เพอร์มาคัลเจอร์ #2 : การออกแบบรูปแบบการปลูกต้นไม้

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ต่อจากแนะนำเพอร์มาคัลเจอร์ในตอนที่แล้ว ในบล๊อกนี้เรามาลองเรียนรู้การเลือกรูปแบบในการใช้พื้นที่ปลูกพืชตามหลักเพอร์มาคัลเจอร์ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับภูมิทัศน์แล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พื้นที่ และการใช้แรงงาน  รวมทั้งเพิ่มที่อยู่ของสัตว์ตามธรรมชาติ คืนสมดุลให้กับธรรมชาติ  ตัวอย่าง เช่น เราต้องการพื้นที่เพาะปลูกขนาด 50 ตารางฟุต หน้าตาสวนของเราอาจจะเป็นแบบนี้

รูปแบบนี้จะเสียพื้นที่ทางเดิน 40 ตารางฟุต

รูปแบบนี้จะเสียพื้นที่ทางเดิน 10 ตารางฟุต

รูปแบบนี้จะเสียพื้นที่ทางเดิน 6 ตารางฟุต

เราจะเห็นว่าทั้งสามรูปแบบสามารถปลูกพืชได้ขนาด 50 ตารางฟุตเท่ากัน  แต่จะเสียพื้นที่ทางเดินแตกต่างกันทำให้เราต้องใช้พื้นที่จริงๆ มากน้อยต่างกัน  มาถึงตอนนี้เพื่อนสมาชิกบางท่านอาจคิดว่าทำไมไม่ปลูกให้เต็มพื้นที่เลยล่ะครับ มีประสิทธิภาพสูงสุด  ในทางปฏิบัติมีข้อจำกัดเรื่องการทำงานกับพืชคือ เราจะต้องมีทางเดินเพื่อเข้าไปดูแลพืชผัก  และถ้าเราทำให้พื้นที่ปลูกพืชติดกันจนกว้างเกินไป  จนทำให้เอื้อมเข้าไปดูแลต้นไม้ไม่สะดวก (ระยะแนะนำคือ 3 ฟุต ไม่เกิน 4 ฟุต  ถ้าคนทำสวนตัวเตี้ยก็จะต้องปรับลดระยะลงมานะครับ)  และถ้าเราต้องไปย่ำบนแปลงผักจะทำให้ดินแน่น ไม่เป็นผลดีต่อพืช  ส่วนความยาวแปลงไม่ควรเกิน 12 ฟุต  จะได้ไม่ต้องเดินอ้อมโดยไม่ย่ำดินบนแปลงไกลเกินไป

นอกจากนั้นควรจะเลือกปลูกผักผสมผสานทั้งพันธุ์พืช และสีของพืช เพื่อลดการแย่งอาหาร และลดปัญหาเรื่องแมลง (เราจะกลับมาพูดถึงเรื่องการปลูกพืชผสมผสานอีกครั้งในภายหลัง)  รวมทั้งเลือกปลูกพืชที่ต้องการการดูแลน้อยไว้ด้านใน ให้พืชที่ต้องการการดูแลมากไว้ด้านนอก  ตัวอย่างเช่น  เลือกผักกะหล่ำขนาดใหญ่ และเก็บเกี่ยวไม่บ่อยไว้ด้านนอก  พืชขนาดเล็กเก็บเกี่ยวบ่อย อย่างมะเขือเทศไว้ด้านใน

อาศัยหลักคิดเช่นนี้ เพื่อนสมาชิกยังสามารถจินตนาการรูปแบบการจัดแปลงผักของเราได้อีกมากมาย  เช่น สวนแบบ mandala

หรือเพื่อนสมาชิกอาจจะไปประยุกต์ใช้กับการปลูกต้นไม้ในไร่ เช่น ด้วยระยะห่างระหว่างต้นเท่ากันในพื้นที่เท่ากัน  ถ้าเราปลูกแบบสับหว่างเป็นฟันปลา หรือปลูกเป็นแถวโค้งจะทำให้สามารถปลูกต้นไม้ได้จำนวนมากขึ้น

ชักสนุกยังครับ?  อย่าหยุดจินตนาการของพวกเราเพียงแค่ 2 มิติ  เราอาจจะใช้มิติของแนวดิ่งเพิ่มเติม เช่น การจัดสวนเป็นรูปสปริงก้นหอยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตร สูง 1 เมตร จะได้พื้นที่ปลูกพืชยาวมากกว่า 9 เมตร  แต่เราก็สามารถใช้ mini-springer ขนาด 2 เมตรรดน้ำทั้งหมดนี้ได้อย่างสบายๆ แถมเรายังปลูกพืชที่ต้องการน้ำหลากหลายได้มากขึ้น โดยปลูกพืชที่ชอบน้ำมาก (ตัวอย่าง เช่น watercress) อยู่ด้านล่าง  พืชที่ชอบน้ำน้อยอยู่ด้านบน เป็นต้น

เพื่อนสมาชิกหลายท่านอาจจะมีจินตนาการมากกว่านี้อีก  อยากให้เราเรียนรู้หลักคิดเหล่านี้มาปรับใช้ในการออกแบบการใช้พื้นที่ในบ้าน/สวน ของเรา  คำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ การทำงานบำรุงรักษา การรดน้ำ การผสมผสานกันของพืชที่ปลูก แมลง และสัตว์ต่างๆ ในสวน  และสุดท้ายอย่าลืมเรื่องความสวยงามนะครับ  แล้วติดตามตอนต่อไปของเพอร์มาคัลเจอร์นะครับ

เพอร์มาคัลเจอร์ #1 : แนะนำแนวคิดเบื้องต้น

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://my-experimental-farm.blogspot.com

ความเห็น

:ahaaah: แหม...ดีกว่าต้นไม้สวนพี่อีก  ของพี่ให้เทวดาเลี้ยงอย่างเดียว  ต้นไม้ฉันต้องเข้มแข็ง

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

:cheer3: เอาเลยพี่แจ้ว...เดี๋ยวผมตาม

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

ตรงไหนใกล้น้ำ ดินไม่แข็. ป้าแมวก็พอใจแล้ว 

:ahaaah: แหม...ป้าแมวเก่งอยู่แล้ว

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

แวะมาดู..ได้แต่ดูจริงๆ(ให้พี่โจ ทำดีกว่า..ที่เยอะ555)

sudjai_waitong@hotmail.com
     0805401058

:uhuhuh: ได้เลย...อาณาจักรพี่โจนั้นใหญ่โตยิ่งนัก

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

ได้ความรู้ใหม่

:uhuhuh: :uhuhuh: :uhuhuh:

เดินตามความฝันของตัวเอง

ยินดีครับ :embarrassed:

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

ปลูกซะเต็มแล้ว ทำไงดีพี่นึก

ชีวืตที่เพียงพอ..

หน้า