นาฬิกาชีวิต

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ระยะนี้อาการเปลี่ยนแปลง และเห็น พี่ น้อง ชาวบ้านสวนฯ นอนดึก ตื่นเช้า เข้ามาพูดคุยกันในเวบฯ รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพ เลยขอเสนอ บทความดี ๆ ให้กับ พี่ น้อง ชาวบ้านสวนทุกท่าน ค่ะ ปฏิบัติ กันได้มากน้อยเพียงใด ก็สุดแท้แต่ วิถีชีวิต แต่ละคน เอาเป็นว่าด้วยความเป็นห่วง อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี ค่ะ

ตารางเวลาร่างกาย
ช่วงเวลา ระบบที่เกี่ยวข้อง ข้อควรปฏิบัติ
01.00-03.00 ตับ นอนหลับพักผ่อนให้หลับสนิท
03.00-05.00 ปอด ตื่นนอน สูดอาการบริสุทธิ์
05.00-07.00 ลำไส้ใหญ่ ขับถ่ายอุจจาระ
07.00-09.00 กระเพาะอาหาร กินอาหารเช้า
09.00-11.00 ม้าม พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
11.00-13.00 หัวใจ หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
13.00-15.00 ลำไส้เล็ก งดอาหารทุกประเภท
15.00-17.00 กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เหงื่อออก(ออกกำลังกายหรืออบตัว)
17.00-19.00 ไต ทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
19.00-21.00 เยื่อหุ้มหัวใจ ทำสมาธิ หรือสวดมนต์
21.00-23.00 ระบบความร้อนของร่างกาย ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
23.00-01.00 ถุงน้ำดี ดื่มน้ำก่อนเข้านอน

นาฬิกาชีวิต (BIOLOGICAL CLOCK)

การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและ อวัยวะกลวง

อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลําไส้ใหญ่ ลําไส้เล็กกระเพาะปัสสาวะ

ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว)การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต”

ตัวอย่างเช่น การไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น.และสูงสุดในชเวงประมาณ 04.00 น. จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลําไส้ใหญ่ เวลา 05.00 น. การรักษาโรคของเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรอยู่ระหว่างเวลา 0.00-05.00 น. ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาตะวันตก คือ ยาดิติตาลิสในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว (มีการคั่งของน้ำในปอด) การให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น. จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณสี่สิบเท่าของการให้เวลาอื่น เป็นต้น การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายในมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา (นาฬิกาชีวิต) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทํางานของระบบต่างๆ ฯลฯ เป็นไปตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป

การดําเนินชีวิต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิต ประจําวัน ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขภาพที่ดี และมีอายุยืน ปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้

01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจําในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทําให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอนจากร่างกายจะหลั่งมีราทินประจําแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทําให้ตับทํางานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับ คือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ
1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทําให้ตับทํางานหนักตับจะหลั่งน้ำาย่อยออกมามาก
จึงไม่ได้ทําหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

03.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจําปอดจะดี ผิวดีขึ้น และจะเป็นคนที่มีอํานาจในตัว

05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลําไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทําให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตําแหน่งสองข้างของจมูกถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใชน้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว 4-5 ลูก ทําดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมทั้งหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง

07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทํางาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้าขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

09.00-11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือดสร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ

- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทําให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
- ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน จึงทําให้อ้วนง่าย

ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00-11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงถึงริมฝีปาก
ผู้ที่พูดบ่อย ๆ หรือพูดเก่ง ๆ ม้ามจะชื้น จึงควรพูดน้อยกินน้อย ม้ามจึงแข็งแรง

11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทํางานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทําให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลําไส้ เล็ก จึงควรงดการกินอาหารทุกประเภทเพื่อเปิดโอกาสให้ลําไส้ทํางาน ลําไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สําหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลําไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่าเนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลําไส้ยาวกว่าจึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ1 ซี่

15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวตา -> ผ่านหน้าผาก -> ศีรษะ -> ท้ายทอย -> แผ่นหลังทั้งแผ่น -> สะโพก -> ด้านหลังขา -> หัวเข่า -> น่อง -> ส้นเท้า -> นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจําไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด

ช่วงเวลานี้ควรทําให้เหงื่อออก อาจจะออกกําลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง
ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย แก้ไขเรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโปตัสเซียม (ผู้ที่มีโปตัสเซียมน้อย ต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา จะทําให้โปตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวายได้ง่าย)

การอั้นปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทําให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็น
เหมือนปัสสาวะ

17.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทําใจให้ลดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก

- ไตซ้าย จะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน

- ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจํา ถ้าไตขวามีปัญญา ความจําจะเลื่อม
และเป็นคนขี้หนาว (ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนมีอายุยืน เป็นคนกล้า)

ถ้าลําไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลําไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็น
ภาระของไต เป็นผลให้ไตทํางานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ

การดูแล คือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโฉลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง

19.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทําสมาธิ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดํา เทา เอาเท้า แช่เท้าในน้ำอุ่น

21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทําให้ร่างกายอบอุ่น จึงห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้เพราะจะทําให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ

23.00-01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี (ถุงน้ำดีเป็นถุงสํารองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ)อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทําให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลใหเอารมณ์ฉุนเฉียวสายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม(ถุงน้ำดีจะโยงถีงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ (ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก เมื่อตรวจด้วยลูกดิ่งจะพบว่า ถุงน้ำดีข้น มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)

ทางแก้ คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทําจากใบสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายที่ดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูง ๆ เพราะจะทําให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้น ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.

ความเห็น

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ :embarrassed:

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ :embarrassed:

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ :embarrassed:

สำคัญที่เราจะทำได้รึป่าวน่ะครับ

 

ชีวิตที่เพียงพอ ย่อมมาจากชีวิตที่พอเพียง

     ขอบคุณค่ะ

ทฤษฎีพอจะรู้ๆค่ะ แต่ปฎิบัติ ไม่ง่ายเลย:sweating:

ถ้าทำได้คงจะดีมากจริงๆค่ะ

Laughingทำวันนี้ให้ดีที่สุด เวลาชีวิตน้อยลงทุกวัน

ยอมรับค่ะ ปฏิบัติยากมากจริง ๆ บ้างครั้งมีเพลอไปบ้าง ดิฉันจึงใช้วิธีเตือนตนเอง โดยการติดข้อความนี้ให้ทั่วบ้าน แต่ก็ทำได้ไม่ครบหรอกค่ะ พยายามอยุ่

ทำไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะช่วง 9:00-11:00 น. ห้ามพูดมาก ให้พูดน้อยๆ ช่วงนี้คือช่วงที่ต้องแหกปากเลยค่ะ ยิ่งใครที่เป็นครูสอนเด็กเล็กนี่เมื่อยปากเลย

โอ... บะเจ้าจอร์ท ... มันยอดมาเลย...

ส่วนใหญ่จะตรงตามนี้  แต่ก็มีบ้างที่ไม่ตรงเช่น..

การอาบน้ำอ่ะ... ยิ่งตอนขึ้นดอยสูงๆ หนาวๆ  .. ไม่ได้อาบน้ำเลย...แฮ่ๆๆๆ..  :sweating:

.................

ขอบคุณนะคะ :bye: