เที่ยวหมู่บ้านซาไก (ตอนที่ 1 ออกเดินทาง...)

หมวดหมู่ของบล็อก: 
       โลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน.. เพียงลำพังกำลังของสองขา และกำลังทรัพย์ของเรา.. อาจไม่มีวัน ได้เดินทางไปเห็น หรือได้ไปสัมผัสในทุก ๆ ที่ ตามใจปราถนา... แต่สำหรับชาวบ้านสวนฯ แล้ว ในแต่ละวัน เราโชคดีได้เที่ยวไม่ซ้ำที่.. เพราะหากเพื่อนสมาชิกท่านใดมีโอกาสได้ไปเที่ยวแล้ว ก็จะไม่ลืมที่จะนำเรื่องราวมาบอกเล่า.. นำประสบการณ์มาแบ่งปัน..ช่วยกันเปิดโลกทัศน์ ให้เพื่อน ๆ สมาชิก.. ได้แลกเปลี่ยน  พูดคุยกัน อย่างสนุกสนาน   ตามประสา.. คนชุมชนบ้านสวนพอเพียง.............................................................

 

ทิวทัศน์ระหว่างการเดินทางครั้งนี้.. ทุ่งหญ้าคา.. ภูเขา.. ท้องฟ้า.. และก้อนเมฆ.. 

...............................................

          จุดหมายในครั้งนี้ คือ หมู่บ้านซาไก..  เริ่มออกเดินทางกันประมาณสิบโมงเช้า.. ไม่ได้เตรียมตัวอะไรกันมากมาย รวมพลกันเสร็จ ก็ออกเดินทาง  อ้อ.. ก่อนไปก็หาของฝากกันไปหน่อยนึง ได้ บุหรี่.. กาแฟสำเร็จรูปแพ็คใหญ่ 1 แพ็ค.. ไปกันคราวนี้ เพื่อน(ไกด์จำเป็น) ออกตัวว่า ไม่รู้จักใครที่หมู่บ้านซาไก และไม่ได้ไปมานานแล้ว แถมได้ข่าวว่าหัวหน้ากลุ่มซาไกคนเก่า(นายสังข์) ก็ตายไปแล้ว.. ไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอใครบ้าง ปกติแล้ว หากไม่ใช่คนที่รู้จัก หรือคุ้นเคย ซาไกจะไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นเลย (สมัยก่อน)..................

 


ช่วงแรกเดินทางกันด้วยมอเตอร์ไซด์.. ซิ่งไป.. ชมวิวไป.. บรรยากาศชิล ๆ

 


นี่คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริง.. เราลงเดินเท้าไปยังหมู่บ้านซาไก.. ต้องเดินข้ามสะพานท่อนซุงขนาดใหญ่พาดผ่านลำห้วย... ถึงตอนนี้ ช่วงล่าง(ขา) เกิดอาการสั่นเล็กน้อย....

 


ข้ามสะพานมาก็เห็นเส้นทาง... "เส้นทางที่เราจะมุ่งไป เรื่องราวมากมายในชีวิต หนทางที่เดินฉันลิขิตเอง..เอง.." (นึกถึงเพลงเก่าของพี่เสก.. ใครเกิดไม่ทันจักรยานสีแดง ก็งงๆ กันไป..ฮิ้ว ๆ) เส้นทางนี้ชาวบ้านขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นมาได้สบาย ๆ แต่ต้องขับปีนขึ้น-ลงห้วยที่เราผ่านมาตะกี้ .. พวกเราแม้จะเซียน  ถึงขนาดขับมอเตอร์ไซด์ยกล้อ กระโดดลอดห่วงไฟ ได้สบายๆ  แต่วันนี้ขอเดินดีกว่า นะ..    

 

          เดินมาสักพัก ก็เริ่มเหนื่อย ..ขอพักนิดนึง... ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย.. ฝึกกำลังขา.. ฝึกความอึด.. (เหมือน ท. ทหารอดทน) หนักสุดก็แค่ขุดดิน ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้...  กีฬาก็ไม่ค่อยได้เล่น.. ดังนั้นการเดินขึ้นเขาทำให้ขาล้าเป็นธรรมดา.. ตะคริวทำท่าจะจับเอาหลายครั้ง หลายครา..พักเมื่อไร ต้องบีบ ๆ นวด ๆ.. เสื้อก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ.. แถมยุงก็ชุม  โอ้..มันส์ .. พ่ะยะค่ะ.

 


           เดินกันต่อ - ถึงแม้จะเหนื่อย.. แต่มีวิวสวย ๆ เขียว ๆ อยู่เต็มสองข้างทาง ข้าพเจ้ามัวแต่โอ้เอ้ถ่ายรูป.. จนเพื่อน ๆ เดินนำไปไกลแล้ว.. รู้สึกเสียวสันหลังวาบ.. รีบไปดีกว่า  (นึกถึงหนังเรื่อง อนาคอนด้า..เสี๋ยว..).

 


หุย... เส้นทางวิบากมาก.. ทั้งลาดชันและลื่น ขับมอเตอร์ไซด์ขึ้นมาได้ไงเนี่ย.. ตกเขาไปจะทำยังไง.. หวาดเสียว.. งานนี้ยอมเดินครับพี่น้อง.. โบราณว่าไว้ "ช้า ๆ ได้พร้าขึ้นสนิม" เฮ้ย.. ต้อง "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" ชิมิ ๆ........

 


บางช่วง.. บางตอน.. เส้นทางแฉะน้ำ แถมเป็นโคลนเลอะเทะ..โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ชาวบ้านจึงนำท่อนไม้มาเรียง ๆ กันให้ขับรถผ่านไปได้ (ก่อนถึงหมู่บ้านซาไก จะมีชาวบ้านไปทำสวนยาง และตั้งรกราก อยู่หลายครัวเรือน)....

 

 


"ใกล้ถึงรึยัง?" - "ใกล้แล้ว ๆ " (... ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มันบอกว่าใกล้แล้ว ๆ..)

 

ก็ไม่รู้ว่า "ใกล้ถึงแล้ว" นี่ อีกกี่ปีแสง หรืออีกกี่วัน.. และไปถึงจะเจออะไรก็ไม่รู้.. ระหว่างทางจะเจอคนลักลอบตัดไม้รึเปล่า.. เค้าจะเข้าใจผิดว่าเรา เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือไม่.. เค้าจะเอาปืนมายิงเราจนไส้ไหล... หรือไม่.. ความกังวลมันแล่นเข้ามาในหัวชั่วแว่บ แต่ดูเนิ่นนานเหมือนตอนที่รอพี่กุหลาบพันปีเฉลยคำถาม และประกาศรายชื่อผู้ตอบถูกได้รับรางวัลที่ตากปลาเค็มจากญี่ปุ่น... คิดแล้ว..มันทรมาน...จิง ๆ......

 


ระยะทาง.. ยังอีกไม่ไกล เดินขึ้นเขาลูกนี้ อีกไม่นาน.. ก็ถึงแล้ว .. จริง ๆ นะ..

 

.
-โปรดติดตามตอนต่อไป...-
.

 

ความเห็น

ยังกะตอนเข้าค่ายเดินทางไกลแนะ

ตุนน้ำไปกี่กระติกเนี่ย

อากาศเย็นดีมั๊ย

ฉันจะปลูก ผัก ให้ลูกทาน

ยุคโน้น....ผมเริ่มต้นสำรวจเทือกเขาจีน...เดินป่ากันหลายวัน...

ที่ตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่..ทับของซาไก แต่เป็นร่มไทรใหญ่บนนั้น...

นกเงือกกาฮังเอย นกชนหินเอย...ถ่ายภาพไป มือสั่นไป ตื่นเต้น ไม่เคยเห็นนกขนาดใหญ่ขนาดนั้นจำนวนมากมายขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต..

เป็นความทรงจำดีดี ที่หนึ่งของผม

อช. ทะเลบัน...สตูล

ออกปากรุนท็อกที !!!

พี่สายลมฯ อย่าลืมนำเรื่องเล่า ภาพเก่า ๆ เมื่อครั้งเป็นนักผจญภัย มาให้ชมบ้างนะครับ อยากเห็น  ปัจจุบันภาพแบบนั้นคงหาดูได้ยากแล้ว

 

"ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ถ้าเราไม่หยุดเดิน"

เดินตามมาหลายควนแล้ว แค่ทะแล้วหม้ายนิ

ฝากถามคนแถวนั้นที่ทำสวนยางด้วยว่า เอายางมาขายพลันพรือ

วิหคน้อยบินไกล เฝ้ารอวันกลับคืนถิ่น

ยางเค้าทำแผ่น ตากแห้ง แล้วทุกรถเครื่องลงควน เอาไปขาย ลำบากนิคุณไม้หอม

 

"ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ถ้าเราไม่หยุดเดิน"

ไปกันกี่คนละเนี่ยพ่อหนุ่มต๊อก..เที่ยวแบบนี้ชอบจัง..สมัยเอ๊าะๆ..ก็ลุย..แต่ยังไม่ขนาดเนี่ย แค่แบกเป้ แบกเต้นท์ (สมัยก่อนเป็นเต็นท์ผ้าใบแยกสองผืน) เดินมั่ง คลานมั่ง โบกรถมั่ง (เป็นสมัยนี้คงไม่มีใครรับ) ไปกันเก้าคน นั่งบขส.ก่อนไปลงที่เพชรบูรณ์ ที่เหลือเดินกะโบกรถ (ตังค์มีไม่มากอะ) ไล่ตั้งแต่ทุ่งแสลงหลวง เขาค้อไปจบที่ภูเรือ (เขาค้อสมัยก่อนลดแดงเหลือแค่ชมพูแต่ยังต้องมีทหารนำ กับระเบิดยังมีเยอะหากเดินนอกเส้นทาง ภูหินร่องกล้า อยากขึ้นมาก ทหารไม่อนุญาต บอกขึ้นได้แต่ขี้เกียจนำเศษชิ้นส่วนกลับลงมา) นอนหลุมบังเกอร์ทหาร(รูปถ่ายยังไม่ได้สแกนลงคอม) ไปสิบกว่าวัน..เหนื่อยแต่มันมาก  อยากเที่ยวอย่างนี้อีก แต่ไม่มีใครเอาด้วยติดสบายกันไปหมดแล้วเพื่อนเรา..ได้ประกาย ได้ไฟ..จากบล็อคของต๊อก เดี๋ยวเข้าพรรษานี้ชวนเพื่อนไปลุยป่าฝนกันดีกว่า (ถ้าเพื่อนไป จะมาเล่าให้ฟัง) 

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ชอบเล่าความหลัง (คิดเอาเองนะ อิอิ)

 

มีเรื่องเล่าเยอะ ก็มาเล่าให้น้องฟังบ้างดิ ชอบ ชอบฟังการผจญภัย สนุกค่ะLaughing

พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า 

คนตามหลังล้มหงายหลังตึงกันเป็นแถว ติดตามชมด้วยความระทึกในดวงหทัย

ไปเที่ยวที่ไหนมานี่เกลอต๊อก ตรัง พัทลุง สตูล ระบุพิกัดหน่อย

คงไกลน่าดูเลย

หน้า