วิถิทางป้องกันรักษา"มะเร็ง" ของคนจน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

  ช่วงนี้  คนที่ผมรู้จักเข้าโรงพยาบาล ตรวจพบว่าเป็น"มะเร็ง" มากเหลือเกิน  แต่ละคนอายุก็ไ่มาก  เพียงสี่ห้าสิบปีเท่านั้น  ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้าน  อาหารเที่ยงก็กินตามร้าน  อาหารเย็นก็เป็นอาหารถุง  ดังนั้นจึงได้รับสิ่งแปลกปลอมพวกสารเคมี  สารพิษ ที่มีในอาหารกันทุกวัน

   โรคนี้ก็ป้องกัน รักษาได้  แต่อาจเป็นปัญหา สำหรับคนจน เพราะไม่มีเงิน  ไม่มีคิวสำหรับตรวจรักษา ฯลฯ

   ผมจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรในการป้องกันรักษา โรคมะเร็ง  จากการบอกเล่าของผู้ที่ปฏิบัติได้ผลมาแล้ว  ซึ่งไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากนัก  ถ้าใครสนใจนำไปปฏิบัติตาม"โรคมะเร็ง"มีโอกาสหายได้ แต่คำว่า  รางเนื้อชอบรางยา ยังเป็นสัจธรรมคู่โลกอยู่ทุกวันนี้ครับ

สมุนไพรที่มีคนเป็นมะเร็ง กินแล้วได้ผล

1.จิงจูฉ่าย     2.รางจืด     3.มะรุม     4.ฮว่านง็อก(ต้นพญาวานร)    5.ใบย่านาง

6.ใช้ธรรมชาติบำบัด  งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด  กินผักที่ปลอดสาร  ปลูกเองได้ก็จะดี   กินสมุนไพรควบคู่

 

ภาพต้นจิงจุฉ่าย อาหารยอดนิยม คือ ใส่ในต้มเลือดหมู

    ภาพต้นรางจืด ชนิดเป็นเถาว์

กินสัปดาห์ละครั้ง  จะช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้

จิงจูฉ่ายรักษามะเร็งได้จริงหรือ

            ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคม  ม.เกษตรฯแห่งอเมริกา ขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย
          "ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood   กลางปี 2007 ได้เจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน  ถามทุกข์สุขกันจึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง ,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง  ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง  รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8 คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา 5 ปี ทุกคนหายหมด   เขามีวิธีรักษากันอย่างไร?
          วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า ในสวนหลังบ้านมีต้นจิงจูฉ่าเยอะ   จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันว่า “ช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกาย”  ทำให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร   วันหนึ่งลูกไปตรวจหมอบอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง   จึงลองเอาจิงจูฉ่าย 1 กำมือมาตำ ได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือนถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว"
          ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน 8 คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย)
          ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน(ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก  คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8เดือน หายเป็นปกติ
          ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา 1 ต้น  จึงนำมาเพาะขยาย  ปลายปี 2008 รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว  ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ   เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป  ผล 3 เดือนถัดไปหายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล)
          ปี 2009 มีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้น แจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน  ซึ่งอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด  ถ้าจะช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่ามีโอกาสหาย เพื่อนku37คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง"

***เมื่อก่อน ต้มใบย่านางกับหน่อไม้ ทำซุบหน่อไม้  เอาไว้ลดพิษของหน่อไม้
***น้ำใบย่านางรสชาดเหมือนน้ำนมข้าวมากๆค่ะ มีคลอโรฟิลเยอะมาก

อาการโรคที่ผู้ป่วยใช้ใบย่านาง จนทุเลาเบาบางลง

          - เนื้องอกในมดลูก มดลูกโต ตกเลือด ตกขาว ปวดตามร่างกาย
          - มะเร็งปอด  มะเร็งตับ  มะเร็งมดลูก
          - โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เนื้องอกในเต้านม
          - เบาหวานและความดันโลหิตสูง 

          - ขับสารพิษ  ภูมิแพ้ ไอ จาม  งูสวัด  ตุ่มผื่นคันที่แขน
          - อาการปวดแสบ ขัด ออกร้อน  ในทางเดินปัสสาวะ
          - นอนกรน ไตอักเสบ 

  ***ผู้ป่วยโรคมะเร็ง  จะมีอาการดีได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเป็นส่วนใหญ่และกำลังใจจากคนรอบข้าง***
                          การดูแลตัวเองของผู้ป่วย ที่ทำอยู่

1. ทำจิตใจให้สงบ ฝึกสมาธิ หายใจเข้า-ออกลืกๆให้สุดๆ ช้าๆ เพื่อเอาอ๊อกชิเจนเข้าไปในร่างกายให้ได้มากที่สุด(อ๊อกชิเจน จะไปทำร้ายเซลมะเร็ง อย่าเครียด)
2. รับประทานผักสดผลไม้ให้มากๆ(ไม่หวานและล้างให้สะอาด)
                       3. หลีกเลี่ยงอาหารพวกแป้งขัดขาว,น้ำตาล และไขมัน(ทั้ง 3 นี้ เป็นอาหารของมะเร็ง)

