เรื่องเล่าจากประสบการณ์ การปลูก "แก่นตะวัน" ตอนที่ 1

หมวดหมู่ของบล็อก: 

      ต่อเนื่องจากที่เคยตั้งคำถาม “ต้นแก่นตะวัน” และลงบล็อก “มาทำยำแก่นตะวันกันเถอะ” ก็มีสมช.หลายท่านถามเรื่องแก่นตะวันทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์ จึงคิดว่าต้องทำสิ่งที่ตัวเองไม่ค่อยคล่อง คือ เขียนบล็อก เพื่อแชร์ประสบการณ์แบบบ้าน ๆ คือสอบผ่านเพราะได้ทำแล้ว ได้ปลูกแล้ว ได้ผลผลิตแล้ว ได้กินแล้ว และได้แจกจ่ายหัวพันธุ์บ้างแล้ว แบบนี้ต้องเล่าสู่กันอ่านซะแล้ว... (หลายแล้วจริง ๆ)       เรื่องของแก่นตะวัน เคยมีเพื่อนสมช. บ้านสวนฯ เขียนบล็อกและกระทู้บ้างแล้ว ขออ้างอิงสองท่านนะคะ ตามนี้ค่ะ

         แก่นตะวัน สุดยอดพืชมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์ ของ แม่นัทของน้องโบอิ้ง                http://www.bansuanporpeang.com/node/15891

  ลุงโรส ก็เคยเอารูปดอกมาทาย http://www.bansuanporpeang.com/node/4117

    ส่วนตัวเองเคยได้ยินชื่อแก่นตะวันครั้งแรกเมื่อประมาณ 7-8 ปี มาแล้ว ไปเดินงานกาชาด ตามซุ้มขายสมุนไพร เห็นหัวชนิดนึง หน้าตาคล้ายขิงหรือข่าแต่แง่งเยอะกว่า หน้าตาขี้เหร่กว่าว่างั้นเถอะ แต่ชื่อเพราะ “แก่นตะวัน”คนขายบอกว่าสารพัดประโยชน์ เหมาะมากสำหรับคนสูงอายุ คนอ้วนและคนเป็นเบาหวาน ถามราคาบอกว่ากิโลละ 200 บาท โอ้ย.. ราคาขนาดนั้น หน้าตาแบบนั้น อันตัวเราก็ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่ว่า (เ้ข้าข้างตัวเอง) จึงเดินจากมา

     แต่...เมื่อปีที่แล้ว เริ่มสนใจสมุนไพรค้นในกูเกิ้ล เจอแก่นตะวันอีกจึงสนใจศึกษาข้อมูลดู ชักสนใจได้ข้อมูลมาฝากพี่น้อง อาจจะซ้ำบ้างก็ถือว่าทบทวนนะคะ 

                                  

                                    มีหัวแก่นตะวันเป็นของตัวเอง

"แก่นตะวัน" นั้น เรียกได้หลายชื่อทั้ง "ทานตะวันหัว" และ "แห้วบัวตอง" มีชื่อภาษาอังกฤษว่า เยรูซาเล็ม อาร์ติโช้ก (Jerusalem artichoke) บางทีก็เรียกว่า ซันโช้ก (sunchoke) ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์คือ Helianthus tuberosus L. เป็นพืชดอกในตระกูลทานตะวัน ซึ่งมีต้นกำเนิดในตอนใต้ของประเทศแคนาดา และตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น แต่มีความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ จึงสามารถปลูกได้ดีในเขตร้อน และเขตกึ่งหนาวอย่างทวีปยุโรป ทำให้ต้น "แก่นตะวัน" เป็นที่รู้จักในหลาย ๆ ภูมิภาค

     โดยลักษณะต้นของ "แก่นตะวัน" จะสูงประมาณ 1.5 ถึง 2 เมตร มีขนตามกิ่งและใบ ส่วนดอกของ "แก่นตะวัน" มีสีเหลืองสดใสคล้ายกับดอกบัวตอง และทานตะวัน แต่ขนาดจะเล็กกว่ามาก นอกจากนี้ "แก่นตะวัน" ยังมีหัวใต้ดินคล้ายมันฝรั่งไว้สำหรับเก็บสะสมอาหาร ซึ่งที่หัวของแก่นตะวันนี่เอง ที่จัดว่ามีสรรพคุณดีเยี่ยม ส่วนหัวของ "แก่นตะวัน" จะมีสารอินนูลิน (Inulin) ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตสโมเลกุลยาว จึงเป็นพืชพรีไบโอติกที่มีเส้นใยสูงมาก หากรับประทานเข้าไป สารดังกล่าวจะไปช่วยดักจับยึดไขมันในเส้นเลือด ไม่ว่าจะเป็นคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ หรือ LDL ที่เรารับประทานเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปทิ้งออกทางอุจจาระ จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี และถ้าใครที่ไม่ค่อยแข็งแรงเพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ "แก่นตะวัน" ก็ถือเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้ดีขึ้น เพราะอินนูลินจะไปช่วยลดปริมาณแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โคลิฟอร์ม (Coliforms) และ อี.โคไล (E.Coli) ในขณะเดียวกัน "แก่นตะวัน" ก็จะไปเพิ่มการทำงานของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายคือ บิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) และแลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) ให้เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น สารอินนูลิน (Inulin) เป็นสารเยื่อใยอาหารที่ให้ความหวาน จะไม่ถูกย่อยในกระเพาะ และลำไส้เล็ก อยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานาน ทำให้ไม่รู้สึกหิว กินอาหารได้น้อย ช่วยลดความอ้วนและป้องกันและ โรคเบาหวาน หัวแก่นตะวัน เป็นวัตถุดิบแปรรูปเป็นเอทานอลได้ด้วย

  ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก

         http://health.kapook.com

         www.aerdi.ku.ac.th

         http://health.kapook.com

         http://th.wikipedia.org/wiki

     อ่านมาหลายที่ มีสารพัดประโยชน์ สารพัดสรรพคุณ (อาจจะแถมโฆษณาชวนเชื่อด้วย) คงต้องใช้วิจารณาญาณส่วนตัวด้วยนะคะ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบปลูกพืชที่กินได้อยู่แล้ว สรรพคุณด้านยาให้เป็นของแถมแล้วกัน เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่า กินให้อยู่ในหลักที่สมดุล กินอาหารและให้หลากหลาย พยายามกินอาหารที่ไม่ผ่านแปรรูป  จะได้ประโยชน์สูงสุด การกินสมุนไพรโดยหวังให้เป็นยาอาจจะดื้อยา และไม่ได้ผล อาจมีพิษสะสมตามมาเพราะความไม่สมดุล การกินเป็นอาหารจะได้สรรพคุณด้านยาตามมาเอง ขออนุญาตยกคำของปราชญ์ชาวบ้านชาวมหาสารคามท่านหนึ่ง (ขออภัยจำชื่อท่านไม่ได้แต่จำคำพูดของท่านได้ดี)

ท่านบอกว่า "กินข้าวกับปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กล้วยน้ำว้าบำรุงกำลัง" เห็นด้วยอย่างมาก ยังจำเสมอและพยายามทำแบบนั้นตลอดมา อาจจะได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามค่ะ

       แก่นตะวันเป็นพืชที่ปลูกง่าย ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี หากมีน้ำขังแฉะจะทำให้หัวเน่า เอ๋...น่าสน บ้านเราอยู่อิสานดินร่วนปนทราย เหมาะมาก น้ำไม่ห่วงว่าจะขัง ห่วงแต่จะแห้งมากกว่า อย่ากระนั้นเลยต้องหามาปลูกให้สมชื่อคนชอบสรรหายิ่งแถวบ้านไม่มี ต้องหา ต้องลอง ในที่สุดก็สั่งซื้อจากเวบนึงกิโลกรัมละ 300 บาท ค่าส่ง EMS อีกกิโลละ 100 บาท แม่เจ้าสั่งมา 2 กิโล ตัวเบาเลย ทดลองทำหลายเมนู รสชาติ...ผ่านค่ะ... แบ่งหัวบางส่วนมาปลูก ...ไว้คราวหน้าจะมาเล่าต่อนะคะ

 

        ขอบคุณที่ตามอ่านเรื่องยาว ๆ

        ขอบคุณบ้านสวนพอพียงที่ทำให้มีวันนี้

ความเห็น

ขอบคุณค่ะป้าลัด

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

ดูทีวีรายการ "กิน อยู่ คือ" ทางช่องไทยพีบีเอสเป็นพืชที่น่าสนใจ  กำลังศึกษาอยู่  :confused:

ใช่ค่ะ น่าสนมาก

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

มีคนรู้จักทำเป็นธุรกิจ มาหลายปีแล้ว ยังไม่ประสบผลสำเร็จในทางธุรกิจเท่าไหร่ รอดูของคนอื่น ๆ อยู่บ้างเหมือนกันว่าจะประสบความสำเร็จไหม

Winkนักบัญชีอยากปลูกผัก

คงเป็นเพราะเรื่องราคาค่ะ ใช้จุดขายเป็นสมุนไพรราคาค่อนข้างสูง และไม่ค่อยคงที่ แต่ยังพออยู่ได้ แต่ถ้าคิดจะทำเป็นเอทานอล ปลูกมันสำปะหลังดีกว่า

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

คนให้ก็ประมาทไปหน่อย ลืมบอกวิธีการเก็บรักษาค่ะ แต่ยังมีต้นที่เกิด ลุ้น ลุ้น ค่ะ

จะปลุกทุกอย่างที่กิน แม้จะไม่ได้กินทุกอย่างที่ปลูก

โอ ขอบคุณมากมากเลยคะ ที่คุณเป็ดลงทุนศีกษาแก่นตะวันอย่างลึกซึ้ง เพราะคุณเป็ดศึกษาอย่างละเอียดนี่เองจึงได้ผลผลิตทั้งรับประทานและแจกจ่ายด้วยป้าเพ็ญก็หนึ่งในนั้นที่ได้รับการแจกจ่ายคะ แล้วก็มีเรื่องสารภาพด้วยคะ ได้รับนหัวแก่นตะวันมาแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นจนเหี่ยวไปเลยคะ :desperate: :shy: พอจะเอาไปปลูกพบว่า แง่งเล็กที่คุณเป็ดจะให้ลองปลูกนั้นแห้งสนิท ส่วนที่คุณเป็นจะให้ชิมนั้นเหี่ยวเกือบแห้งคะ โฮ ๆ แย่แล้ว ในบัดดลรีบตัดส่วนทีเป็นหัวอยู่นั้นออกเป็นแง่ง เล็ก ๆ รีบนำไปปลูกทันที่ รอด้วยใจลุ้นระทึกคะ  เย้ ๆ งอกแล้วคะ เอาต้นสูงอีกหน่อยจะส่งการบ้านนะคะ เฮ้ เกือบไปแล้ววววว :shy: :shy:

    

 

ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ

ป้าอ้อย

Laughingป้าอ้อย

ขอบคุณค่ะ ชอบประโยคนี้มาก "กินข้าวกับปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กล้วยน้ำว้าบำรุงกำลัง"  :good-job:

หน้า