บางคนอาจไม่รู้หรือไม่สนใจ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ต้องขออนุญาตนำเรื่องไม่เกี่ยวกับการเกษตรและอาจจะไม่เข้าข่ายความพอเพียงเพราะเป็นเรื่องกู้หนี้ยืมสิน แต่คิดว่าอาจจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกบางคนที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย บางคนอาจจะรู้ บางคนอาจจะไม่รู้ น้องๆที่ทำงานแฟนผมหลายคนบางคนไม่สนใจ แต่พอแนะนำก็ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้าสามารถลดภาระไปได้พอสมควร


ท้าวความ..คือเมื่อสามปีที่แล้วมีฝรั่งที่สนิทกันมากและคิดตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทย (เขาอยู่เมืองไทยมา 8 ปีแล้ว) ต้องการซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัย แต่ติดที่แบงค์คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเพราะเป็นต่างชาติและไร้หลักประกันพอที่จะขอกู้ได้ จึงมาปรึกษาและขอให้กู้ในนามของแฟนผมซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกับคนไทย ช่วงนั้นจนถึงปัจจุบันหลายแบ็งค์แข่งขันเรื่องสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเลยได้ดอกเบี้ยในอัตราMLR-3% ใน 2 ปีแรก หลังจากนั้นจะคิด MLR-1.18 โดยมีข้อผูกมัดว่าในระยะเวลา 3 ปีแรกห้าม Refinanceและไม่ผิดสัญญากู้ยืม

เดือนกรกฎาคมปีนี้ครบสามปีตามเงื่อนไข ผมไปเจรจาต่อรองกับแบ็งค์อีกครั้ง เพราะรู้ว่าหากเราเป็นลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยขาดส่งหรือผิดสัญญาจะเป็นลูกค้าที่หลายแบ็งค์ปรารถนาจึงใช้ข้อนี้มาต่อรอง และก็ได้ผล ผมสามารถยืดโปรตรงนี้ต่อไปได้อีก 2 ปี คือดอกเบี้ยจะลดลงประมาณ 2 % (เสียแค่ 4.5 %) โดยมีผลตั้งแต่เดือน กค.นี้เป็นต้นไป (ยอดหนี้ที่เหลือ 2.5 ล้าน 2 % คิดเป็น 50,000.- บาท ต่อปี น้อยเสียเมื่อไรละ)

ผมมาฉุกใจและเขียนบล็อคนี้ทั้งๆที่เป็นเรื่องการกู้ยืม เพราะแฟนคุยกับลูกน้องทั้งๆที่ทำงานออฟฟิซเค้ายังไม่สนใจ แต่พอรู้ก็เริ่มไปดำเนินการหลายคน แต่หลายคนก็อาจจะรู้และทำไปแล้ว เล่าสู่กันฟังเผื่อพี่น้องที่ใช้สินเชื่อด้านนี้จะได้ประโยชน์บ้าง..ต้องขออภัยผู้ใหญ่ด้วยนะครับ

ความเห็น

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมมูลดีๆครับพี่


ผมว่าไม่ผิดหลักการพอเพียงนะครับ

มีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นหนี้

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ งั้นผมจะได้ลองไปขอดูบ้าง เพราะจะครบ 3 ปีเดือนตุลาคม นี้แล้วครับครับ ตอนแรกคิด ๆ อยู่ว่า ถ้าครบแล้วจะหาธนาคารรีไฟแนนท์ ใหม่ เพื่อให้ดอกเบี้ยถูกลง อย่างนี้ต้องไปติดต่อ ดูแล้วครับ

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

เป็นประโยชน์กับผมด้วยครับ
ผมเองก็มีหนี้บ้านอยู่ เป็นหนี้ก่อนออกจากงาน ตอนนี้เสียดอกเบี้ยลอยตัว 6.25%
ความจริงไปทำเรื่องลดดอกเบี้ยได้ แต่ไม่ได้ไปทำเพราะต้องไปทำที่ภูเก็ต (ปีที่ 6 แล้ว ไม่รู้ว่ายังทำเรื่องลดดอกเบี้ยได้หรือเปล่า)
และอาจมีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่ทราบรายละเอียด ถ้าพี่ตั้มมีข้อมูลรบกวนด้วยครับ

