8 ครั้งที่แม่โกหก

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เป็นเรื่องราวของชายผู้หนึ่ง ที่ อยากบอกว่าแม่ของเขา โกหกเขา จำนวน 8 ครั้งด้วยกัน ลองอ่านดูนะคะ

 

1. เรื่องราวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ
ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน
มีหลายครั้งทีเดียวที่ไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน
ทุกครั้งเมื่อถึงเวลากินข้าว แม่จะแบ่งข้าวส่วนของเธอมาให้ผม
และพูดว่า "ทานเยอะ ๆ นะลูก แม่ไม่ค่อยหิว"
นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม

2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่ที่แสนขยันของผมมักจะหาเวลาว่างไปตกปลาที่แม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน
เธอหวังจะให้ผมได้รับอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอต่อการร่างกาย
แม่มักจะต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปปลาซึ่งผมชอบกินมาก
ในขณะที่ผมกินซุปปลา แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาที่ผมกิน
ผมรู้สึกตื้นตันใจมากทุกครั้งที่เห็น ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ได้ทานบ้าง
แต่แม่ปฎิเสธและบอกผมว่า "ลูกกินเถอะ แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา"
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม

3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม
แม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อจะหาเงินมาให้เพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนของผม และค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน
บางครั้งผมตื่นขึ้นมากลางดึก ผมเห็นแม่ยังคงนั่งทำงานอยู่ มีเพียงแสงจากเทียนเล่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเธอ
"แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" ผมบอกแม่
แต่แม่ยิ้มและพูดกับผมว่า "ลูกนอนก่อนเถอะ แม่ยังไม่ง่วง"
ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม

4. ในวันสอบวันสุดท้าย แม่มาเป็นกำลังใจให้ผม
คุณแม่ที่แสนเข้มแข็งนั่งรอผมท่ามกลางแสงแดดจ้าของเที่ยงวันอยู่หลายชม.
เมื่อระฆังดังส่งสัญญาณว่าการสอบสิ้นสุดลงแล้ว
คุณแม่ น้ำชาเย็น ๆ ให้ผมจากกระติกที่เธอเตรียมเอาไว้
มันเป็นชาที่มีรสเข้มมาก แต่ความรักของแม่ผมเข้มกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
เนื้อตัวของแม่โชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมยื่นแก้วให้เธอและบอกให้เธอดื่มด้วยกัน
แต่แม่บอกว่า "ดื่มเถอะลูก แม่ไม่กระหาย"
แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 4

5. หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตเพราะโรคร้าย คุณแม่ที่น่าสงสารของผมต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดตัวคนเดียว
ชีวิตครอบครัวของเราดำเนินไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น ไม่มีวันไหนที่ผ่านไปอย่างไม่ทรมาน
เพื่อนบ้านหลายคนที่เห็นความเป็นไปของครอบครัวเราก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง
บางคนก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่เธอก็ปฏิเสธตลอดพร้อมกับบอกว่า "ฉันไม่ต้องการความรักหรอก"
แม่โกหกเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

6. หลังจากผมเรียนจบและได้งานทำแล้ว ถึงเวลาที่แม่จะได้พักผ่อนสักที
แต่เธอดูเหมือนจะไม่ต้องการ เธอตื่นแต่เช้าไปขายผักที่ตลาดทุกวันเพื่อจะมีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับใช้จ่ายส่วนตัว
เธอไม่เคยยอมรับเงินที่ผมซึ่งทำงานอยู่ต่างเมืองส่งไปให้ เธอถึงกับส่งคืนมาให้ผมด้วย
เธอบอกว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้วลูก"
นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่เธอโกหกผม

7. ด้วยการสนับสนุนจากองค์กรแห่งหนึ่ง ผมเข้าเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอเมริกา
เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ถูกรับเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่สูงลิ้ว
ผมตั้งใจจะพาแม่มาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับผมที่อเมริกา
แต่คุณแม่ที่แสนน่ารักไม่ต้องการจะรบกวนผม
เธอบอกกับผมว่า "แม่ไม่เหมาะกับชีวิตต่างเมืองหรอกลูก"
แม่โกหกผมอีกเป็นครั้งที่ 7

