วมีซิบไว้ใส่ตังส์ข้างหน้า? 

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

:nonono: ก็ดีไปอีกแบบนะ เพราะเรารู้สึกถึงความสงบเงียบของบรรยากาศในที่นั้นๆ

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

วันก่อนไฟดับ  สรุปว่าร้อนขึ้น ๆ ไม่หลับ  ตีสองไฟมาแอร์ติดค่อยนอนหลับได้

ไปบ้านที่ปาย  ไม่มีไฟ  ไม่มีพัดลม  กลางคืนอากาศเย็นแบบห่มผ้มนวมบางได้

บ้านอยุ่บนเขามั้ง  กว่าจะมืดก็ทุ่มกว่า  สามทุ่มหิ่งห้อยบินกันเต็มสว่างไปหมด  ใช้เทียนเป็นหลัก  เวลาเดินบางครั้งกับก่อนนอนเท่านั้นที่ใช้ไฟฉาย

มีแบตเปิดโน๊ตบุคได้  แต่ไม่เปิด  อยู่กับบรรยากาศธรรมชาติไป  เพราะถ้าเปิดละก็แมลงมาตอมเต็มแน่

บางทีก็รู้สึกว่าไม่มีไฟบ้าง  พักการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน

 

--------------

อยู่นั่นทำได้  แต่อยู่กรุงเทพทำใจให้นิ่งไม่ได้  เอา BB มาเปิดดูเนท เปิด FB กะว่าแบตหมดเดี๋ยวก็ชาร์จ

มันเงียบ  เอาไวโอลินมาปัดฝุ่นเล่น  เดี๋ยวเดียวก็เบื่อ  นึก ๆ อยากได้กีตาร์โปร่งดี ๆ สักตัว

เอา ipod มาเปิดเพลงฟัง  ก็ยังไม่มาสักดี

นอนไม่มีแอร์พอนอนได้  แต่ก็ร้อน  นอนไม่หลับ

ผมยังเคยคิดเลย วันหนึ่งหากไฟฟ้าดับซัก 15 วัน เราจะอยู่กันได้ไหม

ถ้าเดินเรื่อยไป ย่อมถึงปลายทาง

เมื่อวานไฟดับตอนเกือบ 5 โมงเย็น

บ้านอื่นเดือดร้อนแต่บ้านครูตี๋สบายจุดเตาถ่านหุงข้าวซึ่งทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว

ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เตาแก๊ส และหม้อหุงข้างไฟฟ้าเกือบไม่ได้ใช้เลยครับ  นาน ๆ จะใช้ซักที กันเสีย

 

เมื่อวานนอกจากตัวเองไม่เดือดร้อนแล้ว บ้านข้าง ๆ ก็ขอใช้เตาด้วย 555555

 

 

แต่ที่จะแย่ตอนนี้คือถ่านที่ขอแม่ยายมากำลังจะหมด และผนตกเผาเองไม่ได้ด้วย :uhuhuh:

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

เคยอยู่แบบไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาไม่ไหล เกือบครึ่งเดือนค่ะ

ช่วงน้ำท่วมภาคใต้ เมื่อไม่นานมานี้

ฟังแต่วิทยุทรานซิสเตอร์ อยู่กับความเงียบ

ได้ความรู้สึกของคนรุ่นปู่ รุ่นย่าเลยค่ะ

สมัยเด็กๆ ที่บ้านซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ (สมัยนี้เขาเรียกว่าปริมณฑล) ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ไฟแสงสว่างใช้ตะเกียงโป๊ะเติมน้ำมันก๊าด น้ำกินรองน้ำฝนใส่ตุ่มไว้ ถ้าน้ำฝนไม่พอก็ใช้น้ำจากแม่น้ำแกว่งสารส้ม น้ำอาบไม่ต้องพูดถึง โดดลงแม่น้ำได้เลย ถ้าจะให้ไปใช้ชีวิตแบบเดิม ผมว่าผมอยู่ได้นะ แต่ขอให้แหล่งน้ำเป็นน้ำที่สะอาดปราศจากมลพิษเป็นใช้ได้