ความจริงก็ไม่อยากเก็บไว้ครับ เป็นภาระพอสมควร(ยังดีที่ได้ค่าเช่าบ้านมาเป็นค่าผ่อน แต่ก็ไม่พอผ่อน)
ครั้นจะขายก็ไม่ได้ขายได้ง่ายๆ

หากเราไม่เคยผิดสัญญา มีประวัติการชำระหนี้ดีคุยได้ครับ MLR ( minimum loan rate ดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี) เป็นอัตราลอยตัวขึ้นลงตามตลาดเหมือนกัน ส่วนใหญ่สินเชื่อที่อยู่อาศัยจะอิงกัยเรตนี้ ผู้ใหญ่เอาเลขที่สัญญาและรายละเอียดโทรคุยกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อก่อน บอกว่าจะรีไฟแนนซ์เพราะสู้ดอกไม่ไหว ช่วงนี้ที่อื่นมีโปรทั้งนั้น เด๋วเค้าก็จะเสนอเงื่อนไขเพราะไม่อยากเสียเราไป แล้วเราก็ต่อรอง ตอนนี้มีทั้ง 0 % 6เดือนแรก หรือ MLR- 2 ถึง 3.5 ระยะเวลาคงดอกตรงนี้ 2-3 ปี แล้วค่อยต่อรองกันใหม่

ผญ.ยังไม่ต้องไปเอง โทรคุยกะสินเชื่อ ผมเชื่อว่าเขาต้องลดให้เพราะไม่อยากเสียลูกค้าประวัติดี ถ้ามีแนวโน้มว่าได้ค่อยไปแบงค์ที่กู้ เพราะอาจต้องทำคำร้องเพื่อสินเชื่อจะแทงเรื่องขออนุมัติ อย่าลืมดูด้วยว่าหากพ้นระยะโปรแล้วเค้าคิดเท่าไรต่อ ของผมเดิมหากพ้นโปรแล้วเค้าคิด MLR-1.18 แต่ของใหม่นี้พ้นโปรจะเป็น MLR-1.0 ก็ยังถือว่ารับได้เพราะยังไงสิ้นปีที่สามตามเงื่อนไขก็ต่อรองอีกที ลองดูนะ (หากรีไฟแนนซ์ไปแบงค์อื่น เราอาจต้องเสียค่าจดจำนอง ค่าประกัน ค่าประเมินใหม่ แนะนำว่าต่อรองแล้วอยู่ที่เดิมน่าจะดีกว่า มั่นใจว่าได้ครับ)

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ผมก็ว่าไม่ผิดหลักการของบ้านพอเพียงหลังนี้หรอกครับพี่ตั้ม ผมก็กำลังจะไปดำเนินการปรับลดดอกเบี้ยที่ ธอส. อยู่พอดีเลยครับ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับสมาชิกเราครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ เป็นประโยชน์มาก ๆ นัทก็เป็นอีกคนที่มีภาระหนี้สินเกี่ยวกับบ้านอยู่จ้า  :love:

ทำไมถึงใจดีจังเลย  คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจแต่คุณตั้มให้ใจเขาเต็มร้อยเลย

ป้าจี๊ดรู้ถึงปัญหานี้กรณีถ้าเขาไม่ซื่อสัตย์  มีคนรู้จักไปค้ำประกันซื้อรถให้

น้องบุญธรรม  ทุกวันนี้ร่วมล้านต้องส่งเองหมดเลย  ชื่อก็ไม่ใช่ของตัว

เพราะกลัวเสียชื่อจากการโดนฟ้องเลยกัดฟันส่งรถให้เขาใช้

สงสัยต้องสนิทกับคุณตั้มบ้างซะแล้วเผื่อฟลุค..อิอิ

แบ่งปันน้ำใจส่งต่อกันไป ....ไม่รู้จบ

คืองี้..คอนโดนี้กู้ในนามแฟน กรรมสิทธิชื่อที่เป็นเจ้าของคือชื่อแฟนผม เคยถามฝรั่งว่าทำไมไม่เอาชื่อเมียคนไทยของเค้าใส่แทนกู้ในนามเมียก็ได้ เค้าบอกเค้าไม่ไว้ใจ เค้ากลัวแต่เค้ากลับไว้ใจเรามากกว่า ป้าจี๊ดคิดดูนะกู้ 20 ปี ฝรั่งเป็นคนส่งเงินค่าผ่อนเค้าเสี่ยงมากกว่าเราอีก เราจะมีความเสี่ยงแค่หากเค้าทิ้ง คอนโดยังเป็นของเรา เราก็ผ่อนต่อหรือซื้อขาดไปเลย (จริงๆแล้วผมก็ซื้อไว้อีกห้องหนึ่งแต่ปัจจุบันให้ฝรั่งที่สนิทกันอีกคนเช่า ไม่ได้ตั้งใจซื้อนะแต่เสียดายค่าเช่าที่ฝรั่งไปเช่าตามคอนโดอื่นแพงมาก เลยคิดมุมกลับว่าเราซื้อไว้ให้เค้าเช่า ถ้าเค้าอยู่ถึง 25 ปี ผมจะยกคอนโดนี้ให้เค้า โดยผมคิดค่าเช่าเหมือนเขาผ่อน 25 ปี เค้าเป็นฝรั่งที่ดี รักเมืองไทย เป็นอาสาสมัครสอนเด็กไทยในยามว่าง หาทุนจัดกิจกรรมให้เด็กไทยที่ไร้โอกาส ผมเลยศรัทธาเค้า และทั้งคอนโดที่ผมซื้อและกู้นี่ผมทำพินัยกรรมและกำชับไว้กับลูกสาวแล้ว กลัวอีกหน่อยเราไม่อยู่จะยุ่ง)

เมื่อวานเพิ่งไปบอกเค้า(ฝรั่งที่กู้ในนามเรา) ว่าดอกเบี้ยลดเหลือ 4.5 เค้าดีใจมาก ไม่ได้บอกเค้ามาก่อน คิดว่าถ้าเรียบร้อยค่อยบอก

อีกนิด..เรื่องค้ำประกันนี่..ที่บ้าน serious มากๆ ผมกำชับลูกและแฟนเลยว่าห้ามค้ำใครเด็ดขาด มันเท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆเลย ให้ยืมเท่าที่เรารับความเสี่ยงได้ยังดีเสียกว่า คือให้ยืมแบบตัดใจว่าไม่ได้คืนเหมือนให้เค้านะ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง มีเยอะครับ..บางคนเกือยยี่สิบปีแล้ว ผมยังไม่ได้คืนเลยทั้งๆที่ให้ยืมแบบไม่คิดดอก หลังๆนี่ไม่เอาแล้ว ถ้าจะยืมก็คิดว่าให้ไปเลย อาจไม่มากเอาแค่ตัวเราไม่เดือนร้อน

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ถ้าเป็นแบบนี้เขาต้องไว้ใจเรามากเลยค่ะ  น่าแปลกที่เขากลับไม่ไว้ใจ

ภรรยาเขา  ป้าเห็นว่าเยอะทีเดียวที่เขาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเขาจริง

อย่างที่อิสานบางจังหวัดมีสามีสองคน  คนไทยหนึ่ง,ต่างชาติหนึ่ง

เวลาต่างชาติมาสามีคนไทยก็ไปอยู่บ้านญาติ  พอต่างชาติเดินทางกลับ

สามีคนไทยก็กลับมาอยู่กันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...เฮ้อ!!

แบ่งปันน้ำใจส่งต่อกันไป ....ไม่รู้จบ

หน้า