8. เมื่อแม่แก่ตัวลง เธอต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคมะเร็ง
เมื่อรู้ข่าว ผมก็รีบกลับมาหาแม่ที่รักของผมทันที
เธอนอนอย่างอ่อนเพลียหลังจากการผ่าตัด
แม่ดูแก่ลงไปมาก เธอมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าเธอรัก และปรารถนาจะได้เจอผมมากที่สุด
แม่พยายามยิ้มให้กับผม เธอผอมมาก และดูอ่อนแออย่างที่สุด โรคร้ายได้ทำลายร่างกายของเธอไปมากแล้ว
ผมมองแม่ด้วยน้ำตานองหน้า ความเจ็บปวดจับขั้วหัวใจของผม เพราะการได้เห็นคุณแม่ที่รักอยู่ในสภาพนี้
แต่แม่มองหน้าผมและบอกว่า "อย่าร้องไห้เลยลูกรัก แม่ไม่รู้สึกเจ็บเลย"
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหกผม

 

ความเห็น

ง่วงแล้วค่ะ อ่านพรุ่งนี้ นะคะSmile

ยายอี๊ดก็เหมือนกัน เฝ้าเวปทั้งวัน นอนได้แล้วจ้า

Laughingทำวันนี้ให้ดีที่สุด เวลาชีวิตน้อยลงทุกวัน

ไปนอนแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ลืมตัวค่ะพี่พาที่รัก

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

ขอบคุณค่ะ ยายอี๊ด....

เวลาพบกันสั้นนิดเดียว

ตาเริ่มดีแล้วค่ะ ไม่ลายเท่าไหร่แล้วค่ะ เริ่มนั่งได้ยาว

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

๑๔ ปีที่ผ่านมา แม่ผมเข้า รพ. เนื่องจากต้องเข้ารับการรักษาแผลที่เท้า จากการที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยที่ผมรับทราบมาตลอดว่าแม่เป็นเบาหวาน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ป่วยหนักมาก ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ด้วยความเป็นแม่ที่รักลูก ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นห่วง แม่ไม่เคยแสดงอาการป่วยให้ลูกๆ รับรู้เลย แม่ยังดูแลแข็งแรงดี ยังทำหน้าของแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนกระทั่งวันที่แม่เข้าโรงพยาบาล แม่ก็ยังเตรียมอาหารเย็นไว้คอยลูกอย่างผมที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดีเลย เป็นคนบ้างาน ติดเพื่อน ผมตามไปที่โรงพยาบาลหลังจากแม่เข้ารับการผ่าตัดแผลที่เท้าเรียบร้อยแล้ว ผมติดต่อโรงพยาบาลเรื่องย้ายแม่ไปห้องพิเศษ ซึ่งต้องรอย้ายเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนกลับบ้าน แม่ยังมีสีหน้าแววตาที่ดูสดชื่น บอกกับผมว่าแม่ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก (แม่โกหกผม) และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของแม่ที่พูดกับผม คืนนั้นทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าแม่ผมช็อค ต้องปั๊มหัวใจ ผมกลับไปโรงพยาบาลตอนตี ๓ รอบเตียงมีแต่เครื่องมือวัดสัญญาณชีพ ผมนั่งจับมือแม่ไว้ตลอดเวลา ได้แต่นั่งภาวนาขอให้แม่ฟื้นขึ้นมา สุดท้ายแม่ผมสิ้นใจในตอนเช้า

ภาษาไม่สละสลวย อาจไม่ชวนให้ติดตาม แต่เป็นเรื่องจริงของผม ลูกคนหนึ่งที่ปล่อยโอกาสที่จะได้ดูแล ทดแทนคุณแม่ให้ผ่านเลยไป อยากให้ใครก็ตามที่ได้อ่าน ได้ลองคิดทบทวน พิจารณาตัวเองว่าได้ทำอะไรเพื่อแม่หรือยังในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปเหมือนผม เท่านั้นแหละครับ