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ(ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้นและฟื้นตัวเร็วขึ้น)
5. ดื่มน้ำคั้นแครอทวันละ 2-3 แก้ว
6. ดื่มน้ำคั้นย่านางวันละ 3 แก้ว
7. ทานมะรุมแคปซูลวันละ 4-6 แคปซูล
8. ทานขมิ้นแคปซูลวันละ 2-6 แคปซูล
9. รับประทานวิตามินในปริมาณมาก โดยเฉพาะวิตามินC

โรคมะเร็ง  คนอื่น(รวมถึงหมอ)ช่วยได้ครึ่งหนึ่ง และตัวคนไข้ครึ่งหนึ่ง  โดยตัวคนไข้เองต้องยอมรับความจริง  ยอมปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ๗ อ หรือไม่ 
          ๗ อ ที่ว่านี้ คือ  ควบคุมอาหาร  เอาพิษออกจากร่างกาย  อารมณ์ดีไม่เครียด  สูดอากาศบริสุทธิ์   เอนกายหรือการพักผ่อนให้เพียงพอและอิทธิบาทสี่  

**กินแกงเหลือง แกงเลียง แกงป่า แกงส้ม(ของดี.ราคาถูก)มีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยมาก

**นักวิชาการฟันธงแล้ว บริโภค 'แกงเลียง' 'แกงเหลือง' ต้านโรคมะเร็งได้

 ***นักวิชาการทั่วโลกแนะนำว่าไม่ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  เพื่อป้องกันมะเร็ง   เว้นแต่เจ็บป่วยหรือมีภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง******

            ***สรุปได้ว่า  การบริโภคอาหารสำรับแบบไทย  เช่น  แกงเลียงกุ้งสด  ห่อหมกใบยอ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง  ข้าวสวย หรือสำรับข้าวเหนียว ส้มตำใส่แครอท  ไก่ทอดสมุนไพร  ต้มยำ จะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง***

      ถามว่า"ผมเชื่อหรือไม่"  ผมไม่ตอบแต่แนะว่า  "ถ้ากินได้ ก็กินเถอะครับ" กินไปพร้อมกับรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบัน  ถ้าไม่หายถือว่าได้กินพืชผักที่ปลอดสารก็แล้วกัน  เกิดรางเนื้อชอบรางยาอาการโรคหาย  ก็ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 นะครับ

ความเห็น

เห็นด้วยครับ :cheer3:

ตกใจบทเกริ่นของอาจารย์ เพราะอ่านเร็วไปหน่อย ....ขอบคุณข้อมูลที่น่าสนใจค่ะ....สมุนไพรไทยมีคุณประโยชน์มากมาย ลางเนื้อชอบลางยา....


:love: ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ค่ะ

เห็นด้วยทุกข้อความ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

ข้อมูลอันนี้ผมเคยอ่านแล้ว และก็มีลูกค้าที่มาถามซื้อต้น จิงจูฉ่าย กับผมว่ารักษามะเร็งได้จริงหรือ ผมก็ตอบไปว่ายังไม่ข้อมูลการวิจัยเลยว่ารักษามะเร็งได้ ผมบอกต่อไปว่าที่ผมพอจะรู้คือ ช่วยลดความดัน ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ประมาณนั้น ผมขายต้นจิงจูฉ่ายก็จริงแต่ข้อมูลที่ผมไม่รู้ก็ไม่กล้าบอกเค้าไป เดี๋ยวจะขายไม่ทัน :uhuhuh:

EAKAPONG_36@hotmail.com Tel 087 959 9004

ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลครับ.Smile

"**นักวิชาการฟันธงแล้ว บริโภค 'แกงเลียง' 'แกงเหลือง' ต้านโรคมะเร็งได้

 ***นักวิชาการทั่วโลกแนะนำว่าไม่ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  เพื่อป้องกันมะเร็ง   เว้นแต่เจ็บป่วยหรือมีภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง******"

อยากทราบว่า 1. นักวิชาการที่ว่านั้น ชื่ออะไร ใช้อะไรฟันธง 2.นักวิชาการทั่วโลกมีใครบ้าง

การอ้างอิงโดยไม่มีแหล่งที่มางานวิจัยที่เชื่อถือได้หรือหลักวิชา Immunology เป็นเรื่องอันตราย!!!!!

ครับ  ผสมเห็นด้วยกับคุณ ธนัส อย่างยิ่ง  ในการอ้างอิงโดยไม่มีแหล่งที่มางานวิจัยที่เชื่อถือได้หรือหลักวิชา Immunology เป็นเรื่องอันตราย!!!!!

    แต่บล็อกที่ผมเขียนนี้  สิ่งที่เขียนตามคำบอกเล่านั้น ถ้าไม่หายถือว่าได้กินพืชผัก  อาหาร  ที่ปลอดสารก็แล้วกัน  และไม่เป็นอันตรายแน่นอน  เนื่องจากเป็นอาหารตามกำพืดเดิมของคนไทย ที่เรากินกันมานานนมแล้ว   เกิดรางเนื้อชอบรางยาอาการโรคหาย  ก็ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1

    ปัจจุบันยุคธุรกิจนิยม  มีการชวนเชื่อให้กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  เพื่อป้องกันโรคต่างๆ  ทำให้ต้องเสียเงินทองเกินกว่าคุณภาพที่ได้รับหลายร้อยเท่า  นั้นเป็นสิ่งที่วิจัยอ้างอิงมาถูกต้องแต่เลวร้าย   

หน้า