จะปลูกต้นไม้ในใจเธอ


กระต่ายดำค่ะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

   ช่วงนี้ยุ่งๆไม่ได้เข้ามาอ่านบล๊อกใครเลย เพิ่งเข้ามาอ่านบล๊อกแรกก็ต่อมน้ำตาแตกซะแล้ว ขอบคุณยายอี๊ดสำหรับเรื่องดีๆ น้องต่าย พี่อ่านแล้วพูดไม่ออกน่ะ แต่เย็นนี้จะหนีเวรกลับไปหาแม่ จริงๆพี่เพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ เมื่อเที่ยงคืนเมื่อคืนนี้เอง เอาดอกมะลิไปกราบแม่ตั้งแต่เมื่อวานเพราะวันนี้มาเข้าเวร แต่อ่านแล้วเย็นนี้จะหนีกเวรกลับไปกินข้าวบ้านแม่อีกครั้งหนึ่ง นั่งคิดดูเมื่อคืนเที่ยงคืนเล็กน้อยที่บ้านเต็มไปด้วยลูกๆหลานๆที่เพิ่งเดินทางกลับกันมาถึง แม่ยุ่งๆกับการทักทายลูกคนโน้น หลานคนนี้ ด้วยมีลูกแยอะถึง 9 คน แต่มาได้ไม่หมดหรอกเพราะบางคนทำงานไกลๆ พอพี่บอกแม่ว่าถึงเวลาต้องกลับแล้ว แม่ทำตัวว่างจากหลานๆลูกๆที่เพิ่งมาถึง ไปหาถุงมาใส่ มังคุดที่พี่พยายามบอกว่าไม่เอาน่ะแม่ ไม่มีใครกิน แต่แม่ก็ไม่ยอม บอกให้เอามาฝากคนข้างบ้าน แม่เก็บของมาวางไว้ให้ ทั้งปลาเค็ม หน่อไม้ที่ต้มแล้ว ไข่เป็ด  อีกสารพัดที่แม่จะให้เอามากิน แม่เหนื่อยทุกครั้งที่ลูกๆกลับบ้าน แต่ดูแม่ก็มีความสูขมาก

msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ   trang_ch@hotmail.com

เพราะลูกคือของขวัญจากพระเจ้า

 

ความเป็นลูก

เพราะแม่คือผู้ให้ความรัก

แต่กว่าจะรู้ซึ้ง...

...

 

 

เขาเรียกว่าความยิ่งใหญ่ของผู้หญิงใช่มั้ย

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

อ่านแล้วช่างตรงกับแม่เลย  เมื่อก่อนชอบตามแม่ไปขายยางที่ตลาด  พอแม่ไปซื้อกับข้าว  เราก็ขอให้แม่ซื้อ ข้าวเหนียวไก่  ให้กิน  สองห่อ ห้าบาท  แม่เก็บใส่ตะกร้าหนึ่งห่อ เอากลับไปให้น้องที่บ้าน อีกห่อส่งให้เรา  แล้วบอกว่า กินต่ะ  แม่ไม่ชอบเหนียวไก่  กินแล้วปวดท้อง  แต่จริงๆแล้วแม่อยากกินเหมือนกัน  เรารีบกินครึ่งหนึ่งแล้วบอกว่า อิ่มแล้ว  แม่ก็ถามเราอีกว่า  อิ่มจริงเหรอ  พอเราบอกว่าอิ่มแล้ว  แม่ก็บอกว่า  อย่างนั้นแม่กินที่เหลือนะ  เสียดายของ  แล้วแม่ก็กินอย่างเอร็ดอร่อยมาก  เราไม่เคยลืมภาพนั้นจริงๆ เลย  ตอนนั้นเราอายุหกขวบได้มั้ง แต่ภาพนี้ยังจำได้ติดตาเลย  ตั้งแต่นั้นมาเราจะรีบกินให้อิ่ม แต่กินเพียงครึ่งเดียว แล้วให้แม่กินต่อ  เพราะถ้าเราไม่บอกว่าอิ่ม แม่ไม่ยอมกินต่อเด็ดขาด  

 

ความรักของแม่  ยิ่งใหญ่จริงๆ

หน้า